logo-heading

จริงๆเกมนี้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงมากกว่า 20 ครั้ง มีทั้งติดบล็อค ทั้งซัดไปชนเสา และ จบสกอร์กันไม่คมไปเอง อย่างไรก็ตาม การได้ 3 แต้ม เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทำให้พวกเขาขยับเข้าใกล้ตำแหน่งท็อปโฟร์เข้าไปทุกขณะ เอาเป็นว่าเกมนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

- ดาร์วิน ไม่ได้ขายขำ

ย้อนกลับไปในเกมที่ ลิเวอร์พูล เฉือนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 แบบสุดมันส์ ดาร์วิน นูนเญซ โดนวิจารณ์อย่างหนัก กับการลงมาเล่นเป็นตัวสำรอง โดยเฉพาะช็อตที่หลุดมา 3 ต่อ 1 แต่เขาดันเลือกยิงเอง ไม่ยอมจ่ายให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่อยู่ยืนโล่งๆ ถ้าวันนั้น หงส์แดง โดนตีเสมอ เขาโดนด่าทั่วโลกแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ดาร์วิน นูนเญซ สามารถกลับมาแก้ตัวได้สำเร็จ เพราะเขาเป็นคนขึ้นโหม่งเบิกสกอร์ให้กับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างเฉียบคม จากการแอสซิสต์ของ คอสตาส ซิมิคาส นับเป็นประตูแรกของ นูนเญซ ในถิ่นแอนฟิลด์ อย่างเป็นทางการ และ เป็นประตูที่ 3 ในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ 

นอกจากจังหวะยิงประตูให้กับ ลิเวอร์พูล แล้วนั้น นูนเญซ มีโอกาสอีกหลายคนที่จะบวกประตูเพิ่มให้กับทีม โดยมีช็อตที่ได้วอลเล่ย์ด้วยซ้ายแบบเต็มตีนเตี่ย บอลพุ่งแรงเป็นจรวด ชนิดที่ ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ หมดสิทธิ์เซฟไปแล้ว แต่ว่าบอลเจ้ากรรมไปชนเสาดังสนั่น ถึงแม้ท้ายที่สุดจะทำได้แค่ 1 ลูก ทว่าผลงานวันนี้ของ นูนเญซ เล่นได้อย่างเข้าตาจริงๆ

- อลิสซอน ฮีโร่ ลิเวอร์พูล

เป็นอีก 1 เกม ที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ โชว์ซูเปอร์เซฟ ช่วยชีวิต ลิเวอร์พูล ได้อีกแล้ว หลังจาก หงส์แดง มาเสียจุดโทษแบบง่ายๆ จากการเข้าโฉ่งฉ่างของ โจ โกเมซ ที่ไปกระโดดยกเท้าสูงใส่ จาร์ร็อด โบเว่น เดิมทีผู้ตัดสินไม่ได้เป่าให้ฟาวล์ ก่อนจะเดินไปดูจอ VAR และ เป่าเป็นจุดโทษให้กับ เวสต์แฮม

โบเว่น หยิบบอลมาตั้งตรงจุด และ ขอซัดเอง โดยเลือกยิงไปทางซ้ายมือของตัวเอง แต่กระนั้น อลิสซอน เดาถูกทาง พุ่งปัดแบบเต็มมือ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตูในช่วงท้ายครึ่งแรก ไม่อย่างงั้นรูปเกมอาจออกไปอีกแบบ อย่างน้อยทำให้ หงส์แดง ไม่ต้องโถมบุกมากในครึ่งแรก

นับว่าชั่วโมงนี้ อลิสซอน กำลังฟอร์มฮอตแบบสุดๆ โดยวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เปิดบอลยาวทำแอสซิสต์ให้กับ โม ซาลาห์ ยิงประตูชัยเฉือน แมนฯ ซิตี้ ล่าสุดกลางสัปดาห์ ก็เป็นคนเซฟจุดโทษช่วยให้ ลิเวอร์พูล เก็บ 3 คะแนนอีกครั้ง

- พี่ยักษ์แอบขุดหลุมยิงจุดโทษ

เป็นประเด็นกิมมิคของเกมนี้เหมือนกันครับ จากจังหวะที่ เวสต์แฮม ได้จุดโทษ และ โบเว่น ยิงไม่เข้า โดยมีกล้องจับภาพให้เห็นว่า ขณะผู้ตัดสินเดินออกไปดูจอ VAR และ ทุกคนกำลังจับจ้องอยู่ที่ สจ๊วต แอตเวลล์ กรรมการผู้ชี้ขาด

ทันใดนั้น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็ทำเนียนๆด้วยการเท้าไปเหยียบที่วงกลมจุดโทษ เพื่อขุดให้เป็นหลุ่ม ซึ่งอาจจะทำให้คนยิงเสียหลัก หรือ เสียจังหวะได้ ถึงแม้ว่า โบเว่น จะไม่ได้เสียการทรงตัวในตอนยิง แต่เมื่อ โบเว่น ยิงไม่เข้า กล้องถ่ายทอดสด ก็เลยเอาทริคของ ฟาน ไดค์ มาให้เห็น ซึ่งเขาไม่ใช่คนแรกที่ทำ เพราะเคยมีหลายคนทำมาแล้วก่อนหน้านี้

- เจมส์ มิลเนอร์ ช่วยชีวิต

ลิเวอร์พูล มีโอกาสจบสกอร์มากกว่า 20 ครั้ง แต่กลับยิง เวสต์แฮม ได้เพียงแค่ 1 ลูก ทำให้ช่วงท้ายเกม สาวก เดอะ ค็อป ต้องมาลุ้นกันเยี่ยวเหนียว เพราะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด บุกเข้าใส่อย่างหนัก เพื่อหวังตีเสมอให้ได้

และ ขุนค้อน เกือบทำสำเร็จ เมื่อเลือกเจาะทางฝั่งขวา เพราะเกมนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ โจ โกเมซ มีข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่บ้าง โดยเป็น โบเว่น ที่แหวกไปจนสุดเส้นหลัง ก่อนจะตบกลับมาให้กับ โทมัส ซูเช็ค ได้ยิงแบบเผาขน แต่ เจมส์ มิลเนอร์ เหยียดขามาสกัดได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ช่วยเซฟให้ ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตู เพราะถ้าโดนยิงลูกนี้ โอกาสแบ่ง 1 แต้ม สูงมากจริงๆ

- ลิเวอร์พูล กับความหวังท็อปโฟร์

หลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โอกาสลุ้นท็อปโฟร์ เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะหลังจากจากแพ้ อาร์เซน่อล 2-3 พวกเขาร่วงไปอยู่อันดับ 12 ของตาราง ห่างจากท็อปโฟร์เกือบ 10 คะแนน จะชนะใครแต่ละเกม ก็ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ถึงขั้นที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ประกาศขอยกธงขาวเรื่องการลุ้นแชมป์

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญของ ลิเวอร์พูล คือการเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ก่อนจะต่อยอดด้วยการทุบ ขุนค้อน เก็บชัยชนะ 2 นัดติดต่อกันในเกมลีก ทำให้ หงส์แดง ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 7 แล้ว แข่ง 10 นัด มีอยู่ 16 คะแนน ตามหลัง เชลซี อันดับ 4 อยู่เพียงแค่ 4 แต้ม เท่านั้น

หมายความว่าการลุ้นท็อปโฟร์สำหรับ ลิเวอร์พูล ยังมีโอกาสเต็มเปี่ยม ถ้าหากพวกเขาสามารถรักษาฟอร์มเก่งแบบนี้ไว้ได้ ไม่มีตัวแปรเรื่องอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวนหัวใจ เชื่อเลยว่าต่อจากนี้ เครื่องจักรสีแดง ที่เคยรู้จัก จะกลับมาเล่นแบบตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง เรื่องการลุ้นแชมป์ตัดทิ้งไปก่อน เป้าหมายต่อจากนี้ ต้องขยับขึ้น 4 อันดับแรก ให้ได้

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline