logo-heading

จากทีมที่เต็มไปด้วยปัญหา แฟนบอลแซวเรื่องการตกชั้น หรือ ไม่ติดท็อปโฟร์มายาวนาน เมื่อซีซั่นก่อน กลับกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเขาคือทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังผ่านไป 7 นัด

หลายสิ่งหลายอย่างของ ไอ้ปืนใหญ่ เปลี่ยนไปเยอะเหลือเกิน อะไรบ้างที่พวกเขาเปลี่ยนไปจากซีซั่นที่ผ่านมา จากทีมจมบ๊วย ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตารางในตอนนี้ มันย่อมไม่ธรรมดา เอาเป็นว่ามาติดตามกันเลยครับ

- จากจมบ๊วยท้ายตาราง ทะยานสู่จ่าฝูง

เชื่อว่าสาวก เดอะ กันเนอร์ส ยังคงไม่ลืมเรื่องราวน่าเศร้าอันฟังใจ กับการออกสตาร์ท 3 เกมแรก ของ ฤดูกาล 2021-22 เพราะตอนนั้น ไอ้ปืนใหญ่ ออกสตาร์ทซีซั่นด้วยผลงานที่ห่วยแตกที่สุดตลอดกาล นับตั้งแต่สโมสรก่อตั้ง เมื่อพวกเขาสะกดคำว่าชนะไม่เป็น และ พ่ายแพ้ทั้ง 3 นัด

จากทีมระดับ บิ๊ก 6 หล่นไปจมบ๊วยของตาราง โดยสถานการณ์ ณ ตอนนั้น แฟนบอลกลุ่มก้อนใหญ่ ต่างลุกฮือขับไล่ มิเกล อาร์เตต้า ให้รีบออกไปพ้นๆจากตำแหน่งกุนซือ ซะเดี๋ยวนั้น เพราะมองว่าไม่ใช่คนที่จะมาขับเคลื่อนพาสโมสรกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ประสบการณ์คุมทีมแบบเต็มตัวก็ไม่มีมาก่อน เดี๋ยวจะพาทีมตกต่ำไปมากกว่านี้

แต่ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม ต้องขอบคุณความดื้อแพ่งของ อาร์เตต้า ในวันนั้นที่ตัดสินใจไปคุยกับบอร์ดบริหาร ขอเวลาให้เขาได้คุมทีมมากกว่านี้ เพราะเชื่อมั่นว่าจะสามารถพา อาร์เซน่อล กลับมาอยู่ในที่ถูกที่ควรได้แน่นอน และ นั่นแหละครับ วันนี้คือคำตอบแล้วว่า อาร์เตต้า ทำให้ ไอ้ปืนใหญ่ ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจจริงๆ เรียกว่าสถานการณ์พลิกจากหลังเท้า กลับมาเป็นหน้ามือ ได้อย่างเหลือเชื่อ

อาร์เตต้า พา อาร์เซน่อล ออกสตาร์ทได้อย่างสวยหรูเหลือเกิน ด้วยการเก็บชัยชนะ 5 นัดรวด เป็นทีมเดียวที่เก็บ 15 คะแนนเต็ม จาก 5 นัดแรก ทะยานขึ้นไปสู่จ่าฝูงเหนือใครๆ ถึงแม้จะพลาดไปโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดซิงยัดเยียดความปราชัยเข้าให้แล้ว แต่ว่าล่าสุดก็มาแก้หน้าด้วยการบุกไปถล่ม เบรนท์ฟอร์ด 3-0 กลับขึ้นไปรั้งเป็นอันดับ 1 อีกครั้ง

จากทีมที่รั้งท้ายตาราง และ กุนซือเกือบโดนไล่ออก เมื่อซีซั่นก่อน ตอนนี้กลายมาเป็นทีมที่เล่นกันได้อย่างเข้าขา ขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครองอุณหภูมิความหนาวไปจนถึงปลายเดือนกันยายน เป็นอย่างน้อย นับเป็นฤดูกาลที่แฟนบอล อาร์เซน่อล เชียร์ฟุตบอลได้อย่างมีความสุขจริงๆ 

- เจอคนที่ใช่ ในเวลาที่ใช่

ปัญหาสำคัญของ อาร์เซน่อล เมื่อซีซั่นก่อน เลยก็คือ ขาดตัวจบสกอร์ที่ไว้ใจได้ ถึงแม้พวกเขาจะเคยมี ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ยืนค้ำเป็นศูนย์หน้า แต่ด้วยอาการบาดเจ็บ และ ระเบียบวินัยที่ขาดหาย ของนักเตะรายนี้ มันส่งผลถึงองค์ประกอบของทีมทั้งหมด โดยเขายิงไปแค่ 4 ประตู เท่านั้น ก่อนจะลาขาดตัดจากกัน โดยปล่อยไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า

ถึงแม้จะมี อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ ดาวยิงตัวเก๋าอีกคนก็ตาม แต่กระนั้นเขาไม่ใช่นักเตะที่ อาร์เซน่อล จะมาฝากผีฝากไข้ หรือ จะให้มาเป็น เดอะ แบก เรื่องการทำประตู ได้หรอกครับ โดยซีซั่นก่อน ลากาแซ็ตต์ ลงเล่นไปถึง 30 นัดก็จริง ทว่าจำนวนที่เขาทำประตูให้ทีม ได้กลับคืนมาแค่ 4 ลูก เท่านั้น

เมื่อเป็นฉะนี้ มิเกล อาร์เตต้า ไม่รอช้าหรอกครับ เขาโละคนที่ไม่ใช่ออก และ ไปซื้อคนที่ใช่ ในเวลาที่ใช่เข้ามา นั่นก็คือ กาเบรียล เชซุส แค่การมาของเขา มันสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรๆให้กับ อาร์เซน่อล ได้หลายอย่างจริงๆ โดยเฉพาะการจบสกอร์ที่เฉียบคม ที่สำคัญเขาไม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับแท็คติคเยอะแยะ เพราะเคยร่วมงานกับ อาร์เตต้า มาก่อน สมัยอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียกว่า มองตา ก็รู้ใจ

เชซุส เพิ่งย้ายค้าแข้งในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แค่ราวๆ 2-3 เดือน แต่เหมือนอยู่กับทีมมานาน 2-3 ปี เพราะเล่นกับเพื่อนๆได้อย่างเข้ามา ไม่ต้องปรับตัวอะไรทั้งสิ้น ลงสนามมาก็สามารถทำประตู และ แอสซิสต์ ให้กับเพื่อนๆได้เลย

ตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น ผ่านมาถึงนัดที่ 7 ของซีซั่น กาเบรียล เชซุส ซัลโวให้กับ อาร์เซน่อล ไปแล้ว 4 ประตู นำเป็นดาวซัลโวของทีม ที่สำคัญยังแอสซิสต์ให้กับเพื่อนๆยิงอีกถึง 3 ครั้ง นับว่าการมาของเขามันถูกที่ ถูกเวลา เหลือเกิน เพราะเขาคือคนสำคัญที่ทำให้สโมสรทะยานขึ้นสู่จ่าฝูง นับเป็นความหวังใหม่ของมวลมนุษย์ ไอ้ปืนใหญ่ อย่างแท้จริง

- นักเตะอยู่ในร่างทอง

ถึงแม้ เชซุส จะเป็นตัวเดียวเสียวทั้งลีก แต่ ฟุตบอล มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถ้าเพื่อนร่วมทีมไม่พร้อมใจกันมาตามนัด ซึ่งซีซั่นนี้นักเตะในทีมของ อาร์เซน่อล อยู่ในร่างทองชัดๆ ใครทำอะไรก็ดูดีไปหมด นักเตะที่เคยเกือบหมดอนาคต ก็กลับมาทำผลงานได้น่าประทับใจเหลือเกิน

คนแรกที่จะเอ่ยถึง ขอยกให้เป็น วิลเลี่ยม ซาลิบา กองหลังชาวฝรั่งเศส เลยครับ คนนี้ไม่ใช่นักเตะใหม่แกะกล่อง แต่ อาร์เซน่อล ปล่อยตัวไปซึมซับวิชาลูกหนังกับทั้ง แซงต์ เอเตียนน์, นีซ และ โอลิมปิก มาร์กเซย ในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส จนวิชากล้าแกร่ง กลับมายึดตัวจริง ไอ้ปืนใหญ่ พร้อมกับผลงานที่ต้องร้องว่า "เดอะ เบสต์"

ซาลิบา เล่นดีมาก จนเห็นคำแซ่ซ่องจากปลายนิ้วของสาวก เดอะ กันเนอร์ส อยู่ตลอด บนโลกโซเชี่นล เน็ตเวิร์ค ทั้งความแข็งแกร่ง และ การอ่านเกม ที่สำคัญเขายังเติมขึ้นมาทำประตูได้ตลอด อย่างตอนนี้ก็ซัดไปแล้ว 2 ลูก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการยิงประตูที่เฉียบคมเหมือนกองหน้า นัดถล่ม บอร์นมัธ 3-0 ชนิดที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เพื่อนร่วมทีม ยังเอามือกุมหัว ด้วยความตกตะลึงว่ายิงเข้าไปได้ยังไง

ต่อมา กรานิต ชาก้า คนที่เคยเกือบหมดอนาคตในทีม อาร์เซน่อล ไปแล้ว เพราะนอกจากฟอร์มการเล่นอันเฟอะฟะ โดนใบเหลือง ใบแดง แบบง่ายๆ รวมถึงเคยมีประเด็นปาปลอกแขนกัปตันทีมทิ้งลงเพื่อน และ ทำตัวมีปัญหากับแฟนบอล แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ชาก้า กลับมาอยู่ในร่างทอง เหมือนตอนไปเล่นให้ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ โดดเด่นทั้งเกมรุก และ เกมรับ วิ่งขับเคลื่อนตลอดทั้งเกม นับเป็นคนสำคัญในแผงมิดฟิลด์

นอกจากนี้บรรดาตัวรุกของ ไอ้ปืนใหญ่ ทั้ง บูกาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หรือ มาร์ติน โอเดการ์ด นับว่ากำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของพวกเลย โดย มาร์ติเนลลี่ กับ โอเดการ์ด ซัดให้ อาร์เซน่อล ไปคนละ 3 ประตูแล้ว ใกล้จะเท่ากับจำนวนที่ทำได้เมื่อซีซั่นก่อน ขณะที่ ซาก้า ถึงแม้จะเพิ่งยิงได้แค่ 1 ลูก แต่เขาก็มีแอสซิสต์เข้ามาทดแทน โดยจ่ายให้เพื่อนไปแล้ว 4 ลูก ด้วยกัน

ขณะที่ ฟาบิโอ วิเอร่า มิดฟิลด์คนใหม่ที่ อาร์เซน่อล ไปซื้อมาจาก เอฟซี ปอร์โต้ ด้วยราคา 40 ล้านยูโร ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมแรก ก็สามารถซัดใส่ บอร์นมัธ ได้ทันที เชื่อว่าเป็นการเรียกความมั่นใจให้กับเขาได้จริงๆ

นี่แหละครับ คือตัวอย่างที่ยกมาให้เห็นภาพว่าองค์ประกอบสำคัญของ อาร์เซน่อล หลายๆคน กำลังอยู่ในร่างทองจริงๆ ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ บอกเลยว่า อาร์เซน่อล น่ากลัวมากจริงๆ เพราะแต่ละคนผลงานกำลังติดลมบนสุดๆ

- โอกาสจบท็อปโฟร์

นับตั้งแต่ปี 2017 อาร์เซน่อล ไม่เคยได้สัมผัสได้เวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกเลย เพราะไม่สามารถทำอันดับติดท็อปโฟร์ ทั้งในยุคปลายของ อาร์แซน เวนเกอร์ และ อูไน เอเมรี่ เต็มที่ก็ได้เล่นแค่ในศึก ยูโรปา ลีก และ เคยแพ้รอบชิงชนะเลิศต่อ เชลซี 1-4 เมื่อปี 2019 ก็พลาดโควต้าไปเล่นถ้วย บิ๊กเอียร์ เช่นกัน

มีฤดูกาลที่ผ่านมา นั่นแหละครับ ที่ดูจะใกล้เคียงมากที่สุดกับการไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง แต่ก็มาตกม้าตาย แพ้ติดๆกันช่วงปลายซีซั่น จึงทำอันดับได้ไปเล่นแค่ ยูโรปา ลีก เท่านั้น แต่มันก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ เพราะต้องไม่ลืมว่าพวกเขาเคยหล่นไปจมบ๊วย กลับลุ้นติดท็อปโฟร์ได้ไม่ธรรมดาเลย

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล กำลังประกาศศักดาให้โลกรู้ว่าพวกเขาพร้อมมาทวงบัลลังค์ท็อปโฟร์คืนแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ เพราะการขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแบบนี้ มันสามารถมองไกลได้กว่านั้น ถ้าหากรักษาฟอร์มการเล่นต่อเนื่องเอาไว้ได้ เพราะพวกเขาไม่แพ้ให้ทีมเล็กอีกแล้ว สามารถเก็บได้หมด เกืมเยือนที่เคยมีปัญหา ก็ถูกแก้ไขเรียบร้อย

ซีซั่นก่อน อาร์เซน่อล เคยเป็นทีมที่ยิงประตูได้น้อยสุด และ เสียประตูมากสุด จาก 5 อันดับแรก เป็นรองทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดยยิงไปได้แค่ 61 ประตู และ เสียถึง 48 ลูก โดย 7 นัดแรก โดนคู่แข่งถลุงไป 10 เม็ด

อย่างไรก็ตามซีซั่นนี้ อาร์เซน่อล เปลี่ยนไปแล้วครับ เพราะ 7 นัดที่ผ่านมา กระซวกไส้คู่แข่งไปถึง 17 ประตู เป็นรองแค่ เรือใบสีฟ้า กับ ไก่เดือยทอง และ เสียไปเพียงแค่ 7 ลูกเท่านั้น โดยเก็บคลีนชีตได้ถึง 3 นัด นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ดังนั้นถ้าเกมรุกยังยิงได้เป็นกอบเป็นกำ ส่วนเกมรับยังแข็งแกร่งแบบนี้ บอกเลยว่าปีนี้ อาร์เซน่อล น่ากลัวจัดๆ

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline