logo-heading

หากจะพูดถึงนักเตะที่มีแฟนบอลเกลียดมากที่สุดในโลกตอนนี้ หนึ่งในนั้นคงต้องมีชื่อของ ‘ริชาร์ลิซอน’ ดาวเตะผู้เป็น ‘ตัวแสบ’ ของเหล่าแฟนทีมคู่แข่ง ทั้งในและนอกสนาม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นที่หนักหน่วงและยียวนกวนประสาท แถมยังคอยแกว่งเท้าเรียกบาทา ด้วยคำพูดคำจา พร้อมด่า, พร้อมเสียดสีใส่ทุกคนทุกระดับ

แต่กลับมาฝั่งแฟนเอฟเวอร์ตัน ริชาร์ลิซอนคือนักเตะที่ถูกรักอย่างสุดหัวใจ ด้วยการที่เขาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทีมชนะ แม้เขาจะต้องกลายเป็นวายร้ายและที่ถูกเกลียดจากคนภายนอกก็ตาม

แต่ทุกๆ การกระทำล้วนมีเหตุผล ถูกไหมครับ? รวมถึงการทำตัว ‘ร้ายๆ’ ของริชาร์ลิซอนก็เช่นกัน เพราะตลอดเส้นทาง และสภาพแวดล้อมรอบตัวทุกอย่างที่เขาได้สัมผัส มันได้หล่อหลอมตัวตนจนกลายมาเป็นริชาร์ลิซอนอย่างทุกวันนี้ …

โดยสาเหตุทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ในย่านสลัมของเขตโนวา เวเนเซีย เขตเทศบาลแห่งหนึ่งในประเทศบราซิล มันเป็นถิ่นเกิด ถิ่นที่สอนให้ริชาร์ลิซอนเรียนรู้เรื่อง ‘การเอาตัวรอด’ ตั้งแต่วัยเยาว์

เพราะชุมชนแออัดแห่งนี้เต็มไปด้วยอาชญากรรมและยาเสพติด โดยริชาร์ลิซอนเคยกล่าวย้อนว่าเพื่อนวัยเด็กของเขาบางคน ต้องเสียชีวิตเพราะค้ายา และหลายคนก็ถูกจองจำอยู่ในคุก

แต่สิ่งทำให้เด็กน้อยริชาร์ลิซอน หนีห่างมาจากวงการมืดมาได้เป็นเพราะ ‘ฟุตบอล’ เขามีความฝันอยากเป็นพ่อค้าแข้งแบบคุณพ่อ โดยคุณพ่อของเขาเคยเป็นนักเตะระดับสมัครเล่นที่ไม่ได้มีชื่อและรายได้อะไรนัก

แม้เส้นจะยากลำบากมาก เขาต้องเดินทางไปโรงเรียนกีฬาหรือโรงเรียนฟุตบอล ด้วยการเดินเท้ากว่า 9 กิโลเมตรทุกวัน มิหนำซ้ำด้วยฐานะทางบ้านที่ยากจน ทำให้เขาต้องทำงานพิเศษมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นทำฟาร์ม, ขายไอติม, ขายช็อคโกแลต หรือการล้างรถควบคู่ไปกับการฝึกลูกหนัง

มิหนำซ้ำไปอีก เขายังเจอกับปัญหาพ่อแม่แยกทางกัน แต่ตัวริชาร์ลิซอนก็ยังประคับประคองตัวเองให้อยู่ในลู่ ไม่ไปพึ่งยาเสพติด หรือยุ่งเกี่ยวกับโลกมืด แต่ทว่าโลกมืดเหล่านี้ก็ได้คืบคลานมากระทบหาเขา

เมื่อช่วงอายุได้ 14 ปี มีวันหนึ่งเด็กน้อยริชาร์ลิซอนกับเพื่อน กำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเตะบอลเสร็จ ในเวลาราวๆ 2 ทุ่ม ได้มีผู้ชายหรือคนโตแล้ว 2 คน จากไหนไม่รู้ เดินเขามาหาพวกเขา พร้อมกับปืนขึ้นมาจ่อที่หัวของทั้งสอง โดยริชาร์ลิซอนได้กล่าวย้อนถึงเรื่องนี้ไว้ว่า

“เขาเอาปืนมาจ่อที่หัวผม เขานึกว่าผมเป็นคนขายยาและพยายามแย่งจุดปล่อยยาไปจากเขา ผมกลัวสัสๆ เลย ถ้าเขาเผลอไปลั่นไกปืน คือผมตายทันที”

โชคดีที่เด็กน้อยทั้งสองรอดมาได้ และสิ่งที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ก็คือ ‘ฟุตบอล’ อีกครั้ง ริชาร์ลิซอนโชว์ลูกฟุตบอลให้กับชายถือปืนดู พร้อมบอกว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่เด็กที่ไปเตะบอลมาเท่านั้น และนั่นจึงทำให้เขาและเพื่อนรอดจากเหตุการณ์นี้มาได้ และกลายเป็นหนึ่งในประสบการณ์ชีวิตที่เขาจำไม่ลืม และเป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้ริชาร์ลิซอนต้องพยายามเอาตัวรอดจากทุกสิ่งรอบตัว

 

เมื่อถึงวัยได้ 17 ปี ไอหนุ่มริชาร์ลิซอน ยังเป็นเพียงนักเตะในระดับเยาวชน โดยในบราซิลถือว่าอายุระดับนี้ หากฝันจะทำอาชีพนักเตะ ก็ควรจะได้เล่นในชุดใหญ่หรือมีสัญญาอาชีพได้แล้ว เพราะมิเช่นนั้น อาจจะไม่ทันถึงฝั่ง

นั่นทำให้ริชาร์ลิซอนเริ่มท้อใจ เพราะเจ้าตัวได้ไปทดสอบฝีเท้ามาแล้วหลายสโมสร แต่โดนปฏิเสธไปนับ 10 หน จนเขาเริ่มคิดถึงเรื่องอาจต้องละทิ้งความฝัน เพื่อมองถึงความเป็นจริง และหางานอื่นทำเงินหาเลี้ยงครอบครัวแทน

แต่อยู่ๆ วันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่ช่วยเปลี่ยนชีวิต และเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ผลักดันตัวเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

ริชาร์ลิซอนตอนนั้น ได้เดินทางไปหาชายผู้มีศรัทธาในความฝันของเขามากที่สุด นั่นก็คือ ‘คุณพ่อ’ ทั้งสองได้ออกไปพักผ่อน หาตกปลาในย่านระแวกใกล้เคียง ที่นั่นมีบ่อปลา 3 บ่อ เจ้าของที่อนุญาตให้พวกเขาตกปลาได้เพียงสองบ่อเท่านั้น สระที่สามห้าม

พวกเขานั่งตกปลาในสระที่หนึ่งและสองทั้งวัน แต่ไม่ได้อะไรเลย ทว่าตอนกำลังเดินกลับ พวกเขาเดินไปผ่านบ่อสามที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ตก แล้วริชาร์ลิซอนเกิดนึกขรึ้ม แกว่งเบ็ดลงไปในสระ และเพียง 2 วิเท่านั้น ปลาติดกับทันที ได้มีอะไรติดมือกลับบ้าน

และแน่นอนเจ้าของที่มารู้เรื่อง เขาเข้าไปด่ากราดใส่พ่อของริชาร์ลิซอนต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน พร้อมดูถูกว่าจะไล่พ่อของเขาออกจากชุมชนเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ

ริชาร์ลิซอนรู้จักพ่อเขาดี เขาเผยว่าสิ่งสุดท้ายที่พ่อของเขาไม่อยากเผชิญ ก็คือการทำให้ถูกขายหน้า

และในโมเมนต์นั้น ก็เกิดมีอะไรแล่นเขามาในหัวเขาอย่างจัง โดยริชาร์ลิซอนเล่าว่าวันนั้นเขาได้กล่าวกับคุณลุงไว้เลยว่า

“ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สัญญาอาชีพ ผมจะพาพ่อของผมออกจากที่นี่”

การเป็นนักเตะฟุตบอล จากที่เป็นความคิด กลายมาเป็นสิ่งที่เขาโคตรหมกมุ่น ริชาร์ลิซอนมุ่งมั่นซ้อมใส่สุด เพื่อเดิมพันกับโอกาสครั้งสุดท้าย กับการทดสอบฝีเท้ากับทีม ‘อเมริกา มิไนโร่’

เขาซื้อตั๋วขาไปเพียงเที่ยวเดียว เพราะมีเงินพอแค่นั้น และในที่สุดมันก็สำเร็จ เขาได้เซ็นสัญญากับอเมริกา มิไนโร่

 

อนาคตริชาร์ลิซอนเริ่มสดใส เขาสร้างผลงานได้ดีตั้งแต่ฤดูกาลแรกในเกมระดับอาชีพ จนได้ไปอยู่กับหนึ่งในทีมที่ใหญ่ที่สุดในบราซิล อย่าง ‘ฟลูมิเนนเซ่’

แต่เจ้าก็ยังคงตัวตนที่ถูกหล่อหลอมจากสภาพแวดล้อมในอดีต โดยอัลเมดา อาเราโฮ อดีตโค้ชของริชาร์ลิซอน เคยกล่าวถึงความประทับใจในนักเตะคนนี้ สมัยเล่นในลีกบราซิลแรกๆ ไว้ว่า

“ภาพจำของผม คือเขาโดนไล่เตะกระกาย กองหลังชนเขาล้มแล้วล้มเล่า หลายคนคงคิดว่าเขาต้องลงไปนอนกุมเข่าเล่นต่อไม่ไหวเป็นแน่ แต่ไม่ใช่เลย เขาลุกขึ้นมาตั้งหน้าตั้งตาเล่นต่อ เขาเป็นนักสู้ผู้ไม่เคยยอมแพ้”

ซึ่งเป็นสิ่งที่ริชาร์ลิซอน ได้เรียนรู้มาจากการทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดจากสังคมรอบตัว และการใช้ถ้อยคำที่เคยโดนดูถูก, ด่าทอมาเป็นแรงกระตุ้น

เขาพัฒนาแบบก้าวกระโดด จนไปโดนใจ ‘วัตฟอร์ด’ ทีมใน ‘พรีเมียร์ลีก’ ลีกที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด เพราะชื่นชอบในความเร็วของเกม แถมมันน่าจะเป็นลีกที่โคตรเหมาะสำหรับนักเตะที่พร้อมบวกแบบไม่กลัวตีน กลัวโดนเตะแบบเขา

และแล้วเขาก็ได้ย้ายมาร่วมถิ่นแตนอาละวาด เขาฝ่าทั้งกำแพงภาษาและสภาพอากาศที่โคตรไม่คุ้นชิน เริ่มแจ้งเกิดในฐานะเด็กหนุ่มฝีเท้าดี ผู้มีอารมณ์ร่วมกับสูง และยังมีมาย-เซ็ทผู้ชนะที่ต้องการทำทุกอย่างให้ทีมคว้าชัย แม้ว่ามันจะไม่เป็นที่ถูกใจของแฟนบอลฝั่งข้ามก็ตาม

 

และเล่นกับวัตฟอร์ดได้แค่ปีเดียว ริชาร์ลิซอนได้ย้ายมาสู่รั้วกูดิสัน ปาร์คกับ ‘เอฟเวอร์ตัน’ ด้วยค่าตัวสูงถึง 35 ล้านปอนด์ 

จนเกิดเป็นคำสบประมาทจากหลายคน ว่าราคาของเขาแพงเกินฝีเท้า แต่ใช่ครับอย่างที่เราเริ่มพอจะรู้จักกันดี ชายคนนี้เก็บทุกคำด่า, คำดูถูกมาเป็นแรงผลักดัน

เขาก้าวมาทำหน้าที่ตัวหัว แกนหลักของทีมได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องการทำเกมรุก, ทำสกอร์ รวมถึงการเป็นตัวแสบทำทุกวิถีทางให้ทีมได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นการยียวน เรียกฟาวล์ หรือจะเข้าหนัก

และเขาทุ่มเททำแบบนี้ เยอะ! ถึงขนาดที่หากเราไปเสิร์ชยูทูปคำว่า “football fight” เราจะสามารถเจอช็อตที่ริชาร์ลิซอนเกือบจะวางมวยกับนักเตะร่วมลีกมากเป็นสิบหน

ยังไม่นับรวมลีลาปากดีตอนสัมภาษณ์ ยกตัวอย่างการบอกว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซ็นเตอร์คนดังของลิเวอร์พูล ทีมอริเบอร์ 1 เอฟเวอร์ตัน ว่าฝีเท้าดาดๆ ยังเก่งสู้เพื่อนร่วมชาติของเขาอย่าง มาร์ควินญอส ไม่ได้เลย

หรือการด่าเจมี่ คาร์ราเกอร์ ว่าควรไปแปรงฟัน ก่อนจะมาพูดถึงเขาและเอฟเวอร์ตัน พร้อมบอกแรง ไม่ให้ความเคารพชายคนนี้

เขาจึงกลายเป็นไอแสบที่ถูกเกลียดไปทั่ว เพราะทุกนัดเขาร้ายเต็มที่ ทั้งในและนอกสนาม แต่กลับในฝั่งแฟนเอฟเวอร์ตัน ริชาร์ลิซอนคือหนึ่งในคนที่ถูกรักมากที่สุด เพราะเขาเป็นหนึ่งในคนที่ทุ่มเทมากที่สุดเพื่อทีม

โดยเฉพาะฤดูกาลล่าสุด ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน ต้องเจอปัญหาทั้งตัวหลักคนอื่นๆ พร้อมใจและคอยสลับกันเข้าโรงบาล หรือจะเป็นการเปลี่ยนโค้ช แต่ก็ได้ชายคนนี้ที่คอยแบกทีมไว้บนบ่า ใส่สุดทุกอย่างทั้งเล่น ทั้งบวก ทำทุกอย่างเพื่อโลโก้สโมสรที่ติดอยู่ตรงเสื้อ และพาทีมรอดตกชั้น

และเขายังได้ความรักจากแฟนๆ ในแง่ของความใจบุญ ไม่เคยลืมรากเหง้าของตัวเอง เขาคอยบริจาคให้ชุมชนและบ้านเกิด โดยเฉพาะกับเด็กๆ เขาเสมือนเป็น ‘ฮีโร่ผู้น่ารัก’ เป็นไนซ์ กายต่อเด็กน้อย ทั้งคอยช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหา คอยแจกลายเซ็น และการเป็นแรงบันดาลใจ

โดยมาร์โก ซิลวา อดีตโค้ชของเขาทั้งสมัยกับวัตฟอร์ดและเอฟเวอร์ตัน ได้กล่าวชื่นชมถึงเรื่องนี้ของอดีตลูกทีมคนนี้ไว้ว่า 

“สิ่งที่เขาทำนอกสนาม เหมือนกระจกสะท้อนกับสิ่งที่เขาทำในสนาม เขาสู้เพื่อความเป็นอยู่พื้นฐานที่ดีของทุกคน เขาไม่เคยลืมสภาพแวดล้อมร้ายๆ ที่เคยประสบ”

ในสนามชายชายคนนี้คือสัตว์ร้ายที่กระหายชัย ส่วนนอกสนามเขากลายเป็นฮีโร่ที่น่ารักของเหล่าเด็กๆ และแฟนบอลของเขา

เราสามารถมั่นใจได้เลยว่า ‘แฟนสเปอร์ส’ จะรักเขา เหมือนที่แฟนเอฟเวอร์ตันรัก และแฟนทีมคู่อริหรือทีมอื่น ก็จะเกลียดเขาแบบที่แฟนทีมเพื่อบ้านเอฟเวอร์ตันเกลียด และนี่คือตัวตนอันมีที่มาของชายชื่อ ริชาร์ลิซอน ไอตัวแสบที่แฟนทีมอื่นเกลียด แต่แฟนทีมตัวเองโคตรจะรักครับ.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline