logo-heading

ซึ่งต้องยอมรับเลยว่านับตั้งแต่ที่พวกเขาคว้าแชมป์โคปา อเมริกา สมัยล่าสุดมาครอง เหมือนกลายเป็นการจุดเชื้อเพลิงให้กับนักเตะทุกคนในทีม รวมไปถึงสตาร์อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ เพราะตอนนี้ทัพ "ฟ้า-ขาว" กลายเป็นทีมที่มีความลงตัวรอบด้านมากจริงๆ

ศึกฟุตบอลโลกปลายปีนี้มีโอกาสไม่น้อยที่จะเป็นครั้งสุดท้ายของ เมสซี่ ในการไล่ล่าความสำเร็จสูงสุดที่ตัวเขายังไม่เคยคว้ามาครองได้เลยตลอดอาชีพการค้าแข้ง ภายหลังกวาดมาแทบจะหมดทุกโทรฟี่แล้วที่มีโอกาสลงสนาม

ว่าแล้วสิ่งที่ ขอบสนาม ของเราอยากจะนำเสนอในวันนี้คือโอกาสคว้าแชมป์โลกครั้งแรกของ เมสซี่ ว่ามีโอกาสมาก-น้อย ขนาดไหนในการเอื้อมมือไปคว้ารางวัลที่เขานั้นปรารถนาอยากจะครอบครอง

ลิโอเนล เมสซี่ กับโอกาสคว้าแชมป์โลกครั้งแรก

ความเจ็บช้ำจาก 8 ปีก่อน

ย้อนกลับไปศึกฟุตบอลโลก 2014 นั้นคือครั้งที่ ลิโอเนล เมสซี่ เข้าใกล้โทรฟี่แชมป์โลกมากที่สุด เพราะทีมสามารถกรุยทางไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ชนิดที่ว่าก่อนหน้าเกมสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ทีมมีผลงานที่ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด ไม่สะดุดพ่ายให้กับใคร จนกระทั่งถึงวันติดสินแชมป์ที่พลาดท่าไปแบบน่าเสียดาย

ในตอนนั้น เมสซี่ เพิ่งมีอายุเพียง 27 ปี เท่านั้น และเป็นหนึ่งในช่วงวัยที่ผลงานของเขากำลังพีคแบบขั้นสุด ซีซั่นก่อนบอลโลกจะเปิดฉากเขาจัดการสอบประตูในสีเสื้อ บาร์เซโลน่า ไปมากถึง 45 ตุง จากการลงสนาม 54 นัด พร้อมปิดฉากด้วยการคว้าแชมป์ทั้ง ลาลีกา สเปน และ โกปา เดล เรย์ เรียกได้ว่าความมั่นใจกำลังเอ่อล้นแบบสุดๆ

ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนั้นทัพ "ฟ้า-ขาว" ถูกจับฉลากมาอยู่ในกลุ่มเดียวกับ บอสเนีย, อิหร่าน และ ไนจีเรีย บทสรุปทีมกวาด 9 แต้มเต็มเข้ากระเป๋า ซึ่ง เมสซี่ ทำไปได้ถึง 4 ประตู ด้วยกัน ก่อนที่ในรอบน็อคเอาท์จะผ่านด่าน สวิตเซอร์แลนด์ (ชนะต่อเวลา 1-0), ชนะ เบลเยี่ยม 1-0, ชนะจุดเนเธอร์แลนด์ ส่งผลให้ไปเข้ารอบชิงชนะเลิศไปด้วยกับ เยอรมัน

ซึ่งเรื่องของผลการแข่งขันเชื่อว่าแฟนบอลคงทราบกันดีว่ามันออกมาในรูปแบบไหน และนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งความเจ็บปวดที่ เมสซี่ ต้องแบกรับมันไว้ให้ได้ ภาพตอนที่เขาเดินผ่านถ้วยแชมป์โลกกลายเป็นหนึ่งในรูปที่ทรงพลัง และสามารถจินตนาการได้ถึงหลากหลายประโยคที่พรั่งพรูออกมา 

จากความเจ็บช้ำในวันนั้นจุดหมายการเป็นแชมป์โลกของ เมสซี่ ยังคงเป็นหนึ่งเดียวที่เขาอยากจะคว้ามาครองให้ได้ เพราะนั้นไม่ต่างอะไรจากโทรฟี่แชมป์สุดท้ายในอาชีพการค้าแข้ง เปรียบไปก็คล้ายจิ๊กซอว์ที่มีหนึ่งชิ้นที่ขาดหายไป แม้ภาพรวมจะสวยงาม แต่มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด

องค์ประกบของทีม

ทัพ "ฟ้า-ขาว" ในชุดปัจจุบันจะบอกว่าเป็นการผสมผสานระหว่างของนักเตะได้อย่างลงตัว แข้งหลายคนกำลังอยู่ในช่วงที่ผลงานยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, โรดริโก้ เดอ ปอล หรือ ลิซานโดร มาติเนซ รวมไปถึงรุ่นพี่วัยเก๋าที่พร้อมสร้างความแตกต่างให้ทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ 

นอกจากนั้นยังรวมกับเหล่าบรรดาดาวรุ่งในวัยที่กำลังห้าว และพร้อมเปิดประตูต้อนรับความท้าทายเพื่อพิสูจน์ตัวเองไม่ว่าจะเป็น ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ฟากุนโด้ เมดิน่า หรือ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดส ที่เพิ่งถูกเรียกติดทีมมาในเกมอุ่นเครื่องครั้งล่าสุด

ซึ่งเมื่อมวลรวมมันอุดมไปด้วยนักเตะต่างช่วงวัยที่สามารถก้าวขึ้นมาทดแทนกันได้ทั้งหมด แถมได้ทั้งเรื่องของประสบการณ์จากนักเตะที่ผ่านเวทีระดับโลกมาอย่างโชกโชน และลูกบู๊ ลูกบุ๋น จากเหล่าดาวรุ่งยิ่งทำให้เป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันมากขึ้นไปอีก

ฉะนั้นแล้วด้วยองค์ประกอบในทุกๆ ตำแหน่งมันเลยทำให้ อาร์เจนติน่า ในตอนนี้มีขุมกำลังให้โค้ชอย่าง ลิโอเนล สกาโลนี่ เลือกใช้งานแบบล้นมือ อยู่ที่ว่าจะจัดสรรใครลงสนาม หรือเลือกใครมาเป็นแคนดิเดตในการลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย

ลิโอเนล เมสซี่ กับโอกาสคว้าแชมป์โลกครั้งแรก

ความกระหาย

หนึ่งในจุดเด่นของ อาร์เจนติน่า ในชุดนี้คือเรื่องของความกระหายในชัยชนะ ซึ่งประเด็นนี้พวกเขาแสดงออกมาให้เห็นตลอดในช่วงปีหลังๆ ที่ผ่านมา จนเป็นส่วนหนึ่งในการเถลิงบัลลังก์คว้าแชมป์ โคปา อเมริกา มาครองได้สำเร็จเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา

พวกเขากลายเป็นทีมที่แพ้ยากจนรักษาสถิติไร้พ่ายมาแล้ว 35 นัดติดต่อกัน มีบางเกมที่สามารถยิงประตูคว้าชัยช่วงท้ายเกม หรือบางนัดที่รู้วิธีว่าจะเล่นอย่างไรเพื่อการลงเอยด้วยการรักษาสกอร์ที่ตามหลังอยู่

ส่วนเรื่องแรงกระหายทุกเกมไม่ว่าจะเป็นคัดเลือกฟุตบอลโลก หรือเกมอุ่นเครื่อง เราจะเห็นได้ว่านักเตะทุกคนแสดงความมุ่งมั่นออกมาอย่างชัดเจน ไม่มีการเล่นเดินทอดน่องให้ได้เห็น สังเกตุได้จากเกมอุ่นเครื่องขบวนล่าสุดทั้งการไล่ถลุง ฮอนดูรัส  หรือ จาไมก้า ด้วยสกอร์เดียวกันคือ 3-0 รวมไปถึงในศึก Finalissima  ที่ดวลกับ อิตาลี ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเอาจริงเอาจังมากขนาดไหน

ซึ่งนี่คือข้อดีที่ทีมกำลังมี ลงไปสู้ด้วยวิธีการ หรือแท็คติก พร้อมใส่แรงกระหายที่อยากเป็นผู้ชนะลงไป ไม่ว่าจะใครได้รับโอกาสก็มักจะรังสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ มันเลยกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยชี้นำที่บอกว่าพวกเขาจะสามารถไล่ล่าแชมป์โลกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986 

ทุกคนสู้เพื่อ เมสซี่

เหตุการณ์นี้เชื่อว่าแฟนบอลคงรับรู้ และประจักษ์ผ่านสายตากันมาบ้างแล้วในศึกโคปา อเมริกา ครั้งล่าสุด ที่นักเตะอาร์เจนติน่าทุกคนวิ่งแบบถวายหัวสู้เพื่อลูกพี่ใหญ่อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ จนสามารถคว้าความสำเร็จมาครองได้สำเร็จ และเป็นโทรฟี่แชมป์ครั้งแรกกับทีมชุดใหญ่ของดาวเตะรายนี้อีกด้วย

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนเป็นการถูกต่อยอดมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นภาพจำแล้วว่านักเตะทุกคนในทีมลงไปสู้เพื่อ เมสซี่ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นทุกคนพร้อมถกแขนเสื้อ และปกป้องดาวเตะรายนี้แบบสุดกำลัง หลักฐานชัดเจนอย่างเกมกับ ฮอนดูรัส ที่ เมสซี่ โดนเล่นนอกเกมใส่ ทุกคนพร้อมพร้อมใจกรูเข้าหาคนต้นเรื่อง

แน่นอนนี่คือสิ่งที่ดีกลายเป็นว่า เมสซี่ คือศูนย์รวมจิตใจของรุ่นน้องทุกคน และบุคคลเหล่านั้นพร้อมทำหน้าที่ของตัวเอง เพื่อส่งเสริมให้ดาวเตะระดับตำนานแห่งนี้ครอบครองความสำเร็จทุกอย่างก่อนที่จะโบกมือลาอาชีพการค้าแข้งไป

โอเคแหละครับตอนนี้เรายังไม่อาจตอบได้หรอกว่า อาร์เจนติน่า จะฝ่าด่านต่างๆ ไปจนถึงคว้าถ้วยแชมป์โลกมาครองได้ไหม แต่มองจากตรงนี้พวกเขาคือตัวเต็งอันดับต้นๆ ที่มีโอกาสตรงนั้น

และถ้านี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งสั่งลาของ ลิโอเนล เมสซี่ 

ฉะนั้นแล้วภาพฉากสุดท้ายของเขาอย่างการเป็นกัปตันพาลูกทีมชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกคงเป็นอะไรที่ออกมาสวยงามไม่ใช่น้อย

เมสซี่ กับแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย ที่อาจได้โทรฟี่แชมป์มาครอบครองเป็นครั้งแรก

ไม่ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่ได้ ...

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline