เรื่องราวที่เกิดขึ้นเชื่อว่าแฟนบอลหลายคนคงได้เห็นคลิปกันตามโซเชียลกันแล้วว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมันเกิดขึ้นอย่างไร และภาษากายของ โรนัลโด้ ที่ตัดสินใจทำในรูปแบบนั้นออกมาในลักษณะไหน
ย้อนกลับไปเรื่องราวของ CR7 มีมาให้พูดถึงกันแบบไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลที่ไม่ยอมมาฝึกซ้อมร่วมกับทีมจนไม่ได้มีแมตช์ช่วงปรีซีซั่นเพื่อเรียกความฟิต และเรียนรู้จากแท็คติกจากโค้ชคนใหม่อย่าง เอริค เทน ฮาก ท่ามกลางข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการย้ายทีมของเขา ทว่าทุกอย่างมันก็ผ่านไป "พี่โด้" ไม่ได้ย้ายทีมตามใจปราถนาที่เขาต้องการลงเล่นในเวที แชมเปี้ยนส์ลีก ต่อไป
ซึ่งข่าวเรื่องการย้ายทีมยังคงตลบอบอวลตลอดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อของเขาถูกจับโยงเข้ากับหลายๆ สโมสรทั้งชื่อดังในยุโรป รวมไปถึงทีมจากทวีปอื่นอย่างเอเชีย หรืออเมริกา
แน่นอนประเด็นนี้เรายังไม่อาจทราบอนาคตได้ว่าจะลงเอยอย่างไร แต่ที่แน่ๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันแสดงออกค่อนข้างชัดเจนว่า โรนัลโด้ ไม่มีความสุขในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบที่ผ่านๆ มา
จนกระทั่งประเด็นดราม่าขบวนล่าสุดยิ่งเป็นการตอกย้ำอะไรบางอย่างให้ภาพมันชัดเจนมากขึ้นว่า โรนัลโด้ ไม่พอใจกับสถานะของตัวเองที่เป็นเพียงตัวสำรองข้างสนาม ที่ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าพี่แกจะได้ลงสนามในเกมไหนบ้าง จากเดิมที่เป็นตัวหลักมาตลอด ก่อนถูกลดบทบาทเหลือเพียงอะไหล่ของทีมเพียงเท่านั้น
ว่ากันตามสถิติในฤดูกาล 2022-23 นี้ โรนัลโด้ เพิ่งได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงเพียง 6 เกมเท่านั้น ซึ่ง 4 นัดเป็นการออกสตาร์ทในศึกยูโรปาลีก เวทีที่เขาเองไม่เคยสัมผัส และไม่เคยคิดที่อยากจะลงมาทำความคุ้นเคยด้วย เพราะปกติ แชมเปี้ยนส์ลีก คือพื้นที่เดียวที่เขาคุ้นเคย พร้อมสร้างสถิติอะไรหลายๆ อย่างไว้มากมาย
วกกลับมาที่สถานการณ์ของ โรนัลโด้ กับทัพ "ปีศาจแดง" ในตอนนี้ อย่างที่กล่าวไปว่าพี่แกถูกลดสถานะเหลือเพียงตัวสำรองเท่านั้น ไม่ใช่กองหน้าตัวเลือกแรกที่ เทน ฮาก จะเลือกใช้บริการอีกแล้ว ต่อให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล จะได้รับบาดเจ็บ เขาก็เลือกที่จะดัน มาร์คัส แรชฟอร์ด ขึ้นไปเล่นเป็นหน้าเป้า เพราะสามารถตอบโจทย์ต่อรูปแบบการเล่นของเขาได้มากกว่า
ซึ่งทำให้ตอนนี้หลังพรีเมียร์ลีกผ่านไปแล้ว 10 เกม โรนัลโด้ ได้โอกาสอยู่ในสนามเกิน 60 นาที เพียง 3 เกมเท่านั้นคือนัดที่ดวล เบรนท์ฟอร์ด, เอฟเวอร์ตัน และ นิวคาสเซิ่ล
แน่นอนจากนักฟุตบอลที่เคยเป็นเต้ยเหนือทุกสิ่ง ได้โอกาสลงสนามในทุกเกม และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของทีมในทุกแง่มุม วันนี้กลายเป็นตัวสำรองที่ไม่อาจรู้ชะตาอนาคตว่าจะได้เล่นตอนไหน และจะมีโอกาสในสนามมากเพียงใด ซึ่งจุดนี้เองกลายเป็นความกดดันที่ถาโถมอยู่ในใจ จนอาจกลายเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมทำลายภาพทุกอย่างของตัวเอง
โดยในเกมล่าสุดภาพที่เขาเลือกที่จะเดินออกจากสนามในช่วงนาทีที่ 89 กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนหลายริกเตอร์ที่ทุกคนต่างมาจ้องมอง พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมนักเตะที่มีวุฒิภาวะสูงคนหนึ่งของวงการถึงเลือกการกระทำในเช่นนั้น ?
ถามว่ามันสามารถทำได้ไหม ? มันก็ทำได้แหละ แต่เป็นเรื่องที่ไม่สมควร จะด้วยเหตุผลที่ว่าหงุดหงิดที่ไม่ได้ลงไปในเล่นในเกมที่ดีที่สุดนัดหนึ่งของสโมสร หรือไม่พอใจแผนงานของโค้ช ทว่าสิ่งนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นมากที่สุด เพราะเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าทุกฝีก้าวของเขาย่อมได้รับการจับตามองอยู่แล้ว
ว่าแล้วลองมามองในมุมของ โรนัลโด้ กันบ้างว่าทำไมพี่แกถึงเลือกที่จะทำแบบนั้น ...
ประการแรกอาจเพราะไม่พอใจที่ไม่ได้ลงสนามไปช่วยทีม เพราะต้องบอกว่าเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านชนะ สเปอร์ส นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ ทุกคนในสนามต่างทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงการจัดวางแท็คติกของ เทน ฮาก และการเปลี่ยนตัวที่เลือกใช้งานนักเตะตามความเหมาะสม
ทว่าในมุมของ โรนัลโด้ อาจมองว่าเขาเองก็มีประสิทธิภาพดีพอในการลงไปอยู่ในสนามเช่นกัน แต่โค้ชกลับเลือกใช้งานดาวรุ่งอย่าง แอนโธนี อีลังก้า ลงสนามไปแทน จุดนี้อาจทำให้จุดเดือดของ "พี่โด้" ทะลุปรอทแตกออกมา
หรือประการต่อมามองโลกให้สวยงามไปเลยก็คือ ปวดห้องน้ำ หรือปวดขี้นั้นแหละ! แต่ด้วยลีลาการเดิน หรืออะไรต่างๆ มันมองไปในแง่มุมนี้ไม่ได้จริงๆ
แน่นอนว่าด้วยอายุ 37 ปี เขาเองผ่านอะไรมามากมายทั้งเรื่องที่ดีและแย่ ซึ่ง โรนัลโด้ เองก็น่าจะเข้าใจฟุตบอลมากที่สุดคนหนึ่ง และรับรู้ได้ว่าด้วยผลงานของตัวเอง ความเชื่องช้า และการตัดสินใจต่างๆ มันลดทอนตามกาลเวลาไปมากพอสมควร ขืนให้ลงไปยังไงเสียก็ไม่มีทางวิ่งไล่ บดขยี้ ตามงานของกุนซือได้ตลอดรอดฝั่ง
ซึ่งสิ่งที่เขาควรทำคือแสดงความเป็นมืออาชีพออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อรอโอกาสพิสูจน์ตัวเองในสนาม และเรียนรู้ว่าในวัย 37 ปี ของเขามันควรยืนอยู่ในจุดไหน เพื่ออย่างน้อยเป็นซีเนียร์ที่รวมจิตใจ และถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้กับเด็กรุ่นน้อง
ทว่าสิ่งที่เขาเลือกใช้วิธีนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการขุดหลุมฝังตัวเองจากคำวิจารณ์ และถามหาความเป็นมืออาชีพ ทั้งที่ตลอดเส้นทางเขาคือหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยกย่องในเรื่องนี้มาตลอด
อีกอย่างมันเป็นการไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมทีมที่กำลังต่อสู้เพื่อสโมสร ไม่ให้เกียรติแฟนบอลที่ตีตั๋วซื้อบัตรเข้ามาชมในสนาม และเป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวมทั้งหมด
ต่อจากนี้ต้องมาติดตามว่า เทน ฮาก จะจัดการกับลูกทีมรายนี้ยังไง ซึ่งมันมีหลายทางเลือกเหลือเกินทั้ง ตักเตือน, หักเงิน ตัดชื่อออกจากทีม หรือ จับดองยาว
ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่านายใหญ่ผู้นี้จะเลือกรูปแบบไหนในการปราบเพื่ออย่างน้อยเป็นมาตรฐานถึงคนอื่นๆ ในทีมถ้าเกิดเหตุลักษณะแบบนี้ขึ้นอีก
แต่แน่นอนการกระทำครั้งนี้กลายเป็นกระแสที่กลบชัยชนะอันสวยงามของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้เลย และมันแสดงออกให้เห็นว่า โรนัลโด้ สามารถสร้างอิมแพ็คต่อแฟนบอลในโลกลูกหนังได้มากขนาดไหน
- Paolinho -