logo-heading

ทว่าหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ พร้อมขึ้นนำเป็นดาวซัลโวของทีมในตอนนี้คือแข้งวัย 26 ปี อย่าง ฟิลิป บิลลิ่ง กองกลางทีมชาติเดนมาร์ก ที่ซัดไปแล้ว 3 ตุงในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลปัจจุบัน

ซึ่งวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับมิดฟิลด์รายนี้ให้มากขึ้นว่าเส้นทางลูกนหนังของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะย้ายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของพลพรรคทัพ "เดอะ เชอร์รีส์"

จุดเริ่มต้น

ฟิลิป บิลลิ่ง ลืมตาทักทายโลกใบนี้เมื่อ 11 มิถุนายน 1996 ที่เมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งในระดับเยาวชนเจ้าตัวเคยผ่านการฝึกปรือฝีเท้ากับอคาเดมี่ที่มีชื่อว่า Jerne IF ก่อนที่จะได้รับโอกาสเข้าสู่ทีมชื่อดังของประเทศอย่าง เอสเบิร์ก 

หลังจากได้โอกาสพัฒนาฝีเท้าของตัวเองอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 17 ปี เขาได้รับโอกาสครั้งสำคัญด้วยการถูก ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ สโมสรในอังกฤษดึงตัวไปร่วมทีม และด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นยามลงเล่นกับทีมระดับเยาวชนทั้งชุด ยู-18 และ ยู-21 ปี ทำให้หลังจากนั้นไม่นานเจ้าตัวก็ได้รับสัญญานักเตะอาชีพฉบับแรกด้วยการเซ็นสัญญา 4 ปี

ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของเขาจาดอคาเดมี่เล็กๆ สู่การเติบโตขึ้นมาในเส้นทางสายฟุตบอลด้วยผลงานของตัวเอง และโอกาสก็มาถึงในการได้โชว์ฝีเท้าในระดับสูงขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี

ชีวิตที่ ฮัดเดอร์ฟิลด์

หลังจากย้ายมาร่วมทัพ ฮัดเดอร์ฟิลด์ พร้อมได้สัญญาอาชีพแบบถาวร เกมแรกที่เขาได้รับโอกาสลงสนามกับทีมชุดใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ 26 เมษายน 2014  ในเกมแชมเปี้ยนชิพ นัดพบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ โดยเจ้าตัวถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองช่วง 14 นาทีสุดท้ายของเกมแทนที่ของ โจนาธาน ฮอกก์ แน่นอนนั้นคือก้าวแรกที่สำคัญ แม้วันนั้นทีมจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่คงเป็นค่ำคืนที่ บิลลิ่ง เองคงจดจำไปตลอดชีวิต

หลังจากนั้นชื่อของเขาก็หายไปจากสารบบชุดใหญ่ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นเลยตลอดซีซั่น 2014-15 ก่อนจะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดใหญ่ ฮัดเดอร์ฟิลด์ อีกครั้งในฤดูกาล 2015-16 รวมแล้วลงสนามไปทั้งหมด 13 เกม ในซีซั่นดังกล่าว พร้อมเปิดซิงตุงแรกได้สำเร็จ

ถัดมาน่าจะเป็นขวบปีที่เขาเองภูมิใจไม่น้อยทั้งการเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังหลักของสโมสร พร้อมโอกาสลงเล่นแบบสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถพาทีมตีตั๋วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จด้วยการจบอันดับที่ 5 ก่อนคว้าชัยในรอบเพลย์ออฟ

ทำความรู้จัก ฟิลิป บิลลิ่ง ดาวเด่นของ บอร์นมัธ ในซีซั่นนี้

ลุยพรีเมียร์ลีก

หลังพา ฮัดเดอร์ฟิลด์ เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด โอกาสของ บิลลิ่ง ที่ถูกส่งลงสนามก็ถือว่าต่อเนื่อง แต่ทว่าดันมาโชคร้ายถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานพักยาวไปร่วมๆ 3 เดือน ก่อนที่จะกลับมายึดเป็นแกนหลักของทีมได้อีกครั้ง รวมแล้วลงเล่นเกมลีกไป 16 เกม พาทีมจบอันดับ 16 พร้อมการรอดตกชั้นแบบหวุดหวิดพอสมควร

ส่วนซีซั่นต่อมาเป็นขวบปีที่เขาเฉิดฉายพอสมควรได้โอกาสลงสนามแบบต่อเนื่อง และสร้างชื่อได้พอสมควรในบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่ทว่าก็ไม่อาจช่วยทีมให้รอดตกชั้นได้ ฮัดเดอร์ฟิลด์ จบอันดับสุดท้ายของลีกเก็บไปได้เพียง 16 คะแนน จาก 38 นัด ต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ในฐานะทีมลีกรอง

โยกย้ายสู่ บอร์นมัธ

แม้ต้นสังกัดอย่าง ฮัดเดอร์ฟิลด์ จะร่วงตกชั้นไป แต่ทว่าด้วยผลงานของเขาทำให้ บอร์นมัธ ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินราว 15 ล้านยูโร ในการดึงตัวเขามาใช้งาน ซึ่งเป็นซีซั่นที่ทัพ "เดอะ เชอร์รีส์" กลับขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกพอดี ทำให้สโมสรเองก็ต้องการนักเตะที่เคยผ่านเวทีนี้มาแล้วเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมอยู่รอดต่อไป

แต่สุดท้ายน่าเสียดายที่ บอร์นมัธ ไม่อาจหลุดรอดจากมือมัจจุราชร่วงตกชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยการจบอันดับ 18 เก็บไป 34 คะแนน จาก 38 เกม ส่วนผลงานส่วนของ บิลลิ่ง ลงเล่นเกมลีกไปมากถึง 34 นัด ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร ทว่าก็ไม่อาจช่วยทีมให้อยู่รอดปลอดภัยได้

ทั้งนี้ด้วยความเป็น บอร์นมัธ พวกเขาเองก็เหมือนจะรู้วิธีการในการพาตัวเองกลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง และครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 2 ฤดูกาลในการไต่เต้าขึ้นมายังพรีเมีย์ลีกได้สำเร็จ 

ซึ่งหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญในภารกิจครั้งนี้ก็คือ บิลลิ่ง โดยซีซั่น 2021-22 ที่ทีมคว้าอันดับ 2 ของ แชมเปี้ยนชิพ มาได้นั้นเข้าตัวลงเล่นในเกมลีกไปมากถึง 40 เกม แถม ทำไปได้ 10 ประตู พ่วงกับอีก 10 แอสซิสต์ ด้วยกัน

เรียกได้ว่าเป็นคนสำคัญในแดนกลางของทีม อีกทั้งยังเป็นอาวุธลับในการสอดประสานเติมขึ้นมาทำประตูได้อยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่ซิวรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งซีซั่นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บิลลิ่ง คือหัวใจแดนกลางของ บอร์นมัธ อย่างแท้จริง

ผลงานในซีซั่นนี้

ฤดูกาล 2022-23 ถือว่าเป็นการลงเล่นลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นครั้งที่ 4 ของ บิลลิ่ง แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในนักเตะของทีมที่มีประสบการณ์กับการลงเล่นกับเหล่าทีมที่มีความเขี้ยวลากดิ้นแบบนี้มาแล้ว

ซึ่งปัจจุบัน บอร์นมัธ รั้งอันดับอันดับ 12 ของตาราง เก็บไปได้ 13 คะแนน จาก 11 นัด ซึ่งถือว่าไม่ขี้เหร่เลยสำหรับทีมน้องใหม่ และสามารถก้าวไปอยู่กลางตารางแบบนี้

แน่นอนว่าส่วนสำคัญของทีมยังคงเป็นแกนหลักจากฤดูกาลก่อน และ บิลลิ่ง คือหนึ่งในนั้นพร้อมสถาปนาตัวเองกลายเป็นดาวซัลโวของทีมในตอนนี้ที่จำนวน 3 ประตู อีกทั้งตอนนี้บทบาทของเขาถือว่าแตกต่างกันออกไปในแต่ละเกม บางครั้งก็ถูกจับไปยืนเป็นกองหน้า บางเกมถอยมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ หรือเป็นตัวตัดเกมก็ทำมาแล้ว

กลายเป็นว่าปัจจุบัน บิลลิ่ง เป็นทุกอย่างขอบ บอร์นมัธ อย่างแท้จริง และกำลังมีผลงานส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการพาทีมโกยแต้มเพื่ออยู่รอดบนลีกสูงสุดต่อไป

ทำความรู้จัก ฟิลิป บิลลิ่ง ดาวเด่นของ บอร์นมัธ ในซีซั่นนี้

ทีมชาติเดนมาร์ก

ย้อนกลับไป บิลลิ่ง ไม่เคยถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติชุดเยาวชนอย่าง ยู-19 หรือ ยู-20 มาก่อนเลย แต่กระโดดเข้าสู่ทีมตอนชุด ยู-21 ปี พร้อมได้รับโอกาสลงเล่นศึกชิงแชมป์ยุโรปของรุ่นดังกล่าวด้วย แต่ทว่าต้องตกรอบแบ่งกลุ่มไปอย่างน่าเสียดาย

หลังจากนั้นอีกราว 3 ปี เจ้าตัวก็ถูกเรียกไปติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในยุคที่มี ออเก้ ฮาไรเด้ คุมทีม แต่ถูกส่งลงสนามครั้งแรกในยุคของ แคสเปอร์ ยูลมันด์ เมื่อเดือนตุลาคม 2020 ในเกมอุ่นเครื่องที่ทีมเอาชนะ หมู่เกาะแฟโร ไปได้ 4-0 ซึ่ง บิลลิ่ง อยู่ในสนามไป 72 นาที

ปัจจุบันสถิติของเขากับทีมชาติเดนมาร์กลงสนามไปทั้งหมด 3 เกม แต่ก็ถือว่าเป็นขาประจำในยุคหลังที่มักมีชื่อติดทีมไปตลอด รอเพียงโอกาสที่จะถูกส่งลงสนามเพียงเท่านั้น

ซึ่งนี่คือทั้งหมดของ ฟิลิป บิลลิ่ง กองกลางสารพัดประโยชน์ของ บอร์นมัธ ที่ผลงานกำลังขึ้นหม้อร้อนแรงแบบสุดๆ 

เราก็ต้องมาคอยติดตามกันว่าฝีเท้าของเขาจะพัฒนาขึ้นไปได้อีกมากขนาดไหน และจะช่วย บอร์นมัธ จบอันดับที่เท่าไหร่ในศึกพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline