ใครคือ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ? ผู้บัญชาทัพ ปารีส คนใหม่

หลายๆ คนอาจจะรู้สึกงงว่า คริสตอฟ กัลติเย่ร์ มือถึงรึเปล่า ? เหมาะกับการคุมทีมใหญ่อย่าง เปแอสเช รึเปล่า ? วันนี้ทาง “ขอบสนาม” ขออาสาพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้นกันครับ 

เส้นทางค้าแข้ง

ย้อนกลับสมัยเป็นนักฟุตบอลตลอดช่วง 15 ปีสำหรับ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ จัดว่าแข้งพเนจรคนหนึ่งกับการค้าแข้งกับ 7 สโมสรไม่ว่าจะเป็น โอลิมปิก มาร์กเซย, ลีลล์, ตูลูส, อองเช่ร์, นีมส์, มอนซ่า และ เหลียวหนิง แต่หลักๆ แล้วจะใช้เวลาอยู่กับ "โอแอ็ม" ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเส้นทางค้าแข้งและอีกคำรบหนึ่งคือช่วงปี 1995-97

คริสตอฟ กัลติเย่ร์ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง แต่ก็ไม่เคยมีช่วงเวลาที่ได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์เลยสักครั้ง จะมีใกล้เคียงที่สุดก็คือตอนปี 1987 ที่ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอล เฟร้นช์ คัพ ก่อนที่สุดท้ายจะแพ้ให้กับ บอร์กโดซ์ไป 0-2

เส้นทางผู้จัดการทีม

หลังจากตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 1999 คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ก็ได้เริ่มต้นเส้นทางสายกุนซือในทันทีทันใดโดยเริ่มจากการเป็นช่วยโค้ชก่อนที่ มาร์กเซย, อริส และ บาสเตีย จนถึงปี 2004 จากนั้นอีกราวๆ 5 ปีก็รับบทบาทเป็นมือขวาของ อแล็ง เปร์แร็ง ทั้งที่ อัล-ไอน์, พอร์ทสมัธ, โซโชซ์, โอลิมปิก ลียง และ แซงต์-เอเตียนน์ 

แซงต์-เอเตียนน์

คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ได้โอกาสก้าวขึ้นมารับงานเป็นผู้จัดการทีมแบบเต็มตัวครั้งแรกก็ตอนปลายปี 2009 ที่ แซงต์-เอเตียนน์ จมอยู่โซนท้ายตารางและต้องดิ้นรนอย่างหนักในการหนีตกชั้น เขาได้ขึ้นมาบัญชาทัพแทนที่ อแล็ง เปร์แร็ง ที่โดนสั่งปลดออกจากตำแหน่งไป และท้ายที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการพาทีมหนีตายได้สำเร็จจากการจบที่อันดับ 17

นับตั้งแต่นั้นชื่อของ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ก็ถูกพูดถึงกันสนั่นในแวดวงฟุตบอลฝรั่งเศส เพราะเขาคือคนที่ยกระดับให้ แซงต์-เอเตียนน์ กลับมาเป็นที่น่ากลัวทีมนึงบนเวที ลีก เอิง ฝรั่งเศส พาทีมจบ 10 อันดับแรกได้ 7 ฤดูกาลติดต่อกัน และมีอยู่ 4 ปีที่สามารถคว้าโควต้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้อีกด้วย

ปี 2013 คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ได้รับเครดิตไปเต็มๆ กับการพา แซงต์-เอเตียนน์ ชนะ แรนส์ คว้าแชมป์ เฟร้นช์ คัพ มาครองได้สำเร็จ นับเป็นถ้วยแชมป์ใบแรกในชีวิตของเขา แถมยังเป็นถ้วยแชมป์ในแรกของสโมสร แซงต์-เอเตียนน์ ในรอบ 32 ปีอีกด้วย ก่อนที่ปี 2017 เจ้าตัวจะต้องอำลาทีมไปเพราะหมดสัญญา พร้อมสร้างสถิติเป็นกุนซือที่อยู่คุมทีมนานที่สุดในยุคนี้ที่ 8 ปีด้วยกัน

ลีลล์

22 ธันวาคม ปี 2017 ภารกิจใหม่ของ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ก็คือต้องพา ลีลล์ หนีตกชั้นให้จงได้เมื่อทีมต้องจมดิ่งอยู่อันดับที่ 18 ณ ตอนนั้น แต่สุดท้ายก็เป็นไปตามที่หวังเพราะทัพ "ตราหมา" สามารถหลีกเลี่ยงการตกชั้นได้จริงๆ โดยมีแต้มเหนือโซนแดงแค่เพียงแต้มเดียวเท่านั้น

ปีต่อมาหลังจากนั้น ลีลล์ ของ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ได้ประกาศศักดาด้วยการกลับมาเป็นทีมชั้นนำของ ฝรั่งเศส อีกครั้งด้วยการทะยานจบที่ อันดับ 2 ของลีก ถ้าไม่มี ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ได้ชื่อเป็นสโมสรที่ไร้เทียมทานที่สุดของ ฝรั่งเศส แน่นอนว่ายังไงแชมป์ ลีก เอิง ก็จะตกเป็นของพวกเขาแน่นอน แต่ก็ยังได้โอกาสกลับไปเล่นฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในรอบ 7 ปี ถึงท้ายที่สุดจะต้องจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่ม แต่สำหรับแฟน ก็พอใจมากๆ กับการเห็นทีมรักกลับไปอยู่บนเวทีนั้นอีกครั้ง

ในยุคที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กลายเป็นสโมสรมหาอำนาจที่ครองเบอร์ 1 ของประเทศ มีซูเปอร์สตาร์มากมาย แน่นอนว่าการจะโค่นพวกเขาไม่ใช่งานที่ง่ายเลย แต่สำหรับ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ แกทำได้ เขาทำให้ ลีลล์ กลายเป็นสโมสรที่ 2 ต่อจาก โมนาโก ที่สามารถปาดหน้า เปแอสเช และเถลิงบัลลังก์แชมป์ ลีก เอิง อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2020-21 ซึ่งนั่นคือแชมป์ ลีก เอิง สมัยที่ 4 บนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร

เขาได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากเหล่าบรรดาสื่อและกูรูชื่อดังของ ฝรั่งเศส ทั้งเรื่องของผลงาน, แท็คติก และการยกระดับพวกนักเตะอย่าง โจนาธาน เดวิด, เรนาโต้ ซานเชส, ไมค์ ไมญ็อง และอีกมากมาย

ด้วยเหตุนี้มันก็ทำให้ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ คว้ารางวัล ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ ลีก เอิง เป็นสมัยที่ 3 ต่อจากปี 2013 และปี 2019 แต่ท้ายที่สุดแกก็ตัดสินใจลาออกจากทีมไปหลังจากคว้าแชมป์ได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น

สไตล์การทำทีม

เรื่องของสไตล์การทำทีมสำหรับ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ไม่ได้มีรูปแบบแผนการเล่นที่ตายตัวบางทีก็เล่น 4-2-3-1 หรือไม่ก็ 4-4-2 แล้วแต่เกมว่าเจอกับคู่แข่งแบบไหน แต่หลักๆ ในยุคที่พา ลีลล์ เถลิงบัลลังก์แชมป์ ลีก เอิง จนถึงตอนนี้ที่ทำผลงานได้ดี กับ นีซ ส่วนใหญ่แกจะยึดระบบ 4-4-2 เป็นหลัก เน้นการคุมเกมตรงกลางและเซ็ตบอลจากหลัง ทิศทางส่วนใหญ่จะอาศัยความสามารถเฉพาะตัวจากผู้เล่นตำแหน่งริมเส้นในการเคลื่อนเกมและสร้างสรรค์โอกาส 

ยามเล่นเกมรับก็จะแปลงระบบมาเป็น 5-4-1 ห้อยหน้าไว้ตัวเดียว และที่เหลือก็คือลงต่ำมาคอยคุมโซนและคอยซ้อนกันในจังหวะต่างๆ นั่นจึงทำให้ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ได้รับคำชมอย่างมากในเรื่องของแท็คติก ลูกทีมเล่นกันเป็นระบบระเบียบ รัดกุม ดูอย่าง นีซ ปีนี้พวกเขาอาจไม่ใช่ทีมที่ยิงเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของลีก แต่พวกเขาคือทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกที่ 36 ประตูเท่ากับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

นีซ

ความท้าทายครั้งใหม่ของ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ เกิดขึ้นอีกครั้งในฤดูกาล 2021-22 กับบทบาทนายใหญ่ของ นีซ โดยมีโปรเจ็กต์ก็คือการพาทีมกลับไปเล่นฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งจากที่ปีก่อนจบที่อันดับ 9

คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีอย่างต่อเนื่อง ถ้าพูดถึงการเจอกับทีมใหญ่ๆ พวกเขาไปเยือนชนะ ลีลล์ แชมป์เก่า 4-0 เปิดบ้านเสมอกับ โมนาโก 2-2 เปิดบ้านชนะ โอลิมปิก ลียง 3-2 ตามด้วยเสมอกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ในบ้านตัวเอง 1-1 ไปเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นัดแรกก็เก็บผลเสมอมาได้ 0-0 ถ้านับแค่ตอนนี้มีบุกไปแพ้แค่ ลียง ทีมเดียว

ในเกมฟุตบอล เฟร้นช์ คัพ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ก็เป็นคนพา นีซ โค่นตัวเต็งอย่าง เปแอสเช ลงได้อีกด้วยจากการชนะจุดโทษ แต่น่าเสียดายที่รอบชิงชนะเลิศพวกเขาต้องปราชัยให้กับ น็องต์ ไปด้วยสกอร์ 0-1

ช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายนนับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ นีซ และ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ซึ่งสะดุดทำแต้มหล่นไปมากมาย ถึงแม้สุดท้ายจะกลับมาคืนฟอร์มเก็บชัยชนะได้รัวๆ ในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ก็ไม่สามารถพาทีมคว้าโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ตามที่หวังจากการจบที่อันดับ 5 ของตาราง

อย่างไรก็ตามด้วยผลงานส่วนตัวที่เกิดขึ้นกับการพัฒนาและยกระดับทีมอย่าง นีซ ก็ทำให้ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นโค้ชที่ดีที่สุดบนเวที ลีก เอิง ฝรั่งเศส ถึงจะพาทีมจบที่อันดับ 5 แต่ก็เป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกที่ 36 ประตู 

และที่พีคสุดๆ เลยก็คือ นีซ ของเขาไม่แพ้ให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เลยตลอดการเจอกัน 3 นัดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งในเกมลีก 2 นัดเหย้าเยือน รวมไปถึงเกม เฟร้นช์ คัพ มีกุนซือน้อยคนนักที่จะทำได้ในยุคเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า เปแอสเช คือสโมสรที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทานที่สุดของ ฝรั่งเศส

ความฝัน

"การได้คุมทีมฝรั่งเศสนับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโค้ชทุกคน การได้คุมทีมประเทศของคุณ ชาติของคุณ มันคือสิ่งที่น่าตื่นเต้น และมหัศจรรย์ และมันก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ"

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความฝันของโค้ชทุกคนคือการได้เป็นตัวแทนของชาติ ได้ทำงานในถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน โดยในฐานะแฟนบอลเราอาจจะเห็น ซีเนดีน ซีดาน ว่าเหมาะเหม็งที่สุดที่จะเป็นตัวแทนของ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ แต่ถ้าเกิดดูจากโปรไฟล์ที่สั่งสมมาตลอดช่วงหลายๆ ปีต้องบอกเลยว่า คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ผลงานของเขาจับต้องได้และก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

เรื่องของ ทีมชาติฝรั่งเศส อาจต้องเอาไว้คุยกันทีหลังเพราะตอนนี้ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แทนที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่โดนสั่งปลดออกจากตำแหน่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

สรุป ไทม์ไลน์ เด่นๆ 

ธันวาคม 2017 - ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุม ลีลล์ เพื่อหนีตกชั้นซึ่งตอนนั้นจมอยู่อันดับ 18

ฤดูกาล 2020-21 - พา ลีลล์ คว้าแชมป์ ลีก เอิง เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011

ฤดูกาล 2021-22 - ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุม นีซ และพาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เฟร้นช์ คัพ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1997

เจอกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ 3 นัด รวมทั้ง ลีก เอิง และ เฟร้นช์ คัพ และไม่แพ้เลยแม้แต่นัดเดียว

5 กรกฏาคม 2022 - คริสตัล กัลติเย่ร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าไปคุม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แทนที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เซ็นสัญญาถึงปี 2024

HaMu Dos Santos