logo-heading

เพราะ ไอ้ปืนใหญ่ ออกนำ 2 ครั้ง 2 ครา ก็ยังถูกทาง หงส์แดง ไล่ตามตีเสมอได้อยู่ตลอด 

กระทั่ง บูกาโย่ ซาก้า มายิงจุดโทษ เป็นประตูชัยให้กับ อาร์เซน่อล เก็บ 3 แต้มสำคัญ ขึ้นไปทวงจ่าฝูงคืนจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ ซึ่งเกมนี้มีประเด็นให้พูดถึงมากมาย มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาติดตามกันเลยครับ

- ในบ้าน อาร์เซน่อล โคตรดี
ส่วน ลิเวอร์พูล เกมเยือน โคตรแย่

ปกติแล้ว อาร์เซน่อล จะค่อนข้างแพ้ทาง ลิเวอร์พูล มากทีเดียว เพราะ 14 นัดหลังสุด พวกเขาเคยชนะได้แค่ 1 ครั้ง ในเกมลีก ยิ่งช่วงหลังๆที่ หงส์แดง กำลังพีคๆ ไอ้ปืนใหญ่ จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่ตลอด ทำให้ มิเกล อาร์เตต้า หมายมั่นปั้นมือจะล้างตาให้ได้ เนื่องจากการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้นั้น เหมือนเป็นข้อเปรียบเทียบว่า เดอะ กันเนอร์ส กำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

และ อย่างที่ทราบกันว่า อาร์เซน่อล ล้างอาถรรพ์ เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ เป็นการโชว์ให้เห็นเลยว่า ปีนี้พวกเขาคือของจริง ไม่ติงนัง การขึ้นจ่าฝูง ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คๆ ซึ่งผลงานในบ้านนี่แหละครับ ที่เป็นฟอร์มมาสเตอร์พีซ เพราะเมื่อไหร่ที่เล่นในถิ่นเอมิเรตตส์ สเตเดี้ยม ทาง ไอ้ปืนใหญ่ เก็บชัยชนะ 5 นัดรวด ในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ไม่เคยแพ้ใครทั้งนั้น

ขณะที่ ผลงานเกมเยือน ลิเวอร์พูล ช่วงสวนทาง และ ยังคงตอกย้ำความย่ำแย่จริงๆ เพราะซีซั่นนี้ไปบุกถิ่นใคร ไม่กลับออกมาแบบมือเปล่า ก็ทำได้เพียงแค่เก็บ 1 แต้ม เท่านั้น ที่สำคัญเสียไปถึง 10 ประตู จากการออกไปเยือนคู่แข่ง 5 นัดทุกรายการ 

ถึงขั้นที่ตอนนี้ สาวก เดอะ ค็อป หลายๆคน เริ่มจะเอาสายมู เข้ามาช่วยแล้วครับ ว่าห้ามให้สโมสรใส่ชุดสีขาว ลงเล่นอีก เพราะอาจเป็นสีที่อับโชค ใส่ลงสนามเมื่อไหร่ ทีมมักพ่ายแพ้ เหมือนเหตุการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นในเกมแพ้ อาร์เซน่อล

- ดราม่าจุดโทษ

เกมนี้มีจุดโทษเกิดขึ้น และ เป็นจุดโทษที่ทำให้ อาร์เซน่อล ได้ประตูชัยเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 ซึ่งเป็นจังหวะที่ กาเบรียล เชซุส โดนทาง ติอาโก้ อัลคันตาร่า เข้าสกัดข้างหลัง ซึ่งช็อตนี้เป็นจุดโทษชัดเจน ไม่มีอะไรต้องโต้แย้ง ก่อนจะเป็น บูกาโย่ ซาก้า ซัดเข้าไปไม่พลาด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอล หงส์แดง ยังคงคาใจ และ กลายเป็น Topic ให้กองเชียร์เข้ามาถกเถียงกันอย่างสนุกมือ เพราะในช่วงต้นเกม มันมีช็อตที่ ดิโอโก้ โชต้า อยู่ในกรอบเขตโทษ ตวัดบอลไปโดนมือ กาเบรียล มากัลเญส เต็มๆ ซึ่งมือของ มากัลเญส ก็ไม่ได้แนบลำตัวเอาไว้

แต่กระนั้น ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ตัดสินใจไม่เป่าให้เป็นจุดโทษของ ลิเวอร์พูล เพราะมองว่า มากัลเญส ไม่ได้ตั้งใจ เป็นลูก "บอลทูแฮนด์" ต่อให้จะมี VAR ทว่าอำนาจการตัดสินใจ ก็อยู่ที่กรรมการในสนาม ซึ่งเมื่อ โอลิเวอร์ ไม่เป่าฟาวล์ ก็กลายเป็นดราม่าถกเถียงกัน เนื่องจากฝั่งแฟนบอล หงส์แดง มองว่าลูกนี้ควรจะเป็นจุดโทษมากกว่า

- เทรนท์ อาร์โนลด์ ขวาผ่านตลอด

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังคงสร้างคอนเทนต์ให้แฟนบอลทั่วโลก ได้พูดถึงกันได้ทุกสัปดาห์ เพราะเกมรับของเขายังเป็นจุดอ่อนที่โดนเล่นงานอยู่เสมอ และ เกมเจอกับ อาร์เซน่อล ก็ยังเป็นเรื่องเดิมๆ ที่สาวกเห็นแล้ว ต้องส่ายหน้า จนปวดคอ

เพราะเกมที่ หงส์แดง พ่ายแพ้ต่อ ไอ้ปืนใหญ่ นั้น 2 ประตูแรกที่เสียไป ก็โดนเจาะทางด้านขวานั่นแหละครับ ลูกแรกเสียตั้งแต่ยังไม่ถึง 1 นาทีของเกม ส่วนลูก 2 ที่เขาเลือกไปดักทางวิ่ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แต่กลายเป็นโดนล็อคหลังหักไปพร้อมๆกับลูกพี่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เลยทีเดียว นับเป็นเหตุการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่าในซีซั่นนี้ ที่ เทรนท์ โดนคู่แข่งเล่นงานไม่พักไม่ผ่อน

สุดท้าย เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัว เทรนท์ อาร์โนลด์ ออกจากสนาม ตั้งแต่พักครึ่ง และ ส่ง โจ โกเมซ ลงมาเล่นเป็นแบ็กขวาแทน ซึ่งการเปลี่ยนตัวแบบนั้น คงไม่ต้องการให้ทีมเสียประตูง่ายๆอีกแล้ว เพราะเกมรับ เทรนท์ ห่วยขั้นเทพจริงๆ

อย่างไรก็ตาม หลังจบเกม คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่เปลี่ยน เทรนท์ ออกจากสนาม ไม่ใช่กังวลเรื่องของเกมรับ แต่เป็นเพราะเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บ จากช็อตที่โดน มาร์ติเนลลี่ ย่ำข้อเท้า แบบไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอากาารตอนนี้นับว่าดูไม่ดีมากๆ

คำถามคือถ้า เทรนท์ บาดเจ็บหนักจริงๆ คำถามคือมันจะส่งผลให้กับ ลิเวอร์พูล มากขนาดไหน แน่นอนว่าเรื่องของเกมรับ เขาสอบตกแบบไม่ต้องสงสัย ให้คนอื่นมาเล่นยังดีกว่า แต่กระนั้น หงส์แดง จะขาดตัวสร้างสรรค์ หรือ จ่ายบอลเพื่อลุ้นทำประตูไปอีกคน !

- มาร์ติเนลลี่ ตัวป่วนเกมรับ หงส์แดง

เกมรุกวันนี้ ต้องยกให้กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แนวรุก ไอ้ปืนใหญ่ จริงๆ เพราะเขาสามารถปั่นป่วนแนวรับ ลิเวอร์พูล ได้ตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะการไปเจาะทาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งเขาก็เป็นคนยิงประตูให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่ไก่โห่ และ ล็อคหลบนักเตะ หงส์แดง ถึง 2 คน ก่อนจะจ่ายให้กับ ซาก้า ทำประตูช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ด้วยฟอร์มแบบนี้  กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มีอนาคตอันสดใสแน่นอน เขาจะเป็นคีย์แมนสำคัญ ในการพา อาร์เซน่อล ลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้ 

- ฟีร์มิโน่ ควรต่อสัญญา ?

ก่อนหน้านี้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เหมือนจะหมดอนาคตกับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่เหมือนเดิม ตอนสมัยพา หงส์แดง คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมถึงความสำคัญก็ลดลง สมัยที่ ซาดิโอ มาเน่ ยังอยู่ เพราะ จอร์เก้น คล็อปป์ มักเลือก หลุยส์ ดิอาซ, มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหนจะมี ดิโอโก้ โชต้า ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงอีกคน

แต่กระนั้นจากสัญญาที่กำลังจะหมดลง บอร์ดบริหาร ลิเวอร์พูล ต้องเริ่มคิดแล้วครับว่า ควรจะปล่อย ฟีร์มิโน่ ออกจากทีมจริงๆหรือไม่ เพราะตอนนี้เขากำลังกลับมาโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยม ยิงใส่ อาร์เซน่อล ได้เป็นลูกที่ 10 ในชีวิตแล้ว โดยเขาซัดไปแล้ว 6 ประตู ในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ คมสุดของทีมเลยก็ว่าได้ ดังนั้นถ้าปล่อย ฟีร์มิโน่ ออกไป และ ไม่ได้ตัวดีๆเข้ามา บอกเลยว่าอาจเจอปัญหาตามมาภายหลัง

- ปืนใหญ่ เล่นแชมป์เต็มตัว ขณะที่ หงส์แดง ท็อปโฟร์ ต้องหวัง ท็อปโฟร์

ชัยชนะนัดนี้ของ อาร์เซน่อล ช่างสำคัญเหลือเกิน เพราะทำให้พวกเขาครองจ่าฝูงต่อไป ด้วยการลงแข่ง 9 นัด เก็บไปแล้ว 24 คะแนน เป็นการประกาศศักดาว่าซีซั่นนี้ ขอก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว ไม่ได้หวังแค่ติดท็อปโฟร์เหมือนเมื่อหลายปีก่อนอีกแล้ว โดยนำหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 1 คะแนน

จากที่ ไอ้ปืนใหญ่ เคยมีสถิติแย่ๆเวลาเจอกับทีม บิ๊ก 6 ไม่ค่อยชนะใครได้เลย แต่ซีซั่นนี้เปิดหัวมา ก็ไล่ตบทั้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว จะมีก็แค่บุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-3 ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะทีมที่ลุ้นแชมป์ นอกจากจะต้องตบทีมเล็กๆแล้ว เวลาเจอทีมยักษ์ใหญ่ด้วยกัน ต้องมีเก็บ 3 แต้ม ให้เห็น เหมือนที่ อาร์เซน่อล กำลังทำอยู่

ขณะที่ ลิเวอร์พูล แทบจะถูกตัดชื่อออกจากสารบบการลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้ไปแล้ว หลังร่วงมาอยู่อันดับ 10 มีเพียงแค่ 10 คะแนน เท่านั้น เป็นการออกสตาร์ทซีซั่นที่ห่วยที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งหากฟอร์มการเล่นยังย่ำแย่แบบนี้ ไม่ต้องคิดเรื่องทวงบัลลังค์แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แล้วครับ ไปหวังติดท็อปโฟร์ เพื่อโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดีกว่า

แค่การลุ้นท็อปโฟร์ ปีนี้ เชื่อว่า หงส์แดง เหมือนต้องเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะมองจากผลงาน และ คู่แข่งที่ต้องลุ้น ช่างลำบากเหลือเกิน .. มันไม่ได้มีแค่ อาร์เซน่อล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไหนจะมีทั้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่กำลังยอดเยี่ยม, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังดีวัน ดีคืน รวมถึง เชลซี ของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ก็น่ากลัวมากเช่นกัน

ดังนั้นมารอดูกันว่า ลิเวอร์พูล จะเค้นฟอร์มเก่งได้มากแค่ไหน และ เขาจะพาตัวเองกลับมาอยู่ท็อปโฟร์ ได้หรือไม่รอติดตาม

ฮาย ฮาวดี้-
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline