logo-heading

เรียกว่าสมใจสาวก เดอะ ค็อป หลายๆคน เพราะก่อนหน้านี้มีแฟนบอลขับไล่เจ้าของ หงส์แดง ให้ลงจากตำแหน่ง

เรื่องราวเป็นมาอย่างไร และ การแถลงการณ์ขายสโมสรจะเป็นยังไง ไปติดตามพร้อมๆกับพวกเราได้เลยครับ

- FSG โดนแฟนบอลขับไล่ เพราะไม่ยอม
เสริมความแข็งแกร่งให้กับสโมสร

จากผลงานกระท่อนกระแท่นของ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ คนแรกๆที่กลายเป็นแพะรับบาป โดนชี้หน้าว่าเป็นผู้ที่ทำให้สโมสรไม่ก้าวไปข้างหน้าแบบที่ควรจะเป็น นั่นก็คือ FSG เพราะตั้งแต่ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ การเสริมทัพมันไม่ใช่ระดับ "แชมเปี้ยน"

โดยการบริหารของ FSG ในช่วงหลัง มันออกไปในทิศทาง "ถ้าขายไม่ได้ ก็จะไม่ซื้อใครใหม่" / "เก็บนักเตะด้อยคุณภาพ และ จะต่อสัญญา โดยไม่ยอมปล่อยออกจากทีม" โดยมีการยกตัวอย่าง นาบี เกอิต้า กับ อเล็กซ์ อ็ฮกซ์เลด แชมเบอร์เลน พร้อมปล่อยคนสำคัญอย่าง ซาดิโอ มาเน่ แบบไม่ยอมประคบประหงมให้ดีก่อนหน้านี้

ย้อนกลับไปตอนที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูซีแอล เมื่อปี 2019 ซีซั่นต่อมา ไม่ได้ซื้อใครมาเพิ่ม แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังพาชุดนั้น คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยความเกรียงไกรตอนนั้น หงส์แดง สามารถซื้อใครก็ได้ 

ทว่าได้แค่ ติอาโก้ อัลคันตาร่า จาก บาเยิร์น มิวนิค 20 ล้านปอนด์, ผ่อนส่ง ดิโอโก้ โชต้า จาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 41 ล้านปอนด์ และ เสริม คอสตาส ซิมิกาส เข้ามาอีก 11 ล้านปอนด์ เหมือนจะขาดทุนแต่ไม่ใช่ครับ เพราะการขายออกไปช่วงซัมเมอร์นั้น ทั้ง เดยัน ลอฟเรน, ริอาน บรูวสเตอร์ และ คี-จานา โฮเวอร์ ได้เงินเข้ากระเป๋าราวๆ 42 ล้านปอนด์

แต่ฤดูกาลล่าสุด การจะคงนโยบายเดิม เป็นสิ่งที่แฟนบอลเริ่มรับไม่ได้อีกแล้ว เพราะถ้า ซาดิโอ มาเน่ ไม่ย้ายออกไป ก็คงไม่ได้ ดาร์วิน นูนเญซ เข้ามา ต่อให้จะเป็นค่าตัวสถิติสโมสร 86 ล้านปอนด์ รวมโบนัส แต่มันก็เป็นบิ๊กดีลแค่คนเดียว ส่วนอีก 2 คน เป็นอะไหล่สำรอง อย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ กับ คัลวิน แรมซี่ย์

เหมือนจะจ่ายเยอะ แต่หักลบจากมูลค่านักเตะที่ปล่อยตัวออกไป บอร์ดบริหารใช้เงินซัมเมอร์ที่ผ่านมา ไปไม่ถึง 50 ล้านปอนด์ ด้วยซ้ำ ซึ่งมันไม่ใช่วิสัยทัศน์ที่แฟนบอลต้องการ เพราะมันไม่แสดงถึงความทะเยอะทะยาน เหมือนอย่างพวก แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี หรืออย่าง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการกลับสู่พื้นที่ท็อปโฟร์อีกครั้ง

ดังนั้นเมื่อผลงานย่ำแย่ มันจึงมีการประท้วงจากแฟนบอล ลิเวอร์พูล เพื่อขับไล่ FSG ออกจากทีม เพราะมองว่าไม่จริงจังกับการบริหาร ควรปล่อยให้กลุ่มทุนที่เขาสนใจเพื่อทำให้สโมสรแห่งนี้ ก้าวหน้าไปเสียดีกว่า ส่วนความดีที่ทำมา ก็เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี

- FSG เคยโดนไล่มาครั้งหนึ่งแล้ว
จากประเด็น ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก

ย้อนกลับไปเมื่อสักช่วงประมาณเกือบๆกลางปี 2021 ได้มีประเด็นใหญ่บนวงการลูกหนัง นั่นคือ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด เป็นตัวตั้งตัวตี ด้วยการจะเอาสโมสรชั้นนำของยุโรป 20 ทีม ไปจัดแข่งขันขึ้นมาใหม่ ที่เรียกว่า ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก เพื่อท้าชนแผนการของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังมองว่า สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป ชุบมือเปิบเอาเงินเข้ากระเป๋าแต่เพียงฝ่ายเดียว

ณ ตอนนั้น มี 12 สโมสรระดับชั้นนำของยุโรป ให้การหนุนหลัง และ พร้อมตอบร่วมการแข่งขัน ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ลิเวอร์พูล แต่กลายเป็นดราม่าหล่นใส่ FSG แบบเต็มๆ เพราะมันเป็นความคิดของกลุ่มทุน FSG โดยพวก เจอร์เก้น คล็อปป์, สตาฟฟ์โค้ช และ เหล่านักเตะ ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น

ทำให้เริ่มมีแคมเปญแฟนบอล หงส์แดง ส่วนหนึ่ง เดินขบวนขับไล่ FSG ออกจากตำแหน่ง ถึงขั้นที่ จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ ต้องออกมาอัดคลิปขอโทษด้วยตัวเอง พร้อมถอนตัวออกจากการแข่งขัน ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ทันที 

การออกมาขอโทษ คงทำให้แฟนบอล ลิเวอร์พูล รู้สึกโกรธน้อยลง และ มีเหล่ากูรูสาย หงส์แดง ออกมาปกป้องว่า ไม่ควรไล่แบบเอาเป็นเอาตาย เพราะต้องไม่ลืมว่า FSG เป็นเบื้องหลังสำคัญที่สร้างสโมสร มายืนอยู่ตรงจุดนี้ โดยเฉพาะการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครอง

แต่เชื่อไหมครับว่า การกระทำนั้นของ FSG มันเริ่มสร้างรอยร้าวของพวกเขากับแฟนบอล ทีละเล็ก ทีละน้อย ดังนั้นเมื่อมันผสมกับการบริหารยุคปัจจุบัน แบบที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้ ทำให้เมื่อทุกอย่างหล่อหลอมกันแล้ว กลายเป็นปะทุไฟที่ระเบิดขึ้นมา

- FSG ประกาศขายสโมสร

ไม่รู้ว่า FSG ถูกกดดันทั้งทางตรง และ ทางอ้อมมากขนาดไหน เกี่ยวกับประเด็นที่ถูกแฟนบอลขับไล่ เพราะในช่วงประมาณหัวค่ำ ที่แฟนบอลชาวไทย กำลังเปิดสงครามโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค ในเรื่องจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลัง ลิเวอร์พูล โคจรมาพบกับ เรอัล มาดริด ขณะที่เพื่อนรัก อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดันไปเจอกับ บาร์เซโลน่า ในศึก ยูโรปา ลีก เหมือนเขียนบทเอาไว้

ก็มีเรื่องที่ ดิ แอธเลติค รายงานว่า FSG ได้ร่อนแถลงการณ์ เชิญชวนกลุ่มทุนกลุ่มใหม่ ให้มาร่วมลงทุนซื้อหุ้นสโมสร โดยอีกนัยนึง ก็คือพร้อมให้คนอื่นมาเทคโอเวอร์จริงๆ หากได้รับข้อเสนอที่ยอดเยี่ยม ซึ่งให้ 2 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกา อย่าง โกลด์แมน แซคส์ กับ มอร์แกน สแตนเล่ย์  เป็นตัวช่วยในกระบวนการประเมินผู้ที่ให้ความสนใจ 

ด้วยความที่ ลิเวอร์พูล เป็นทีมท็อป 10 ของยุโรป, เป็นหัวกระทิของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, มีศูนย์ฝึกซ้อมที่ทันสมัยอีกแห่งหนึ่งของโลกอย่าง แอกซ่า เทรนนิ่ง เซนเตอร์, มีสนามแอนฟิลด์ ที่กำลังเพิ่มความจุเป็น 6 หมื่นที่นั่ง รวมถึงการมีโค้ช และ นักเตะชั้นนำของโลกมากมาย ทำให้มีการตีมูลค่าสโมสรไว้ว่า น่าจะมากกว่า 3.5 พันล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ นิตยสารฟอร์บส์ สื่อธุรกิจการเงินชื่อดังของสหรัฐ เคยจัดทำเอาไว้เมื่อช่วงกลางปี 2022 โดยล่าสุด FSG ตั้งมูลค่าไว้สูงถึง 4 พันล้านปอนด์

- คนที่สนใจ ?

ถ้าหาก FSG ต้องการขายหุ้นสโมสรทั้งหมด เชื่อว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล คงอยากได้ท่านชีคจากประเทศในแทบอาหรับ มาเป็นเจ้าของคนใหม่ เหมือนอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มี ท่านชีค มานซูร์ หรือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่กลายเป็นสโมสรที่รวยที่สุดในโลก หลังได้ โมฮัมเหม็ด บิล ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย เข้ามาเทคโอเวอร์ส

แต่ตอนนี้มีกระแสเพียงแค่ เซอร์ จิม แร็ตคลิฟฟ์ ธุรกิจอัครมหาเศรษฐี วัย 69 ปี ซึ่งเคยครองตำแหน่งเป็นคนที่รวยที่สุดในอังกฤษ เมื่อปี 2018 โดยมีทรัพย์สินรวมมูลค่าราว 2.1 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 8.88 แสนล้านบาท)

ก่อนหน้านี้ เซอร์ จิม แร็ตคลิฟฟ์ มีข่าวว่าต้องการซื้อสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อจากตระกูลเกลเซอร์ และ เชลซี แต่ก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่า ลิเวอร์พูล พร้อมจะขายกิจการ เขาจึงเดินหน้าที่จะเทคโอเวอร์สอีกครั้ง แต่มันก็ยังเป็นข่าวลือเท่านั้น

ดังนั้นโปรดติดตามกันให้ดีๆว่า ถ้า FSG ต้องการขายหุ้นใหญ่สโมสร ลิเวอร์พูล จริงๆ จะมีนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก ยื่นข้อเสนอเข้ามา แบบหัวกระได ไม่แห้งอย่างแน่นอน รอดูเลยว่าในอนาคตมันจะเป็นอย่างไร จะไปจบในทิศทางไหน เดี๋ยว ขอบสนาม จะมาอัพเดตให้ติดตามกันอย่างแน่นอน

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline