logo-heading

นัดล่าสุดเป็นอีกครั้งที่พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการบุกไปเอาชนะ เอซี มิลาน 0-2 ส่งผลให้ยอดรวมตอนนี้ เชลซี กวาดไปแล้ว 7 คะแนน โอกาสเข้ารอบต่อไปสดใสเลยทีเดียว

ซึ่งในเกมบุกไปดับทัพ "ปีศาจแดง-ดำ" จะมีประเด็นอะไรน่าสนใจหยิบยกมาพูดคุยกันบ้าง ขอบสนาม ได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว

การจัดทัพ

เริ่มต้นกันที่ 11 ตัวจริงของฝั่งเจ้าถิ่นกันก่อนเกมนี้พวกเขามาในระบบ 4-3-3 แนวรับใช้ ฟิกาโย โทโมริ จับคู่ปราการหลังกับ มัตเตโอ กับเบีย ส่วนแดนกลางนำมาโดย ซานโดร โตนาลี่ เล่นร่วมกับ ราเด้ ครูนิช และ อิสมาเอล เบนนาเซอร์ เกมรุกฝากความหวังไว้ที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์, บราฮิม ดิอาซ และ ราฟาเอล เลเอา

ข้ามมาที่ผู้มาเยือน พ็อตเตอร์ เปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งพอสมควรจากเกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวรับ ติอาโก้ ซิลวา สลัดอาการป่วยกลับมายืนเซ็นเตอร์ฮาร์ฟร่วมกับ คาลิดู คูลิบาลี่ และ เทรโวห์ ชาโลบาห์

ส่วนในรายอื่นๆ ถือว่าจัดหนักเช่นเดิมคู่มิดฟิลด์เป็น จอร์จินโญ่ กับ มัตเตโอ โควิซิช แนวรุกใช้ เมสัน เมาท์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ในการคอยประสานงานสนับสนุนหน้าเป้าอย่าง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง

จุดเปลี่ยนของเกม

ต้องบอกว่าจุดเปลี่ยนของเกมนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียง 18 นาทีเท่านั้น เมื่อ โทโมริ ที่ได้โอกาสลงสนามดวลทีมเก่าไปทั้งดึง ทั้งรั้ง เมสัน เมาท์ ในกรอบเขตโทษ ส่งผลให้ผู้ตัดสินชาวเยอรมันอย่าง ดาเนียล ซีเบิร์ต เป่าเป็นจุดโทษ พร้อมชูใบแดงให้กับแนวรับรายนี้ในทันที

แน่นอนเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นย่อมมีเสียงแตกเป็น 2 ฝั่งว่ากรณีนี้มันรุนแรงถึงขั้นจะเป็นการลงโทษด้วยใบแดงเลยหรือไม่ ?

ซึ่งถ้าพิจารณาจากจังหวะดังกล่าว เมสัน เมาท์ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษ และ โทโมริ ไม่มีเจตนาเล่นบอลแต่อย่างใดเนื่องจากเข้าไม่ถึง เลยตัดสินใจดึงอย่างชัดเจน บวกกับเป็นการทำลายจังหวะทำประตูของคู่แข่ง

ฉะนั้นแล้วการที่ผู้ตัดสินแจกใบแดงนั้นว่ากันตามกฎถือว่าถูกต้องทุกระเบียบนิ้ว แม้อาจไม่ถูกใจแฟนบอลบางคนที่อาจบอกว่าไม่ใช่กองหลังตัวสุดท้ายก็ตาม แต่ภาพที่ออกมามันชัดเจน และเพียงพอที่จะบอกว่าคือใบแดงที่ถูกต้อง

หลังเกม เชลซี ฟอร์มยังแรง บุกดับ ปีศาจแดง-ดำ

เมสัน เมาท์ สุดแจ่ม

เกมนี้หนึ่งในนักเตะที่ผลงานโดดเด่นเหลือเกินคงต้องยกให้กับ เมสัน เมาท์ ที่มีส่วนร่วมกับทั้ง 2 ประตูที่เกิดขึ้นจากการเรียกจุดโทษ และแอสซิสต์ให้ โอยาเมยอง ซัดประตูที่ 2 ของเกม

โดยนัดนี้แข้งทีมชาติอังกฤษได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้จะมีเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลอยู่บ้าง ทว่าตัวเขาเองนับตั้งแต่ได้ร่วมงานกับ พ็อตเตอร์ สังเกตุเห็นได้ชัดว่ายกระดับของตัวเองขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ

เกมนี้แม้เจ้าตัวจะอยู่ในสนามเพียง 45 นาทีเท่านั้น แต่ทว่ามีอิทธิพลต่อเกมรุกมากพอสมควรทั้งการวิ่งหาช่อง ขยันหาพื้นที่ และลูกล่อลูกชนมีให้เห็นแบบครบเครื่อง พ่วงด้วยอัตราการจ่ายบอลสำเร็จมากถึง 89% กลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญสำหรับชัยชนะในเกมนี้ ซึ่งแม้จะลงเล่นเพียงครึ่งเดียวทว่าเจ้าตัวก็ถูกรับเลือกให้คว้ารางวัล "แมน ออฟ เดอะ แมตช์" ไปครองอีกด้วย

จากผลงานในตอนนี้นี่คือหนึ่งในนักเตะที่ยกระดับมาตรฐานของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ก็ต้องดูกันยาวๆ ว่าจะรักษาผลงานแบบนี้ไว้ได้ตลอดหรือไม่

พ็อตเตอร์ ยังยอดเยี่ยม

ตอนที่ พ็อตเตอร์ เข้ามารับตำแหน่งต้องบอกว่ายังมีแฟนบอลตั้งข้อสงสัยในเรื่องฝีมือไม่ใช่น้อยด้วยการที่ไม่เคยคุมทีมใหญ่มาก่อน อาจมีความกังวลในเรื่องของประสบการณ์ แต่ทว่าผ่านมาถึงตรงนี้เจ้าตัวสอบผ่านแบบฉลุย แถมพลิกสถานการณ์ของทีมได้เป็นอย่างดี

ด้วยสไตล์ที่เป็นตัวเองกล้าที่จะเปลี่ยนทีม ลองทีม และโรเตชั่นนักเตะเฉกเช่นเกมลีกนัดล่าสุด ก่อนกลับมาใช้จุดใหญ่ในการบุกเยือน เอซี มิลาน ส่งผลให้ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครในบทบาทนายใหญ่ทัพ "สิงห์บลูส์" พ่วงด้วยเก็บชัย 4 เกมติดต่อกัน ในจำนวนดังกล่าวคลีนชีตถึง 3 นัด อีกด้วย

นอกจากเกมรับที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเสียงเพียง 2 ประตู เกมรุกยังมีความไฉไลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยการ
กระซวกตาข่ายคู่แข่งไปแล้ว 11 ตุง จาก 5 เกมที่คุมทีมข้างสนาม

อีกทั้งพาทีมขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ลีก ส่วนในพรีเมียร์ลีกกระโดดขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตาราง แน่นอนนี่คงเป็นช่วงฮันนีมูนที่ยอดเยี่ยมของนายใหญ่คนนี้ในการประเดิมงานใหม่ ทว่าเขาเองยังคงมีอีกหลายจุดให้ยกระดับทีม และเป็นไปตามเป้าหมายที่ทีมได้วางเอาไว้

หลังเกม เชลซี ฟอร์มยังแรง บุกดับ ปีศาจแดง-ดำ

สถานการณ์กลุ่ม E

ภายหลังออกสตาร์ท 2 เกมแรกด้วยการเก็บไปได้เพียง 1 คะแนน จากการแพ้ 1 เสมอ 1 ทว่าชัยชนะ 2 เกมหลังสุดก็ดีพอที่จะทำให้ เชลซี กระโดดขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของกลุ่มด้วยการกวาดไปแล้ว 7 แต้ม พร้อมโอกาสกรุยทางเข้ารอบต่อไปสดใสมากยิ่งขึ้น

ส่วนอันดับ 2 ตอนนี้ครอบครองโดย เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ที่เก็บไปแล้ว 6 คะแนน รองลงมาเป็น เอซี มิลาน ผลพวงจากการพ่าย 2 เกมติดทำให้หยุดอยู่ที่เพียง 4 คะแนน เท่ากับ ดินาโม ซาเกร็บ 

ซึ่งว่ากันตามตัวเลข และทฤษฎีทุกทีมยังคงมีโอกาสเข้ารอบต่อไปด้วยกันทั้งหมด แน่นอนหลังจบเกมในนัดที่ 5 ภาพต่างๆ ของกลุ่มนี้น่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และอาจมีทีมผ่านเข้ารอบต่อไปเลยก็เป็นได้ 


- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline