logo-heading

ผลการแข่งขันออกมาผลปรากฎว่าทัพ "หงส์แดง" เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-0 ซึ่งประตูที่ได้จาก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ โม ซาลาห์ ส่งผลให้โอกาสกรุยทางเข้าสู่รอบต่อไปถือว่าสดใสมากยิ่งขึ้น

ซึ่งตลอดทั้งเกมมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ขอบสนาม ของเราได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว

การจัดทัพ

เริ่มต้นที่การเลือกจัด 11 ตัวจริง ฝั่ง ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ถือวาสเซอร์ไพรส์เล็กๆ ด้วยการอัดแนวรุกลงไปถึง 4 ราย ประกอบไปด้วย โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอ๊าซ และ ดิโอโก้ โชต้า พลางปรับมาเล่นในระบบ 4-2-3-1 

ส่วนแดนกลางใช้งาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จับคู่กับ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ส่วนแนวรับยกชุดมาจากเกมลีกนัดล่าสุดที่เสมอกับ ไบร์ทตัน ทั้ง เทรนท์, มาติป, ฟาน ไดค์ และ ซิมิกาส

ข้ามมาที่ผู้มาเยือนกันบ้าง โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สต์  กุนซือของทีมจัดการแพ็คเกมรับแบบแน่นหนึบด้วยการใส่กองหลัง 5 คนลงสนาม ส่วนแนวรุกหวังพึ่งพาใช้งาน ไรอัน เคนท์ กับ มาลิก ทิลแมน ในการใช้เกมสวนกลับริมเส้น และทิ้ง อัลเฟรโด้ โมเรโลส เป็นหน้าเป้าในการไล่ล่าสกอร์

หลังเกม หงส์แดง เข้าป้ายคว้า 3 แต้มเหนือ เรนเจอร์ส

หงส์แดง โอกาสเยอะ แต่จบไม่ได้

สถิติหลังจบเกมนี้ระบุว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสทำประตูมากถึง 23 ครั้ง ทว่าสามารถบังคับบอลให้ตรงกรอบได้เพียง 10 ครั้งเท่านั้น อีกทั้ง 2 ประตูที่พวกเขาทำได้ก็มาจากลูกตั้งเตะล้วนๆ ทั้งฟรีคิกของ เทรนท์ และจุดโทษของ ซาลาห์

ซึ่งว่ากันตามภาพที่เห็นโอเคแหละว่าส่วนหนึ่งต้องยกควาเหนียวหนึบให้กับนายทวารผู้มาเยือนอย่าง อัลลัน แม็คเกรเกอร์  ที่เซฟเป็นพัลวัน ทว่ามองในอีกมุมความเฉียบขาดคือสิ่งที่พลพรรค "หงส์แดง" พบเจอในเกมวันนี้

หลายๆ จังหวะพวกเขาน่าจะพาบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้ แต่ด้วยความคมที่ไม่เพียงพอบางทีก็ปล่อยโอกาสตรงนั้นหลุดลอยไปแบบดื้อๆ โชคดีที่ผู้มาเยือนไม่ค่อยมีพิษสงอะไรให้น่ากังวลมากนัก ทำให้รอดพ้นออกมาได้ในรูปแบบเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ

แน่นอนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหาแน่นอนถ้าเจอคู่แข่งที่มีอัตราความเฉียบคมสูง พอตัวเองมีโอกาสและทำไม่ได้ บางทีอาจโดนเล่นงานจนเสียประตูซะเอง เรื่องนี้คงเป็นการบ้านของ คล็อปป์ ที่จะดึงศักยภาพของนักเตะให้กลับมามีความมั่นใจให้มากขึ้นกว่าเดิม

นูนเญซ ต้องเฉียบขาดกว่านี้

ว่ากันตามตรงเกมนี้ ดาร์วิน นูนเญซ ควรที่จะมีชื่อเป็นผู้ทำประตูให้ได้อย่างน้อย 1 ตุง เมื่อพิจารณาจากโอกาสที่เขาคว้ามาได้ แต่กลับโยนทิ้งลงแม่น้ำไปแบบน่าเสียดาย

ลองนับนิ้วดูครึ่งแรกหัวหอกทีมชาติอุรุกวัยมีโอกาสยิงไปมากถึง 4 ครั้ง ในชนิดที่น่าจะแปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ แต่กลับไร้คุณภาพ ยิงตรงตัวนายทวารเสียส่วนใหญ่ ส่วนสถิติหลังจบเกมเจ้าตัวมีโอกาสง้างเท้ายิง 6 ครั้ง ตรงกรอบ 4 ครั้ง แต่ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นประตูได้ แน่นอนตัวเลขดังกล่าวมันบ่งบอกบางสิ่งได้อย่างชัดเจน

การที่ ลิเวอร์พูล พาตัวเขาเข้ามาสู่ทีมก็เพื่อแบ่งเบาภาระการทำประตู ทว่าสิ่งที่ นูนเญซ แสดงออกมาในตอนนี้มันยังไม่ตอบโจทย์กับสิ่งที่ทีม, คล็อปป์ หรือ แฟนบอล ต้องการ ความเฉียบขาดในรูปแบบเพชรมาตรคือเครื่องหมายคำถามว่าต้องให้เวลา นูนเญซ ในการปรับตัวอีกนานเท่าไหร่ กว่าทุกอย่างจะลงตัว และเป็นยอดดาวยิงเหมือนครั้งสวมเครื่องแบบของ เบนฟิก้า

ส่วนสถิติในฤดูกาลนี้เจ้าตัวลงสนามในทุกรายการไปแล้ว 8 เกม ทำไปได้เพียง 2 ประตู ซึ่งเกิดขึ้นในศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ และในพรีเมียร์ลีก อีก 1 ตุง หลังจากนี้เขาเองคงต้องเร่งสปีดฝีเท้าให้เร็วที่สุดเพื่อตอบแทนความไว้ใจต่างๆ ให้ได้

หลังเกม หงส์แดง เข้าป้ายคว้า 3 แต้มเหนือ เรนเจอร์ส

เทรนท์ เรียกความมั่นใจ

ต้องบอกว่าช่วงรอบเดือนที่ผ่านมา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือชื่อที่แฟนบอลหยิบยกมาพูดคุย และวิจารณ์กันมากที่สุดคนหนึ่ง 

ไล่มาตั้งแต่ฟอร์มก่อนพักเบรคทีมชาติ ไล่มาจนประเด็นไม่ได้ลงเล่นให้ทัพ "สิงโตคำราม" เลยสักวินาทีเดียวในศึกเนชั่นส์ ลีก เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

จากนั้นไม่วายเกมเสมอ ไบร์ทตัน 3-3 ฟูลแบ็ครายนี้ตกเป็นจำเลยโดนแฟนบอลถล่มหนักถึงผลงานที่ไม่สู้ดีนัก กลายเป็นจุดบอดทำให้ทีมโดนเจาะบ่อยครั้ง จนนำมาซึ่งการเสียประตู ซึ่งว่ากันตามตรงผลงานก็คู่ควรกับเสียงวิจารณ์จริง แต่ที่ดูจะไม่แฟร์ไปหน่อยคือการโดนเพ่งเล็งเพียงคนเดียว ทั้งที่เพื่อนรอบข้างในบางจังหวะก็สร้างพลาดไม่ต่างกันแต่กลับโดนเมินเฉยไร้ซึ่งคำด่าต่างๆ

จนกระทั่งเกมล่าสุดที่ยังคงได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงต่อเนื่อง แถมการซัดฟรีคิดสุดสวยลูกนั้นเข้าไป น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แข้งรายนี้แบบมากโขให้กลับมาสู้ลู่ทางของตัวเอง ในผลงานที่เคยรังสรรค์เอาไว้

ทิศทางตอนนี้สำหรับเขามันดูดีขึ้น ยังคงได้รับความไว้วางใจจากกุนซือ ที่เหลือคงอยู่ที่ตัวเขาในการยกระดับให้กลับมาสู่มาตรฐานของตัวเองที่เคยทำเอาไว้

สถานการณ์กลุ่ม A

ปิดท้ายกันด้วยสถานการณ์ของ แชมเปี้ยนส์ลีก กลุ่ม A ภายหลังลงสนามไปแล้ว 3 นัด กลายเป็น นาโปลี ที่ลอยลำขึ้นนำเป็นจ่าฝูงด้วยการเก็บไป 9 คะแนนเต็ม แถมนัดล่าสุดฟอร์มดุบุกไปไล่ถลุง อาแจ็กซ์ ถึง 1-6

ส่วนทัพ "หงส์แดง" รั้งอันดับ 2 เก็บไปแล้ว 6 แต้ม จาก 3 นัด ส่วนที่เหลือ อาแจ็กซ์ ยึดครองอันดับ 3 และ เรนเจอร์ส รั้งบ๊วยในรูปแบบไร้แต้ม และยังคงทำประตูใครไม่ได้ โปรแกรมนัดหน้า ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายบุกไปเยือน เรนเจอร์ส ที่สกอตต์แลนด์บ้าง

ซึ่งถ้าเกิดคว้า 3 แต้มมาครองได้สำเร็จ บวกกับผลการแข่งขันของอีกคู่เป็นใจ นาโปลี ย้ำชัยต่อ อาแจ็กซ์ ได้ ก็จะส่งผลให้โอกาสผ่านเข้ารอบต่อไปของพวกเขาถือว่าสดใสมากเลยทีเดียว

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline