logo-heading

เหมือนว่า เรือใบสีฟ้า จะเก็บ 3 คะแนนได้สบายๆ ตั้งแต่ 5 นาทีแรก จาก อิลคาย กุนโดกัน แต่กระนั้นที่นี่มัน เซนต์ เจมส์ พาร์ค เพราะขุนพล สาลิกาดง กลับมาพลิกแซง 3-1 แบบไม่มีใครคาดคิด ทว่าสุดท้ายก็จบลงด้วยผลสกอร์ 3-3 ซึ่งหลังจบเกมมีประเด็นอะไรให้พูดถึงกันบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

- ฟอร์ม แม็กซิแมง + นิค โป๊ป เอาไป 5 กะโหลก

เชื่อว่าหลายๆคนเพิ่งจะมาเห็นฟอร์มของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กันแบบเต็มๆในเกมเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใช่ไหมครับ เพราะมีการอุทานกันเต็ม "เฟซบุ๊ค" ว่า "สาลิกาดง" เล่นโคตรมันส์ เพราะไม่มีการเล่นแบบเจี๋ยมเจี้ยม ได้บอลเมื่อไหร่ พร้อมใช้แท็คติคโจมตีแบบสายฟ้าฟาดทันที

ซึ่งในเรื่องของเกมรุก คนที่้เล่นได้โดดเด่นมากที่สุด คงต้องยกให้กับ อัลล็อง แซงต์-แม็กซิแมง ปีกตัวจี๊ดของ นิวคาสเซิ่ล เพราะเล่นงานฝั่งขวาของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนหัวหมุน เขามีส่วนสำคัญทำให้ทีมได้ทั้ง 3 ประตู ด้วยการทำ 2 แอสซิสต์ และ เรียกฟรีคิกให้ทีมซัดประตูได้อีก 1 ครั้ง นับเป็นฟอร์มที่โคตรเข้าตาแฟนบอล โดยสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับ แซงต์-แม็กซิแมง ก็คือ การออกบอลง่ายขึ้น ไม่เล่นบอลชายเดี่ยว ไปคนเดียวแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว

ส่วนอีกรายที่เป็นนักเตะคนสำคัญช่วยให้ นิวคาสเซิ่ล มีแต้มในเกมเจอกับ แมนฯ ซิตี้ ต้องยกให้เป็น นิค โป๊ป นายทวารแห่งค่าย สาลิกาดง ต่อให้จะโดนยิง 3 ประตู แต่เป็น 3 ลูกที่หมดปัญญาจริงๆ อะไรที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขาเซฟไว้ได้ทั้งหมด ต่อให้จะมีช็อตหลุดเดียวของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แต่การอ่านเกมของเขานั้นไวมาก ออกมาปิดมุมยิงได้อย่างยอดเยี่ยม

ถ้าวันนี้ นิวคาสเซิ่ล ไม่มี นิค โป๊ป อาจโดนเกินกว่า 3 เม็ดไปแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ 0-1 เขาก็เซฟสำคัญช่วยให้ สาลิกาดง ยังอยู่ในเกม หรือ แม้แต่ตอนโดนตีเสมอ 3-3 ก็ช่วยทีมไว้ได้อีก ฉะนั้นต้องให้เครดิตกับเขาไปเต็มๆ

- เดอ บรอยน์ โหดเกินมนุษย์มนา

จริงๆแล้วในตำแหน่งตัวรุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ก็โดดเด่นมากเลยนะครับ มี 1 ประตู พร้อมทำอีก 1 แอสซิสต์ แต่กระนั้นฟอร์มของ เควิน เดอ บรอยน์ ไม่พูดถึงไม่ได้จริงๆ ให้พูดตามตรงเลยนะครับ นิวคาสเซิ่ล สมควรเป็นผู้ชนะ ถ้า เรือใบสีฟ้า ไม่มีชายที่ชื่อว่า เดอ บรอยน์

ทุกครั้งที่ เดอ บรอยน์ ได้หมด ประหนึ่งว่าเขาสามารถผ่านบอลทะลุช่องได้ทุกครั้ง และ เพื่อนๆก็เหมือนจะรู้ใจวิ่งไปตรงจุดนัดพบอยู่เสมอ โดยลูกตีเสมอ 3-3 ถึงกับต้องอึ้งเลยว่า เดอ บรอยน์ จ่ายให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ทำประตูได้อย่างไร ทั้งๆที่นักเตะ นิวคาสเซิ่ล ยืนขวางกัน 3-4 คน แต่เขากลับมองเห็นทุกอย่าง ด้วยการจ่ายลอดดาก โจ วิลล็อค ไปแบบคลาสสิค ทำให้ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ เขาแอสซิสต์ไปแล้วทั้งสิ้น 3 ครั้ง

อารมณ์เหมือนรายการ คนอวดผี มีคุณริว จิตสัมผัส แต่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี เดอ บรอยน์ ที่เหมือนใช้ตาสัมผัส แค่มองเห็น ก็จินตนาการได้ว่าจะต้องจ่ายตรงไหน แอสซิสต์ตรงไหน นี่มันโหดเกินมนุษย์มนาจริงๆ

- นิวคาสเซิ่ล พร้อมท้าทายโควต้ายุโรป

นับตั้งแต่กลุ่มทุน ซาอุดิอาระเบีย ทิศทางของสโมสร นิวคาสเซิ่ล ก็เหมือนว่ากราฟชีวิตกำลังพุ่งสุดขีด จากทีมไม่มีเงิน ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น กลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร ร่ำรวยมากสุดบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ หลังจากเกมนี้ พวกเขาก็ประกาศศักดาว่าพร้อมท้าทายโควต้ายุโรปแล้ว

จริงอยู่ที่ท็อป 4 เพื่อทำอันดับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันอาจจะเร็วไป แต่ ยูโรปา ลีก หรือ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก คือสิ่งที่สโมสรสามารถตั้งเป้าเอาไว้ในใจได้เลย เพราะมันไม่ใช่เรื่องเพอฝันเกินจริง หากนำผลงานที่เจอกับ แมนฯ ซิตี้ มาเปรียบเทียบ

ตอนนี้ นิวคาสเซิ่ล เป็นหนึ่งใน 8 ทีม ที่ออกสตาร์ทมา 3 นัด ยังไม่เคยแพ้ให้กับทีมใด โดยแบ่งเป็นชนะ 1 และเสมอ 2 นัด ปัจจุบันรั้งอยู่อันดับ 8 ของตาราง ถ้าพวกเขาสามารถรักษาการเล่นไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีตัวหลักบาดเจ็บ เชื่อว่าซีซั่นนี้ สาลิกาดง พร้อมจะเข้ามาท้าทายบัลลังค์เพื่อโควต้าไปเล่นเกมยุโรปอย่างแน่นอน

- ประเด็นดราม่า ทริปเปียร์ ควรโดนใบแดง ?

หนึ่งในประเด็นดราม่า ที่มีการถกเถียงกันเกิดขึ้นในเกมนี้ ก็คือเรื่องที่ คีแรน ทริปเปียร์ แบ็กขวาของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สมควรจะโดนใบแดงหรือไม่ เพราะจงใจกระโดดใช้ขาขัดขวางการเล่นของ เควิน เดอ บรอยน์ ชนิดที่ยกขาไปขวางถึงตรงหัวเข่า จน KDB ล้มกลิ้งล้มหงาย

เดิมที ผู้ตัดสิน ชูใบแดงไล่ ทริปเปียร์ ออกจากสนามทันที แต่ก็ได้วิ่งไปดู VAR ข้างสนาม เพื่อดูเหตุการณ์อีกครั้ง ก่อนเปลี่ยนใจมาให้แค่ใบเหลืองเท่านั้น ซึ่งดูจากภาพช้า ทำให้เกิดการวิจารณ์ และ เสียงแตกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝั่งหนึ่งก็มองว่าสมควรโดนไล่ออก เพราะยกขาสูงน่าเกลียดมาก ส่วนอีกฝ่ายก็มองว่าไม่ได้เปิดปุ่มสตั๊ด แค่ยกขาขวางเฉยๆ และ ทริปเปียร์ ก็ไม่ได้เป็นตัวสุดท้ายด้วย

ซึ่งแน่นอนประเด็นนี้ คงเถียงกันไปอีกยาว แต่กระนั้น เจมี่ คาร์ราเกอร์ กูรูทาง สกาย สปอร์ต ให้ความเห็นไว้ว่า "การฟาวล์ของ ทริปเปียร์ จะถูกนำมาพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการแจกใบแดง เนื่องจากมองว่าเจตนาของ ทริปเปียร์ ไม่ได้ต้องการเล่นบอลเลยแม้แต่นิดเดียว และ ยังเป็นเข้าสกัดแบบอันตราย เพราะยกขาถึงหัวเข่าของคู่แข่ง"

- 1 แต้มสำคัญของ เรือใบสีฟ้า

หลังจบเกม มันมีคำพูดประโยคหนึ่ง ที่หลายๆคนตั้งคำถามว่า "ต้องเล่นดีแค่ไหน ถึงจะหยิบ 3 คะแนน มาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ ?" เพราะขนาด นิวคาสเซิ่ล ช่วยกันเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะช่วง 25 นาทีหลังของครึ่งแรก ที่ตามหลัง 0-1 กดจน เรือใบสีฟ้า แทบไม่ได้ลืมตาอ้าปาก ถึงขั้นแซงนำ 3-1 ไปแล้วด้วย

ตอนที่สกอร์ แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง สาลิกาดง 1-3 เครื่องที่ใช้คำนวณอัตราการชนะ ให้ทาง เรือใบสีฟ้า มีโอกาสเก็บ 3 คะแนน แค่ 6 เปอร์เซ็นต์ เพราะมุมที่จะกลับมาแซงเอาชนะยากเหลือเกิน เนื่องจากแนวรับก็โดนปั่นป่วนจนหัวหมุน ส่วนเกมรุกก็ซัดผ่านมือ นิค โป๊ป ไม่ได้สักที

แต่นี่แหละครับ มันคือคุณภาพของทีมระดับแชมเปี้ยน ในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ แต่ขอแค่ไม่กี่จังหวะ แมนฯ ซิตี้ กลับมาได้อย่างเหลือเชื่อ ด้วยการตีเสมอ 3-3 ทั้งๆที่ เป๊ป ไม่ได้เปลี่ยนตัวสำรองลงไปเพื่อปรับแท็คติค

ต่อให้ท้ายที่สุดแล้ว แมนฯ ซิตี้ จะไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนได้ดั่งใจหวัง แต่มันถือว่าเป็น 1 แต้มสำคัญ ที่ทำให้พวกเขารั้งอยู่รองจ่าฝูง ตามหลัง อาร์เซน่อล แค่ 2 คะแนน เท่านั้น ที่บอกว่ามันเป็น 1 คะแนนสำคัญ เพราะเกมนี้ ไม่ใช่เกมที่ดีสำหรับ เรือใบสีฟ้า มากนัก แต่ก็อุตส่าห์เอาแต้มออกมาได้ ซึ่งไม่แน่ว่า 1 คะแนนอันล่ำค่านัดนี้ อาจส่งผลเหมือนซีซั่นก่อน ที่เคยเข้าป้ายคว้าแชมป์ เฉือน ลิเวอร์พูล ไปแค่ 1 แต้ม ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline