logo-heading

ซึ่งในเกมปิดท้ายเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาพวกเขาถือว่าต่อกรกับ เยอรมัน ได้อย่างดุเดือดมีประตูเกิดขึ้นมากถึง 6 ตุง ก่อนจบเกมแบ่งแต้มกันไป พร้อมคอนเทนต์แบบจัดหนักจากปราการหลังหน้ามนคนอังกฤษอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์

ซึ่งเกมนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง ขอบสนาม ของเราได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว ...

หลังเกม แม็คไกวร์ วางงาน - อังกฤษเปิดบ้านเจ๊า เยอรมัน

การจัดทัพ 

เริ่มต้นกันที่ประเด็นแรกเกี่ยวกับการเลือก 11 ตัวจริง ซึ่งนัดล่าสุดของ อังกฤษ ทางด้าน แกเร็ธ เซาธ์เกต์ โดนวิจารณ์จัดหนักมาพอสมควร ส่วนเกมนี้เขายังคงยึดแนวทางปราการหลัง 3 คน แต่ทว่าปรับมาใช้ จอห์น สโตนส์, เอริค ดายเออร์ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ 

ส่วนเกมรุกวิงแบ็คทางฝั่งซ้ายปรับมาใช้ ลุค ชอว์ ที่ตกเป็นตัวสำรองถาวรของ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วนรายอื่นๆ ยังคงอยู่กันพร้อมหน้าไม่ว่าจะเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแครน ไรซ์, รีซ เจมส์ หรือ แฮร์รี่ เคน

มาที่ฝั่ง เยอรมัน กันบ้าง ซึ่งก่อนเกมยังคงมีโอกาสลุ้นจบอันดับ 1 และผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ การจัดทัพเกมนี้ ฮันซี่ ฟลิค ก็จัดเต็มขนผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามเกมรับนำมาโดย ธีโอ เคห์เรอร์ กับ นิคลาส ซือเล่

แดนกลางใบริการของ โยชัว คิมมิค, อิลคาย กุนโดกัน ส่วนแนวรุกจีดเต็มทั้ง โยนาส โฮฟมันน์, เจมาล มูเซียล่า และ ลีรอย ซาเน่ ในการคอยสนับสนุน ไค ฮาเวริตซ์ ที่ถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นหน้าเป้าอีกครั้ง

ประตูโอเพ่น เพลย์ ของ อังกฤษ

หนึ่งในแง่ดีของทีมชาติอังกฤษในเกมนี้คือพวกเขาสามารถทำประตูจากจังหวะโอเพ่น เพลย์ ได้แล้ว ภายหลังประตูล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาในเกมอุ่นเครื่องกับ ไอวอรี่ โคสต์ 

ซึ่งหลังจากเกมในวันนั้นรวมแล้วเป็นเวลาถึง 5 เกมในเนชั่นส์ ลีก ที่พลพรรคทัพ "สิงโตคำราม" ภายใต้ขุมกำลังสมองของ เซาธ์เกต ไม่สามารถเจาะประตูคู่แข่งจากจังหวะโอเพ่น เพลย์ ได้เลย ทั้งนี้ 1 ประตูที่ทำได้นั้นก็มาจากจุดโทษในเกมที่ดวลกับ เยอรมัน ในเลกแรก 

ส่วนคนที่หยุดสถิติอันเลวร้ายร้ายนี่ก็คือ ลุค ชอว์ ที่เติมขึ้นทำประตูตีไข่แตก 1-2 ในช่วงนาทีที่ 72 ส่งผลให้หยุดสถิติเลวร้ายนี้ไว้ที่ 567 นาที ซึ่งถือว่ายาวนานพอสมควร และก็ไม่รู้ว่าตัวเลขแบบนี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นอีกไหม เพราะมันกินเวลานับนิ้วง่ายๆ คือเกือบ 6 เกมติดเลยทีเดียว

อังกฤษ ไร้ชัยชนะ

ว่าไปก็เหมือนเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่ทว่ามันเกิดขึ้นจริงแล้วกับทีมชาติอังกฤษที่ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยตลอดรอบแบ่งกลุ่ม 6 นัดในศึกเนชั่นส์ ลีก ปีนี้ โดย 6 เกมดังกล่าวแบ่งเป็นเสมอ 3 และ แพ้ 3 เก็บไปได้ 3 คะแนน รั้งบ๊วยของกลุ่ม ส่งผลให้ตกไปยังลีก B เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งคู่ต่อกรของพวกเขาในกลุ่มนั้นจะบอกว่าเป็นงานหนักก็คงพูดไม่ได้แบบเต็มปาก เพราะนอกจาก เยอรมัน กับ อิตาลี แล้ว ฮังการี น่าจะเป็นทีมที่พวกเขาเก็บชัยชนะได้มากที่สุด ทว่า 2 นัดที่ดวลกับคู่แข่งรายนี้พวกเขากลับแพ้แบบไป-กลับ นัดแรกบุกพ่าย 1-0 ส่วนอีกเกมโดนรัวคา โมลินิวซ์  สเตเดียม 0-4 

แน่นอนว่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเกิดคำถามที่ส่งตรงไปถึงตัวของ แกเร็ธ เซาธ์เกต แล้วว่าทำไมทีมชาติอังกฤษถึงมีปัญหา และผลงานย่ำแย่มากขนาดนี้ ถึงขนาดที่ว่าแฟนบอลบางกลุ่มเรียกร้องให้ทีมปรับเปลี่ยนตำแหน่งก่อนศึกฟุตบอลโลก 2022 จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

กับช่วงเวลาที่เหลืออีกราวๆ เดือนเศษ เซาธ์เกต เองคงมีการบ้านกองโตให้ได้กลับไปแก้ไข และปรับปรุงให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมากกว่าเดิม เพราะทัวร์นาเมนต์ใหญ่ปลายเกิดตกรอบแบ่งกลุ่ม หรือม้วยมรณาก่อนเวลาอันควร จะกลายเป็นเรื่องงามหน้าที่เขาเองจะไม่มีข้ออ้างใดๆ อีกแล้ว

หลังเกม แม็คไกวร์ วางงาน - อังกฤษเปิดบ้านเจ๊า เยอรมัน

เจ้าพ่อคอนเทนต์

ชายผู้ที่เคลื่อนไหวในรูปแบบไหนก็สามารถสร้างคอนเทนต์ได้อยู่เป็นประจำ จนนานวันไปก็เริ่มรู้สึกสงสารพี่แกเอาเหมือนกัน เพราะโดนกระหน่ำหนักมากเหลือเกิน แต่ทว่าทุกสิ่งอย่างมันก็ล้วนเกิดจากการกระทำของเขาจริงๆ

อย่างในเกมล่าสุดกับ เยอรมัน สองช็อตที่เข้าตากรรมการคือการทำผิดพลาดจนทำมาซึ่งการเสียประตูถึง 2 ครั้ง ดอกแรกคือประมาท หรือใจเย็น หรืออะไรไม่อาจทราบได้ พี่แกเลือกจ่ายบอลจ่ายๆ ไปให้คู่แข่งที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเสียอย่างงั้น ก่อนที่จะตามไปเตะเขาแบบดื้อๆ จนกลายเป็นจุดโทษจังหวะขึ้นนำ 1-0 ของ เยอรมัน

ช็อตต่อมาคือจังหวะหนีห่าง 2-0 ของ เยอรมัน เมื่อ ลูกพี่ แม็คไกวร์ พาบอลขึ้นสูง แต่ทว่าดันเสียทั้งบอล และเจ้าตัวก็เสียตำแหน่งไปด้วย กลายเป็นทัพ "อินทรีเหล็ก" สวนกลับพร้อมทำประตูหนีห่างไปแบบง่ายๆ

ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาไม่ได้ต้องการจะมาบลูลี่ หรือเอา แม็คไกวร์ มาแขวนผ่านโซเชียล แต่มันคือผลงานที่แสดงออกมาให้เห็นแล้วว่าปราการหลังรายนี้กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับผลงานในสนามแบบสุดชีด โดยเฉพาะการตัดสินใจที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง เลือกเล่นบอลในจังหวะที่ไม่ควรอย่างเช่นประตูแรกที่เสียไป

ซึ่งที่ผ่านมาฟอร์มในสนามมันค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าเป็นอย่างไร จนถึงขั้นโดนดร็อปเป็นเพียงตัวสำรองกับสโมสร แต่ทว่า เซาธ์เกต ยังคงยืนยันที่จะใช้งานทั้งที่มีเซ็นเตอร์คนอื่นๆ ที่ผลงานดีกว่า ได้ลงเล่นสม่ำเสมอมากกว่า 

สุดท้ายมันคงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เป็นกุนซืออย่างแท้จริง ในเมื่อเห็นผลงานของนักเตะในรูปแบบที่ออกมา แต่ถ้ายังคงดื้อดันใช้งานต่อไปในสภาพที่ความมั่นใจ หรือพร้อมขุดหลุมฝั่งตัวเองแบบนี้ บอกได้เพียงว่าตัวใครตัวมันจริงๆ

บทสรุปศึก เนชั่นส์ลีก

อย่างที่กล่าวไปว่าเนชั่นส์ลีก ลีก A กลุ่ม 3 ปิดฉากรอบแบ่งกลุ่มแล้ว ซึ่งเป็น อิตาลี ที่สอยแชมป์กลุ่มไปครองได้การกวาดไป 11 คะแนน ส่วน ฮังการี ถือว่าผลงานดีเกินคาดจบอันดับ 2 เก็บไป 10 คะแนน

ส่วน เยอรมัน ที่ปิดฟอร์มไปเยอะเก็บได้ 7 คะแนน ปิดท้ายด้วย อังกฤษ ที่รั้งบ๊วยของกลุ่มมีเพียง 3 คะแนน แถมพกสถิติไม่ชนะใครได้เลย ครองสถิติไร้ชัยร่วมกับ เวลส์ ก็มีอันตกชั้นไปเล่นในลีก B ในปีหน้า ซึ่งถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควรที่ทีมใหญ่อย่าง "สิงโตคำราม" จะหล่นไปเล่น

ทั้งนี้บทสรุปรอบรองชนะเลิศศึกเนชั่นส์ ลีก ปีนี้ ได้ไปแล้วทั้งหมด 3 ชาติ ประกอบไปด้วย โครเอเชีย, อิตาลี และ เนเธอร์แลนด์ เหลืออีกหนึ่งกลุ่มให้ลุ้นว่าจะเป็น โปรตุเกส หรือ สเปน

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline