logo-heading

ซึ่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยังคงเป็น เดอะ แบก ให้กับ ลิเวอร์พูล อยู่เหมือนเดิม เพราะเป็นคนปลุก หงส์แดง ตื่นจากภวังค์ หลังโดนยิงนำไปก่อน แต่กระนั้นกลายเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขโมยซีน ลงมาเป็นตัวสำรอง และ ซัดแฮตทริค แบบสร้างสถิติขึ้นมาใหม่ บนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว เอาเป็นว่าไปตามดูประเด็นที่น่าสนใจ ในเกมที่มีประตูเกิดขึ้นถึง 8 ลูก กันเลยครับ

- เกมรับ ลิเวอร์พูล ยังมีปัญหา แต่ดีที่เกมรุกช่วย

เสียประตู กลายเป็นเรื่องชินชาสำหรับแฟนบอล ลิเวอร์พูล ไปแล้วล่ะครับ เพราะซีซั่นนี้มักเสียประตูให้กับคู่แข่งก่อนเสมอ และ มันจะคล้ายๆอีหรอบเดิม ก็คือครองบอลใส่มากเท่าไหร่ แต่โดนยิงตรงกรอบครั้งแรก ก็โดนใส่สกอร์ทันที

เช่นกับเกมเจอ เรนเจอร์ส .. เจ้าบ้านได้โอกาสบุก และ ได้ยิงครั้งแรก ก็ส่งบอลเข้าไปซุกตาข่ายทันที จากการจ่ายบอลทะลุช่องตรง อิบราฮิม่า โกนาเต้ ซึ่งคราวนี้ไม่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นคอนเทนต์ให้โดนล้อแล้ว แต่ หงส์แดง ก็เสียประตูอยู่ดี 

หลังจาก ลิเวอร์พูล โดนนำ ภาพความพ่ายแพ้ ก็ลอยเข้ามาในหัวทันที เพราะเกมเยือนซีซั่นนี้ห่วยขั้นเทพจริงๆ เนื่องจากยังไม่ชนะใครเลยสักนัดเดียว ล่าสุดก็เพิ่งบุกไปพ่ายต่อ อาร์เซน่อล มา 2-3

แต่แล้ว หงส์แดง ก็มาล้างอาถรรพ์ตัวเองได้สำเร็จ เนื่องจากมารัว 7 ลูกรวด แซงเอาชนะ เรนเจอร์ส ได้สำเร็จ อย่างน้อยถึงแม้เกมรับ จะคลีนชีตยากเย็นเหลือเกิน แต่เกมรุก ก็มาแก้หน้าให้เรียบร้อย เป็นการเก็บชัยชนะเกมเยือนนัดแรกในซีซั่นนี้ ได้สักที

- ฟีร์มิโน่ เดอะ แบก

ชั่วโมงนี้ คิดอะไรไม่ออก ให้บอก โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เพราะถ้าไม่มีเขาอยู่ในสนาม ขอพูดแบบหยาบๆเลยว่า ความชิบหายมาเยือน ลิเวอร์พูล แน่นอน เป็น เดอะ แบก ของทีม ทุกนัดจริงๆ

เพราะไม่ว่า บ็อบบี้ จะมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน เขาแทบจะมีชื่อช่วยทำประตูอยู่ทุกเกม โดยนัดล่าสุดที่บุกไปถล่ม กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 4-1 เขาก็เป็นคนชุบกำลังใจ โหม่งตีเสมอ 1-1 และ ยิงแซงขึ้นนำ 2-1 จากนั้นก็โชว์ความคลาสสิค ไขว้จ่ายให้กับ ดาร์วิน นูนเญซ ยิงประตูฉีกนำ 3-1 ทำให้ตอนนี้ ฟีร์มิโน่ กดไปแล้ว 5 ลูก จาก 4 นัดที่ลงสนาม พร้อมกับทำแอสซิสต์ที่ 12 บนเวที ยูซีแอล เทียบเท่ากับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตนทีม ไปแล้ว

เรียกว่าฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ ผิดจากช่วงออกสตาร์ทซีซั่น ที่เขาโดนวิจารณ์หนักๆว่า เป็นนักเตะหมดไฟไปแล้ว ลงมาก็ไม่มีส่วนร่วมกับทีม เชื่อว่าคนที่ด่าในวันนั้น คงอยากจะตบปากตัวเอง เพราะตอนนี้เป็นนักเตะที่ หงส์แดง ขาดไม่ได้จริงๆ

- ดาร์วิน นูนเญส ยิง 2 นัดติด เรียกความมั่นใจ

ดาร์วิน นูนเญส ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่บ่อยๆ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยังไม่สมราคา 100 ล้านยูโร มีคอนเทนต์ล้อเลียนให้เห็นอยู่บ่อยๆ พร้อมกับสมญานามที่แฟนๆตั้งให้ว่า แอนดี้ แคร์โรลล์ เวอร์ชั่น 2.0

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ ลิเวอร์พูล กำลังผลงานย่ำแย่ ดาร์วิน นูนเญส ถือว่าเริ่มเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ทันเวลาจริงๆ หลังจากเขาเป็นคนยิงขึ้นนำ 3-1 กลายเป็นว่าซัดประตูในสีเสื้อ หงส์แดง 2 นัดติดต่อกันแล้ว ต่อจากเกมที่เจอ อาร์เซน่อล คงเป็นการเติมความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนทำศึกซูเปอร์บิ๊กแมตช์ เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

- โม ซาลาห์ สร้างสถิติยิงแฮตทริค
เร็วที่สุด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซีซั่นนี้ มีสถิติการทำประตูลดลงไปอย่างน่าตกใจ เพิ่งยิงไปแค่ 2 ประตู ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เท่านั้น ด้วยบทบาทที่ต้องถ่างตัวเองไปเล่นริมเส้นมากขึ้น ทำให้โอกาสจบสกอร์ ไม่เยอะมากเหมือนแต่ก่อน

ทว่า บังโม ก็คือ บังโม เขายังเป็นตัวอันตรายเสมอ ยามที่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ  และ ต่อให้จะถูกส่งลงมาในฐานะตัวสำรอง นาที 68 ของเกม แต่เขาก็ได้จารึกสถิติขึ้นมาใหม่ บนพงศาวดาร ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นคือการทำแฮตทริค เร็วสุดในประวัติศาสตร์ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาที กับอีก 12 วินาที

3 ประตูที่ ซาลาห์ ซัดใส่ เรนเจอร์ส นั้น เกิดขึ้นในนาที 75, 80 และ 81 โดยมี ดิโอโก้ โชต้า เป็นคนแอสซิสต์ให้กับ บังโม ทั้ง 3 ลูกเช่นกัน ส่งผลให้ตอนนี้ บังโม ขยับขึ้นมาเป็นดาวซัลโว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ดาวยิง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่จำนวน 5 ประตู

- หงส์แดง แทบการันตีการเข้ารอบน็อคเอาท์

ถึงแม้ว่าผลงานในเกมลีกของขุนพล หงส์แดง จะกระท่อนกระแท่น ร่วงไปอยู่อันดับ 10 จนทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือใหญ่ ถึงกับตัดพ้อ ยอมยกธงขาว หมดลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม กับผลงานบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น ลิเวอร์พูล ยังคงไว้ลายรองแชมป์เก่าเมื่อปีก่อน แทบจะการันตีผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ตามตูด นาโปลี ไปติดๆ แบบ 80-90 % แล้ว ถ้าพวกเขาไม่ทำมันพังด้วยตัวเองในอีก 2 นัด ที่เหลือ

เพราะตอนนี้ลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่อันดับ 2 ของกลุ่ม มี 9 คะแนน จาก 4 นัด ตามหลัง นาโปลี จ่าฝูง อยู่ 3 คะแนน หมายความว่าในอีก 2 นัดที่เหลือ ขอเพียงแค่ 1 แต้ม ก็จะการันตีการผ่านเข้ารอบทันที โดยนัดต่อไปจะบุกไปเยือน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่เพิ่งมีแค่ 3 แต้ม เท่านั้น

ฮาย ฮาวดี้
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline