logo-heading

แต่กระนั้นจุดเปลี่ยนสำคัญ คือประตูแรกจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์  ช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังจะมารัวอีก 2 เม็ด และ เอาชนะไปด้วยสกอร์ 3-0

ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ตามตูด นาโปลี จ่าฝูงของกลุ่ม ไปแล้วเรียบร้อย โดยเกมนี้มีสถิติหลายๆอย่างต้องพูดถึง โดยเฉพาะการทำประตูของ บังโม, ดาร์วิน นูนเญซ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ จะเป็นอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันได้เลยครับ

- ซาลาห์ On Fire !!

ต่อให้ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะเพิ่งยิงไปเพียงแค่ 3 ประตู จากการลงเล่น 11 นัด แต่ว่า บังโม โชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างเหลือเกินบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนี้ โดยหลังจากสร้างสถิติทำแฮตทริคได้เร็วที่สุด เกมไล่ยำใหญ่ใส่ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 7-1 โดยใช้เวลาเพียง 6 นาที 12 วินาที 

ล่าสุด ซาลาห์ ก็สามารถทำประตูเพิ่มให้กับ หงส์แดง ได้อีกแล้ว เกมบุกไปถล่ม อาแจ็ก 3-0 ทำให้เจ้าตัวเพิ่มสถิติซัดไปแล้ว 6 ประตู ในศึก ยูซีแอล ซีซั่นนี้ เป็นดาวซัลโวร่วมกับ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ กองหน้านรกแตกจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ หากรวมทุกสโมสร ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 42 ประตู กับถ้วย บิ๊กเอียร์ แซงหน้า เซร์คิโอ อเกวโร่ ตำนานหัวหอก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยทำไว้ 41 ตุง เรียบร้อย

แต่ ซาลาห์ ไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องการทำประตูเท่านั้นนะครับ เพราะเขาก็ทำแอสซิสต์ให้เพื่อนๆได้ซัลโวเป็นกอบเป็นกำเช่นกัน โดย บังโม จ่ายให้กับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ยิงปิดกล่องลูกที่ 3 ทำให้ โม ซาลาห์ ถูกจารึกว่าเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้มากที่สุดของสโมสร ลิเวอร์พูล ถึง 12 ครั้ง เทียบเท่ากับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจมส์ มิลเนอร์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ 

- ดาร์วิน นูนเญซ เกือบสร้างภาพติดตาช็อตทำหมูหก

ดาร์วิน นูนเญซ มีคอนเทนต์ให้ได้พูดถึงกันอีกแล้วครับพี่น้อง เพราะเขามีโอกาสยิงจ่อๆแบบเผาขน ระยะเพียงแค่ 5-6 หลา แบบประตูโล่งๆ ชนิดที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ถวายพานมาให้เลย แต่กระนั้น แอนดี้ แคร์โรลล์ เวอร์ชั่น 2.0 แปไปชนเสาซะอย่างงั้น ทำเอาช็อตนี้ถูกรีแคปรัวๆกันบนโลกโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค

อย่างไรก็ตาม นูนเญซ สามารถแก้ตัว และ เรียกความมั่นใจกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาเป็นคนโขกประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ อาแจ็กซ์ 2-0 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง พร้อมกับทำท่าดีใจอุดหู ประหนึ่งว่าไม่ขอฟังคำวิจารณ์ด้านแย่ๆ

เห็น นูนเญซ ที่มักชอบสร้างคอนเทนต์แบบนี้ แต่ขอโทษ เขาทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล รวมทุกรายการไปแล้ว 6 ประตู ถือว่าไม่เลวเลยในช่วงของการปรับตัว อาจจะยังดูไม่ค่อยคุ้มค่าตัว 100 ล้านยูโร แต่จากผลงาน 5 นัด 4 ประตู คงทำให้เขาเพิ่มความมั่นใจได้แบบรัวๆเลยทีเดียว

- ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ สร้างสถิติใหม่ให้กับ ลิเวอร์พูล

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ถึงได้รับความไว้วางใจจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่ตลอด เพราะนี่คือเพชรที่ ลิเวอร์พูล กำลังเจียระไน ให้กลายเป็นคนสำคัญของสโมสนในอนาคต

ก่อนหน้านี้ เอลเลียตต์ เพิ่งทำความฝันของตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการเปิดซิงยิงประตูแรกบนเวที ยูซีแอล ในเกมที่ ลิเวอร์พูล ถล่ม เรนเจอร์ส 7-1 และ จากความมั่นใจครั้งนั้น มันต่อยอดมาถึงเกมเจอกับ อาแจ็กซ์ ทันที

เพราะ เอลเลียตต์ สามารถทำประตูตอกฝาโรงยิงให้ หงส์แดง เอาชนะ อาแจ็กซ์ 3-0 พร้อมกับจารึกชื่อตัวเองลงบนพงศาวดารสโมสร ลิเวอร์พูล ว่า เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุด ที่สามารถยิงประตู 2 นัดติดต่อกัน ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยวัยเพียง 19 ปี 205 วัน

- คล็อปป์ พา ลิเวอร์พูล เข้ารอบน็อคเอาท์อีกครั้ง

นับตั้งแต่ คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2015 ต้องบอกเลยว่า ลิเวอร์พูล มีผลงานอันโดดเด่นเหลือเกิน เวลาลงฟาดแข้งในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะ เดอะ นอร์มอล วัน สามารถนำ หงส์แดง ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้ถึง 3 ครั้ง และ คว้าแชมป์มาครองเมื่อซีซั่น 2018-19 เป็นโทรฟี่ยุโรป สมัยที่ 6 ของสโมสร

จากวันที่ คล็อปป์ เริ่มคุมทีม ลิเวอร์พูล มีเพียงแค่ซีซั่นแรก ซีซั่นเดียว ที่เขาไม่สามารถพาทีมจบท็อปโฟร์ โดยจบเป็นอันดับ 8 พร้อมทั้งไปแพ้ต่อ เซบีย่า 1-3 ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ทำให้พลาดตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แต่หลังจากซีซั่นนั้น จนถึงซีซั่นนี้ คล็อปป์ สามารถพา ลิเวอร์พูล ทำอันดับคว้าโควต้ามาเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ทุกครั้ง และ ตั้งแต่ซีซั่น 2017-18 ไม่เคยตกรอบแบ่งกลุ่มเลยสักครั้งเดียว ซึ่งจากการเอาชนะ อาแจ็กซ์ 3-0 ส่งผลให้ หงส์แดง ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันแล้ว

มารอดูกันว่า ลิเวอร์พูล จะไปไกลมากเพียงไหน โดย คล็อปป์ เคยประกาศกร้าวไว้ตอนแพ้ เรอัล มาดริด 0-1 ในนัดชิงชนะเลิศ เมื่อซีซั่นก่อน ว่า ตั้งเป้าพา หงส์แดง กลับมาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอีกครั้งให้ได้ หลังจากสังเวียนนัดชิงชนะเลิศ จะเป็นเมืองอิสตันบูล ที่ ลิเวอร์พูล เคยมีความทรงจำอันหอมหวาน ที่เคยพลิกนรกกลับมาคว้าแชมป์ จากการเอาชนะจุดโทษ เอซี มิลาน

สุดท้ายนี้ ลิเวอร์พูล จะผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 1 หรือ อันดับ 2 ของกลุ่ม ต้องไปวัดกับ นาโปลี นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โดยพวกเขามี 12 คะแนน ตามหลัง อัซซูร่า อยู่ 3 คะแนน แต่กระนั้น หงส์แดง จำเป็นต้องชนะด้วยสกอร์ 5-1 เพราะเคยแพ้ นาโปลี มาก่อน 1-4 ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากมากๆ หากต้องการจบเป็นแชมป์กลุ่ม

ฮาย ฮาวดี้
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline