logo-heading

แถมโอกาสยิงประตูก็เยอะพอกันๆ มีเสา มีคาน ช่วยทั้ง 2 ทีมไว้ได้ รวมถึงผู้รักษาประตูทั้ง 2 ทีม ก็โชว์ฟอร์มช่วยทีมเอาไว้ได้เหมือนกันอีก โดยเฉพาะ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่โชว์คาถา "คัมภีร์หยุดกระสุน"

สุดท้ายจบลงไปด้วยสกอร์ 0-0 แต่เป็น 0-0 ที่ตื่้นเต้นระทึกใจจริงๆ เพราะเดินหน้าบุกเข้าใส่กันตลอดเวลา โดย เอฟเวอร์ตัน ก็ไม่ได้แค่ตั้งรับ แต่เกมรุกแบบสวนเจ็บๆก็มีเพียบ ส่วน ลิเวอร์พูล การไปเยือนคู่แข่งก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนากันต่อไป เนื่องจากซีซั่นนี้บุกไปถิ่นคู่แข่ง 3 นัด ชนะใครไม่ได้เลย 

เอาเป็นว่า เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งนี้ แม้จะจบแบบไร้สกอร์ แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน แต่ก็มีเรื่องให้พูดถึงเป็นประเด็นหลังเกมที่น่าสนใจ จะมีเรื่องอะไรบ้างไปติดตามกันครับ

- ผู้รักษาประตูทั้ง 2 ทีม โชว์ซูเปอร์เซฟ

ไม่รู้ว่า จอร์แดน พิคฟอร์ด ไปกินอะไรมาก่อนเกมหรือเปล่า เพราะไม่ว่า ลิเวอร์พูล จะโจมตีมาแบบไหน ทั้งลูกยิงใบไม้ร่วงของ ดาร์วิน นูนเญซ, ลูกยิงกำลังจะเสียบเสาของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หรือ ลูกยิงตามน้ำของ ฟาบินโญ่ แต่เขาก็สามารถเซฟไว้ได้ทั้งหมด ยิ่งท้ายเกมลูกเซฟ ซาลาห์ ที่ปัดไปชนเสา ก็โคตรสำคัญจริงๆ

ถ้า เอฟเวอร์ตัน ไม่มี พิคฟอร์ด วันนี้ รูปเกมของทีมอาจจะเละไปแล้วก็ได้ เพราะ ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงขึ้นแตะหลัก 20 ครั้งเลยทีเดียว แต่กระนั้นมันมีสถิติระบุว่า พิคฟอร์ด โชว์เซฟไปถึง 8 ครั้ง เอา แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมนี้ไปเลย

อย่างไรก็ตาม ทางฟากฝั่ง ลิเวอร์พูล ก็ต้องใช้ยาดมเหมือนกัน เนื่องจากพวกเขาหวุดหวิดจะเสียประตูอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะช็อตที่ นีล มัวเปย์ กองหน้า เอฟเวอร์ตัน ได้ยิงแบบเผาขน ตรงกลางประตูแบบพอดีเป๊ะ แต่ว่าก็เป็น อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่กางมือทำตัวใหญ่ เซฟไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ ไหนจะมีช็อตที่ ดไวท์ แม็คนีล ปั่นไปแฉลบกองหลัง ลิเวอร์พูล บอลกำลังจะย้อยเสียบคาน แต่ก็เป็น พ่อหมี นี่แหละครับ ที่สปริงท์ข้อเท้าปัดออกไปได้

- ลิเวอร์พูล กุมขมับ คาร์วัลโญ่ เจ็บเพิ่ม

สิ่งหนึ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ และ แฟนบอล ลิเวอร์พูล ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ก็คืออาการบาดเจ็บเพิ่มเติมของเหล่านักเตะ เพราะต่อให้จะได้ อาร์ตูร์ เมโล่ เข้ามาเสริมทัพ แต่ก็ต้องแลกกับการเสีย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ที่อาจจะพลาดลงสนามช่วยทีมถึง 5 นัด

ล่าสุด จากเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ .. หงส์แดง มีเรื่องให้ต้องปวดหัวอีกแล้ว เพราะ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ แนวรุกอนาคตไกล มีอาการบาดเจ็บตรงหัวเข่า จากการโดน อามาดู โอนาน่า กองกลางจาก เอฟเวอร์ตัน ดักปะทะ ซึ่งเจ้าตัวล้มลงไปนอนโอดโอย และ ฝืนเล่นต่อไปจนจบครึ่งแรก

อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ตัดสินใจถอด คาร์วัลโญ่ ออกไปพักทันทีในช่วงพักครึ่ง พร้อมกับส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงมาเล่นแทน ซึ่งต้องรอดูว่าอาการบาดเจ็บของดาวเตะสายเลืดโปรตุกีสรายนี้ จะเดี้ยงหนักมากแค่ไหน เพราะแค่นี้ลิสต์กองกลางบาดเจ็บ ก็ยาวเป็นหางว่าวแล้ว

- VAR ช่วยชีวิต ลิเวอร์พูล

สาวก เดอะ ค็อป คงรู้สึกหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มแล้วใช่ไหมล่ะครับ เมื่อเห็น เอฟเวอร์ตัน ส่งบอลเข้าไปซุกตาข่าย จากการชาร์ตจ่อๆของ คอร์เนอร์ โคดี้ นาที 69 เพราะโมเมนต์นั้นขุนพล ทอฟฟี่ เมนส์ บุกใส่ หงส์แดง แบบยับๆ แทบไม่ได้โงหัว พอยิงประตูเข้าไปทีมเจ้าบ้าน และ แฟนบอล ก็ตะโกนดีใจกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่ว่า VAR นี่แหละครับ เป็นคนช่วยชีวิต หงส์แดง ไม่ให้ตกระกำลำบาก เป็นฝ่ายตามหลัง เอฟเวอร์ตัน เพราะ VAR จับภาพ พร้อมกับตีเส้นให้เห็นว่า โคดี้ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าจริงๆ ทำให้สกอร์ถูกริบไป ก่อนจะจบเกมด้วยผลเสมอ 0-0 นับเป็นผลเสมอแบบไร้สกอร์ครั้งแรกของ ลิเวอร์พูล ในรอบ 69 นัด

ซึ่งแน่นอนว่าผลเสมอนัดนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ ลิเวอร์พูล เลย เพราะแข่ง 6 นัด มีเพียงแค่ 9 คะแนน เท่านั้น มีโอกาสหล่นมาอยู่กลางตารางด้วยซ้ำ เรียกว่าปีนี้ถ้าจะลุ้นแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ อาร์เซน่อล จ่าฝูง ตอนนี้บอกเลยว่าเหนื่อยจริงๆ

ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน แม้จะมีรีแอคชั่นที่ดีใจกับผลเสมอ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขาสักเท่าไหร่ในการเก็บ 1 คะแนน เนื่องจากจะมีแค่ 4 คะแนน จาก 6 นัด ชนิดที่ยังชนะใครไม่เป็น โดยมีโอกาสหล่นมาอยู่โซนตกชั้น ถ้าหาก วูล์ฟแฮมป์ตัน หรือ แอสตัน วิลล่า เก็บ 3 แต้ม ในสัปดาห์นี้ได้

- บทบาทใหม่ ซาลาห์ มีโอกาสทำประตูน้อยกว่าเดิม

นับตั้งแต่เพื่อนรักอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ย้ายออกไป วิธีการเล่นของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ดูเปลี่ยนไปด้วยครับ เพราะนับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น จนถึงมาจบเกมเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 0-0 บังโม เพิ่งซัลโวในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ไปแค่ 2 ลูกเท่านั้น ซึ่งจากที่เห็นเลยครับ ตำแหน่งการยืนของเขานั้นเปลี่ยนไป

คล็อปป์ เลือกจัด ซาลาห์ เล่นร่วมกับ ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอาซ ซึ่ง 2 คนนั้นทำเกมรุกเต็มตัว อีกคนขึ้นสูงทางซ้าย อีกคนพุ่งตัวเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ ฉะนั้น ซาลาห์ จึงต้องถอยมายืนต่ำกว่าเดิมไปโดยปริยาย เพื่อช่วยเชื่อมเกมจากมิดฟิลด์ไปสู่แดนหน้า

ตลอด 90 นาที เชื่อไหมครับว่า ซาลาห์ ไม่มีโอกาสแม้แต่ครั้งเดียว กว่าจะมาได้ซัดแบบเต็มข้อ ก็ปาเข้าไปช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลังแล้ว ซึ่งจังหวะนั้นก็ถูก พิคฟอร์ด ปัดปลายนิ้วไปชนเสา สาเหตุที่เป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะ ซาลาห์ เล่นไม่ออกนะครับ

แต่เหมือนว่าการถอยตัวเองลงมาต่ำ ทำให้เขามีโอกาสได้สร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนๆมากขึ้น จากคนที่เคยตะบี้ตะบันลากไปเอง เพื่อหวังยิงเอง แต่ตอนนี้ บังโม เปลี่ยนมาเป็นคนที่ออกบอลง่าย เห็นเพื่อนโล่งจะจ่ายให้ทันที แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีครับ อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ก็จะขาดอาวุธหนักไปในตัวด้วย เพราะอย่างที่เห็น ดาร์วิน นูนเญซ แทบไม่สามารถแผลงฤทธิ์อะไรได้มากนัก

เชื่อว่าเกมต่อๆไป คงจะมีการปรับเปลี่ยนระบบการยืนของ ซาลาห์ ให้ดีขึ้นกว่านี้ เพราะถ้าเขาถอยลงมาต่ำมากเกิน โอกาสในการจบสกอร์ก็คงจะน้อยเหมือนอย่างในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ นี่แหละครับ ซึ่งการเป็นคนจ่ายบอลมันก็ดี แต่ถ้า ซาลาห์ ได้ลองสับด้วยซ้าย มันน่าจะมีโอกาสมากกว่านี้เช่นกัน

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline