logo-heading

คุณรู้หรือไม่ว่า? เบรคทีมชาติครั้งนี้จะเป็นเบรคทีมชาติครั้งสุดท้าย ก่อน บอลโลก 2022 จะเริ่มขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว ฟังดูแล้วมันคงใกล้กว่าที่หลายคนตระหนักไว้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นในช่วงใกล้บอลโลก และสัปดาห์ทีมชาติแบบนี้

ขอบสนาม ของเรา อยากจะมาขอพูดถึงเรื่องทีมชาติกันบ้าง โดยครั้งนี้จะขอไปพูดถึงชาติที่ในยุค 6-8 ปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโลกหลายคน เคยมีอันดับฟีฟ่า แรงค์กิ้งเป็น no.1 ของโลกแบบติดกันหลายปีมาแล้ว แต่กับยังต้องเจอแต่ความ ‘อาภัพ’ ไม่เคยได้มีถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์มาประดับตู้แม้แต่ครั้งเดียว

และใช่ครับ เรากำลังพูดถึงทีมชาติ เบลเยี่ยม กับหัวข้อในวันนี้ เรื่อง ‘ความหวังสุดท้าย’ ของ เบลเยี่ยม ยุคทอง …

ทำไมถึงถูกเรียกว่า ยุคทอง?

หากย้อนไปในช่วงหลายสิบปีก่อน เบลเยี่ยม ถือเป็นแค่หนึ่งในชาติที่มีระดับมากสุดก็คือ ม้ามืด เคยมีช่วงเวลาตกต่ำ พลาดตกรอบคัดเลือกไม่ได้ไปเล่นรายการใหญ่ติดต่อกันเป็นหลายปี จนกระทั่งพวกเขาเริ่มยกระดับการพัฒนาระบบเยาวชน

จากประเทศที่มีประชากรเพียง 11 ล้านคน สามารถส่งออกนักเตะที่มีพรสวรรค์ไปทั่วยุโรป จนกำเนิดเป็น ‘ยุคทอง’ ที่มีแกนหลักอย่าง เอเด็น อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์, ติโบต์ กูร์ตัวส์, โรเมลู ลูกากู ยังไม่รวม แว็งซ็องต์ กอมปานี ที่ปัจจุบันแขวนสตั๊ดไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2020

คำว่า เบลเยี่ยม ยุคทอง น่าจะถูกพูดถึงอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ บอลโลก 2014 แกนหลักกลุ่มนี้ ผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยการชนะรวด ก่อนไปตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อทีมรองแชมป์อย่าง อาร์เจนติน่า

ถัดมา ยูโร 2016 นี่น่าจะเป็นรายการที่ เบลเยี่ยม ชุดนี้ ดูจะมีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุด หากดูจากเส้นทาง แต่พวกเขาก็ไปพลาดแพ้ ‘ม้ามืด’ อย่าง เวลลส์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ต่อด้วย บอลโลก 2018 ถือเป็นชุดหลายคนยกให้พีคที่สุดของ เบลเยี่ยม ยุคทอง นักเตะแกนหลักหลายคนอยู่ในช่วงวัยพีค ส่วนกำลังเสริมก็ดูใช้งานได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาพลาดแพ้แค่เพียงนัดเดียว ต่อทีมแชมป์โลกอย่าง ฝรั่งเศส ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการชนะทีมชาติ อังกฤษ คว้าอันดับ 3 มาครอง และก็เป็นอันดับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ เบลเยี่ยม

และรายการใหญ่ครั้งล่าสุด ยูโร 2020 ที่จัดในปี 2021 เบลเยี่ยม ในฐานะทีมอันดับ 1 ของโลกในตอนนั้น ยังคงต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อพ่ายแพ่ต่อ อิตาลี ทีมแชมป์ในรอบก่อนรอง 

ทำให้แม้จะเป็นยุคทอง และผ่านการเป็นอันดับ 1 ของฟีฟ่า แรงค์กิ้ง มาหลายปี แต่ทัพ ปีศาจแดงแห่งยุโรป ก็ยังคงไร้วาสนาในการสัมผัสแชมป์ระดับเมเจอร์ และมาจนวันนี้ ก็คงพูดได้แล้วว่าชุดปัจจุบันนี้ คงเป็นยุคทองครั้งสุดท้ายของ เบลเยี่ยม แล้ว …

ทำไมถึงเป็นยุคทอง ครั้งสุดท้าย?

ดูง่าย ๆ เลยครับ มันเป็นเรื่องของอายุ โดยเฉพาะตัวแกนหลัก เดอ บรอยน์ กับ อาซาร์ ก็มีอายุ 31 ปีแล้วทั้งคู่ ขณะที่ กูร์ตัวส์ ก็ 30 แล้ว ลูกากู อีกไม่นานก็จะเข้าเลข 3 เช่นกัน

เวิร์ล คัพ ปีหน้าพวกเขาเหล่านี้จะมีอายุถึงหลัก 34-35 ปี ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเลยช่วงพีคกันไปแล้ว ยังไม่นับรวมตัวรอง ๆ ที่ใช้งานเป็นประจำคนอื่น ๆ อย่าง ยาน แฟร์ตองเก้น ที่อายุ 35, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรล ที่ 32, ดรีส์ เมอร์เท่นส์ 35, อั๊กเซล วิตเซล 33

และมันจะต้องมีใครบางคนในทีม ที่ประกาศรีไทร์จากทีมชาติ หลังจบบอลโลกหนนี้ บ้างก็อาจจะเล่นบอลโลกหนนี้ เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

ฉะนั้น บอลโลก ครั้งนี้ มันค่อนข้างชัดเจนครับ ว่าจะเป็นโอกาสสุดท้าย และความหวังสุดท้าย ของ เบลเยี่ยม ยุคทองครั้งสุดท้าย ชุดนี้

 

แล้ว บอลโลก ครั้งนี้จะเป็นยังไง?

ต้องบอกว่าในรอบแบ่งกลุ่ม เบลเยี่ยม ได้ถูกยกเป็นตัวเต็งของกรุ๊ปด้วยการเจอกับ แคนาดา, โมร็อกโก และ โครเอเชีย แต่ถามว่าการจะไปถึงแชมป์จะเป็นไปได้ไหม ถ้าต้องบอกตามเนื้อผ้าก็คงยากครับ

เพราะพวกเขาไม่ใช่หนึ่งในตัวเต็งเหมือนที่ผ่าน ๆ มาอีกต่อไป หลังถูกยกให้เป็นเพียงเต็ง 9 ของรายการนี้ ด้วยความร่วงโรยลงของ เบลเยี่ยม ยุคทอง แต่มันก็อาจถือเป็นการลดความกดดัน และมีโอกาสทำให้พวกเขาได้กลับไปเป็นทีมในรูปแบบ ม้ามืด อีกครั้ง

แต่ตราบใดที่ทัพ ปีศาจแดงแห่งยุโรป ยังมีทั้ง เดอ บรอยน์ และ กูร์ตัวส์ สองผู้เล่นที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในตำแหน่งตัวเองตอนนี้ บวกกับ อาซาร์ ที่เริ่มกลับมาได้ลง, ลูกากู ที่ยังคงใช้งานได้ในรายการใหญ่ทีมชาติ พร้อมกับขุมกำลังที่ยังคงพอใช้งานได้ ก็ต้องบอกว่าแม้พวกเขาจะไม่ใช่ทีมเต็งแบบเก่า แต่นับว่ามีโกาส สำหรับความหวังสุดท้ายของ เบลเยี่ยม ยุคทองชุดนี้ครับ

 

จบบอลโลกแล้วจะเป็นยังไงต่อ?

น่าจะเป็นคำถามที่เคว้งมากสำหรับแฟน เบลเยี่ยม เพราะหากดูตัวดาวรุ่งอนาคตที่ใช้ได้ของพวกเขาจริง ๆ ดูจะมีไม่กี่คนเท่านั้น เจเรมี่ โดกู ที่เคยทำผลงานได้ดีในยูโร 2020 แม้หลัง ๆ อาจจะเงียบหายไปหน่อย แต่ด้วยอายุยังน้อยมากครับ เพียง 20 ปี ก็ถือว่ามีโอกาสมาทดแทนรุ่นพี่ได้

ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีวอนเดอร์คิดส์ชื่อดัง ๆ เปรี้ยง ๆ นัก ที่หลายคนอาจจะพอรู้จักก็เป็นอย่างสองแข้ง มิลาน อเล็กซิส ซาเลเมเกอร์ส และ ชาร์ลส์ เดอ เคเทลาร์

หรือจะ อมาดู โอนาน่า กลางรับจาก เอฟเวอร์ตัน ส่วน ยูริ ติเลอมองส์ ก็ยังไม่แก่ มีอายุที่ 25 ปี เขาก็สามารถเป็นหนึ่งในแกนหลักของชาติต่อไปได้อีก 5-7 ปี

แต่ก็นั่นแหละครับ หากดูจากชื่อชั้นก็ห่างไกลจากชุดพี่ ๆ พอสมควร คงต้องบอกว่า เบลเยี่ยม หลังจากหมดยุคทองชุดนี้แล้ว คงต้องใช้เวลาปลุกปั้นกันใหม่นานพอสมควรเลยล่ะครับ


แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่เรารอคอยมากที่สุด ก็คือบทสรุปเรื่องราวของยุคทองครั้งสุดท้ายของ เบลเยี่ยม ชุดนี้ว่าจะจบอย่างไร ก็ในเดือนพฤศจิกายนนี้ บอลโลก 2022 จะเป็นคำตอบสุดท้ายครับ.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline