logo-heading

โดยในเกมดังกล่าวต้องบอกว่าเป็น เชลซี ที่ทำได้ดีกว่า ก่อนเก็บ 3 คะแนนพลิกสถานการณ์จาก 2 เกมแรกที่ได้เพียงแต้มเดียวมาเข้ารอบต่อไปได้อย่างยอดเยี่ยม

ซึ่ง 90 นาทีในเกมนี้จะมีเหตุการณ์อะไรบ้างที่น่าติดตาม รวมไปถึงสถานการณ์ของกลุ่ม E เป็นอย่างไร ขอบสนาม ของเราได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว

การจัดทัพ

เริ่มต้นกันที่ประเด็นแรกคือการจัดทัพของทางฝั่ง เชลซี ที่ต้องยอมรับเลยว่าคาดเดาใจของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือของทีมไม่ได้จริงๆ ว่าจะมาในรูปโฉม และจัดตัวผู้เล่นเป็นใครลงสนามกันบ้าง

ซึ่งเกมนี้มีการปรับเปลี่ยนนักเตะจากเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์หลายตำแหน่งพอสมควร ในระบบ 3-4-1-2 แนวรับยังคงหน้าเดิมทั้งหมด เทรโวห์ ชาโลบาห์, ติอาโก้ ซิลวา และ มาร์ค คูคูเรย่า

ส่วนแดนกลางน่าสนใจคือการจับ คริสเตียน พูลิซิช กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไปเล่นเป็นวิงแบ็คทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมส่ง มาเตโอ โควาซิช จับคู่มิดฟิลด์กับ จอร์จินโญ่ ข้ามไปที่แผนกเกมรุก คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ยืนเป็นเพลย์เมคเกอร์คอยสนับสนุกคู่หน้าอบ่าง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กับ ไค ฮาเวิร์ตซ์

ทางฝั่งเจ้าบ้าน ซัลซ์บวร์ก ขนเกมรุกมาเต็มสูบทั้ง ลูก้า ซูซิช  เป็นตัวรุก ส่วนหน้าเป้าใช้บริการ จูเนียร์ อดามู กับ โนอาห์ โอคาฟอร์ ในการคอยปั่นป่วนเกมรับของผู้มาเยือน

หลังเกม เชลซี บุกเฉือน ซัลซ์บวร์ก ตีตั๋วเข้ารอบน็อคเอาท์

เชลซี โอกาสเยอะ แต่จบไม่คม

นับเฉพาะโอกาสในครึ่งแรก เชลซี น่าจะขึ้นนำอย่างน้อย 3-4 ประตู ไปแล้ว เพราะโอกาสของพวกเขาถือว่าเยอะมากพอสมควร แต่ทว่าปราศจากความเฉียบขาด ปล่อยโอกาสเหล่านั้นทิ้งลงแม่น้ำไปอย่างน่าเสียดาย แต่ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับ ฟิลิปป์ เคิห์น นายทวารเจ้าบ้านที่เซฟเป็นพัลวันอย่างแท้จริง

แน่นอนการปลดล็อคด้วยประตูขึ้นนำของ มาเตโอ โควาซิช ช่วยให้ทีมเล่นได้ง่ายขึ้นกว่าเกิมเยอะเลยทีเดียว แม้หลังจากนั้นโอกาสบวกสกอร์ให้เพิ่มเป็น 2-0 หรือ 3-0 นั้นมีมาเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับเลยว่าแนวรุกเกมนี้ผลงานต่ำกว่ามาตรฐานทุกราย

ส่วนในครึ่งหลังสถานการณ์เกือบพลิกผันเมื่อ ซัลซ์บวร์ก มาได้ประตูตามตีเสมอเร็ว แต่หลังจากนั้นก็ต้องยกความดีความชอบให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่มาซัดประตูสุดสวยช่วยทีมคว้าชัยได้สำเร็จ ซึ่งเป็นประตูแรกใน แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้ของเจ้าตัวด้วย

สถิติหลังเกมแม้ตัวเลขโอกาสทำประตูจะพอๆ กันที่จำนวน 16 กับ 15 ครั้ง แต่ทว่าส่วนมากบอลจะอยู่ในการครอบครองของ เชลซี เป็นส่วนใหญ่ ส่วนอีกประเด็นคือความเหนียวหนึบของนายด่านทั้ง 2 ทีม ที่วัดฟอร์มเก่งเซฟกันเป็นว่าเล่น เกปา ช่วยทีมเซฟไว้ได้ถึง 5 ครั้ง ส่วน ฟิลิปป์ เคิห์น ปัดป้องโอกาสของคู่แข่งไป 8 ครั้ง เรียกได้ว่าทั้งคู่ต่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ

ความคมของ โอบาเมยอง

หนึ่งในกองหน้าตัวความหวังของ เชลซี ในฤดูกาลนี้ ที่ถูกดึงตัวเข้ามาหวังว่าจะสามารถเป็นที่พึ่งพาของทีมได้ ภายหลังปล่อย ติโม แวร์เนอร์ กับ โรเมลู ลูกากู ออกไปจากทีม ทว่าภาพรวมของ โอยาเมยอง ในตอนนี้กับ เชลซี ดูเหมือนยังไม่ลงล็อคมากเท่าไหร่นัก รวมไปถึงความเฉียบขาดในจังหวะทำประตูจะลดน้อยถอยลงไป

อย่างในเกมล่าสุดกับ ซัลซ์บวร์ก เจ้าตัวมีโอกาสทำประตูถึง 6 ครั้ง เป็นการยิงตรงกรอบมากถึง 5 ครั้ง แต่ทว่าไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นประตูได้เลย โอเคแหละส่วนหนึ่งต้องชื่นชมนายด่านคู่แข่ง แต่ในเมื่อกองหน้าได้โอกาสที่เหมาะเหม็งควรที่จะปิดบัญชีให้ได้

รวมแล้วตอนนี้ โอบาเมยอง ลงสนามให้กับทัพ "สิงห์บลูส์" ในทุกรายการไปแล้ว 9 นัด ทำไปได้ 3 ประตู ซึ่งตัวเลขก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนัก แต่ทว่าถ้าสามารถงัดฟอร์มเก่ง และความเป็นเพชฌฆาตออกมาได้มากกว่านี้ทีมคงได้ผลประโยชน์ไปแบบเต็มๆ

ส่วนเรื่องอาถรรพ์เบอร์ 9 ของ เชลซี คงจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่เป็นเพราะผลงานของนักเตะมากกว่าที่มันดันบังเอิญมาสะดุดเกิดขึ้นตอนที่แผ่นหลังสวมเสื้อหมายเลข 9 พร้อมตราสโมสร เชลซี

หลังเกม เชลซี บุกเฉือน ซัลซ์บวร์ก ตีตั๋วเข้ารอบน็อคเอาท์

ผลงานของ พ็อตเตอร์

แม้จะมีเกมที่กระท่อนกระแท่นอยู่บ้าง แต่ทว่านับจนถึงตอนนี้ 9 เกมในฐานะกุนซือของ เชลซี นายใหญ่ชาวอังกฤษรายนี้ยังคงคุมทีมไม่พลาดพลั้งพ่ายให้กับใครเลย แบ่งเป็นชนะ 6 และ เสมอ 3 อีกทั้งยังพลิกสถานการณ์พา เชลซี ผ่านเข้ารอบต่อไปศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ ทั้งที่ออกสตาร์ท 2 เกมแรกมีเพียง 1 คะแนนก็ตาม 

ซึ่งหนึ่งในสถิติที่ พ็อตเตอร์ ทำไว้ในตอนนี้คือเป็นกุนซือชาวอังกฤษคนที่ 2 ไม่แพ้ใครในทุกรายการจากการคุมทีม 9 เกมแรกในฐานะผู้จัดการทีมเชลซี ต่อจาก วิลเลียม ลูวิส ที่ทำไว้เมื่อฤดูกาล 1906-07

หลังจากนี้ต้องมาดูกันว่า พ็อตเตอร์ จะยกระดับทีม และรักษาสถิติไร้พ่ายไว้ได้นานขนาดไหน เพราะต่อจากนี้มีหลายเกมที่ต้องดวลกับบิ๊กทีมทั้ง อาร์เซน่อล ในศึกพรีเมียร์ลีก รวมไปถึง แมนฯ ซิตี้ ในศึกลีก คัพ ด้วย

สถานการณ์กลุ่ม E

หลังจบเกมแมตช์เดย์ที่ 5 ไป ทำให้สถานการณ์ในตอนนี้ของกลุ่ม E ได้ทีมเข้ารอบไปแล้วคือ เชลซี ที่เก็บไป 10 คะแนน ตีตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมเรียบร้อย ทั้งทีออกสตาร์ทด้วยหารเป็นบ๊วยของกลุ่ม แต่พลิกสถานการณ์จนกลายเป็นทีมแรกที่ผ่านด้านได้สำเร็จ

ส่วนโปรแกรมนัดสุดท้ายทัพ "สิงห์บลูส์" จะดวลกับ ดินาโม ซาเกร็บ ผลการแข่งขันอาจเป็นเรื่องรองลงมา เพราะด้วยการผ่านเข้ารอบแล้ว แต่สิ่งที่ต้องลุ้นคือเกมอีกสนามระหว่าง เอซี มิลาน กับ ซัลซ์บวร์ก ที่ต้องมาแย่งตั๋วใบสุดท้ายด้วยกัน

ปัจจุบัน มิลาน รั้งอันดับ 2 มี 7 แต้ม ส่วน ซัลซ์บวร์ก 6 คะแนน เงื่อนไขง่ายๆ เลยคือทัพ "ปีศาจแดง-ดำ" ไม่แพ้จะการันตีเข้ารอบทันที ส่วน ซัลซ์บวร์ก ต้องบุกไปเอาชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็น 90 นาทีที่หวดกันไฟแลบอย่างแน่นอน

ส่วนใครจะกรุยทางเดินตาม เชลซี ผ่านเข้ารอบต่อไปนั้น อีกไม่นานคงจะได้ทราบผลกัน ...

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline