logo-heading

11 ตัวจริงชุดผสม

ยูไนเต็ด มีการปรับเปลี่ยนตัวจริงจากนัดก่อนถึง 6 ตำแหน่ง ทั้งการให้โอกาสนายประตูมือสองอย่าง ดูบราฟก้า, กัปปิตัน แม็คไกวร์ ได้ออกสตาร์ท, มาลาเซีย ลงแบ็คซ้าย, คู่กลางปรับเป็น เฟร็ด, แม็คโทมิเนย์ กลางรุกได้ บรูโน่ กลับมาบัญชา และกองหน้าได้ มาร์ซิยาล กลับมาพร้อมลงตัวจริงอีกครั้ง

ส่วนทาง แอสตัน วิลล่า ผู้มาเยือน ก็มีการปรับตัวจริงจากนัดก่อนเยอะเช่นกัน ถึง 7 ตำแหน่ง โดยนำทัพมาโดย โอลลี่ย์ วัตกินส์ และ แดนนี่ อิงส์


รูปเกม : ครึ่งแรก จืด, ครึ่งหลัง บอลคอนเทนต์

จาก 45 นาทีแรกที่ดูจืดชืด ไม่มีฝั่งไหนหาโอกาสยิงแบบเหน่ง ๆ ได้เลย จนจบพักครึ่งไปแบบโนสกอร์ แต่แล้วครึ่งหลัง กลายเป็นหนังคนละม้วน คอนเทนต์มาเต็มครับ ไม่ว่าจะเป็นการพลัดกันยิงนาทีต่อนาที ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน โดยเป็นฝั่ง วิลล่า ที่นำก่อน และอีกนาที แมนยู มาตามตีเสมอได้ทันควัน

ต่อด้วยศึกการเล่นเกมรับสุดมั่ว พลัดกันสร้างความผิดพลาด จนคนพากย์ถึงกับพากย์ไม่ถูก ไล่จาก แมนยู ที่ยืนเกมรับผิดพลาด และมาโดนนำอีกครั้ง จากการทำเข้าประตูตัวเองของ ดาโลต์

ก่อนจากนั้นจะเป็นฝั่ง วิลล่า แจกบ้างแบบรัว ๆ และ แมนยู ก็เก็บงานจากความผิดพลาดฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดี ทั้ง 2 ประตูจากจังหวะที่กองหลัง วิลล่า พลาด และจังหวะที่โกลพวกเขาจ่ายพลาดหน้าประตู 

และดีหน่อยมาได้ประตูปิดท้ายจากการสร้างเกมรุกที่ยอดเยี่ยม ปิดจ็อบจากตามหลัง 2-1 พลิกกลับมายิงสามเม็ดติด ชนะ วิลล่า ไปได้ 4-2 เรียกว่าได้ทั้งล้างแค้น และเข้ารอบ คาราบาว คัพ ต่อไปครับ ปีศาจแดง

มิงส์ โคตรตัวคอนเทนต์

เมื่อดูจากรายชื่อตัวจริง แมนยู ทั้ง แม็คไกวร์, เฟร็ด, แม็คโท หรือจะ ลินเดลอฟ ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ได้เสมอ แต่กลายเป็นว่านักเตะจากฝั่ง วิลล่า แถมเป็นตัวสำรองด้วยอย่าง ไทรอน มิงส์ ที่มาโฉบคว้าตำแหน่งโคตรตัวคอนเทนต์ไปจากเกมนี้

หลังลงสู่สนามมาในช่วงนาที 60 และก็สร้างความบรรลัยให้เกมรับ วิลล่า หรือสวรรค์เกมรุก แมนยู ทันที เพราะพี่แกเล่นสร้าง เออร์เรอร์ รัวๆ 

ทั้งลื่นจนถูก แรชฟอร์ด ยิงตีเสมอ, ต่อด้วยสกัดลูกยิง บรูโน่ ไม่ขาด เข้าประตูไปอยู่ดี และลูกสุดท้ายก็ยังมามีซีน เป็นคนประกบ แม็คโท และหลวม จนโดนยิงปิดกล่องไป

ต้องบอกว่าลงมาไม่นาน แค่ราว 30 นาที แต่คอนเทนต์เพียบ มีส่วนร่วมในการพลาดทำทีมเสียประตูถึง 3 ลูก เรียกได้ว่าคงไม่มีข้อครหาใด ๆ นะ ว่าทำไม มิงส์ ถึงไม่ติดทีมชาติ อังกฤษ ไปบอลโลก (คือเดี๋ยวจะไปแย่งคอนเทนต์กับ แม็คไกวร์ อะนะ)


บรูโน่ หนึ่งในคนที่ขาดไม่ได้

จากเกมก่อนหน้าที่แพ้ มีคนบ่นคิดถึงไม่น้อย และเกมล่าสุดเมื่อคืนก็แสดงให้เห็น ว่าเป็นเรื่องที่ ‘ดีกว่า’ เมื่อมีชายชื่อ บรูโน่ แฟร์นันเดส อยู่ในสนาม เขาคือนักเตะที่มีอิมแพ็คท์มากที่สุดเมื่อคืน สำหรับเรา

โดยเฉพาะการทำแอสซิสต์ให้ อองโตนี่ มาร์กซิยาล และการยิงประตูออกนำให้ แมนยู และทั้งเกม บรูโน่ ก็เล่นได้ดี, ทุ่มเท, พยายามไล่เพรส และกล้าที่จะสร้างสรรค์โอกาสและทำเกม แบบที่เขาเป็นมาตลอด

ส่วนตัวจริง แมนยู คนอื่นที่เล่นใช้ได้ไม่แย่สำหรับก็มีอย่าง มาร์กซิยาล ที่กลับมาออกสตาร์ทแล้วยิงได้เลย, มาลาเซีย ที่ดูคึกกว่า ลุค ชอว์ เกมก่อนอย่างชัดเจน หรือจะ แรชฟอร์ด เล่นใช้ได้ และทำประตูให้ทีมได้เช่นกัน

สำรองดีเปลี่ยนเกมได้

3 ประตูหลังสุดที่ แมนยู ทำได้ในนัดนี้ เกิดหลังจาก เอริค เทน ฮาก เปลี่ยนตัวผู้เล่น 3 คนในนาทีที่ 62 โดยซูเปอร์ซับที่ฉายแสงแวววับชัดมากที่สุดเลยก็คือ ‘อเลฮานโดร การ์นาโช่’

แม้ปีกซ้ายวัย 18 จะได้ลงมาเพียง 28 นาทีในครึ่งหลัง แต่ถูกพูดถึงไม่น้อยกว่าใคร เขาสามารถลงมาเลี้ยงจี้ ปั่นป่วนเกมรับ วิลล่า จนหัวหมุนหลายตลบ แถมยังจ่ายบอลแม่นยำเข้าเป้าถึง 100% 

และที่สำคัญสุดคือการทำ 2 แอสซิสต์ และโดยเฉพาะการแอสซิสต์ให้ แม็คโทมิเนย์ ที่เปิดได้แม่นยำหมดจดมาก เจ้าหนู การ์นาโช่ เรียกได้ว่าเป็นเพชรเม็ดงามที่รอเจิดจรัสอย่างแน่นอนครับ เริ่มโชว์ของออกมาเรื่อย ๆ แล้ว

และอีกสำรองที่เล่นดีไม่แพ้กัน ‘คริสเตียน อีริคเซ่น’ ลงมาช่วยปิดทุกช่องโหว่เกมแดนกลางของทีม ครองเกมหมดจด รู้หมดจังหวะไหนต้องจ่าย ต้องส่งตรงไหน ยืนตรงไหน ไม่มีอะไรต้องพูดเยอะแล้วคนนี้ คลาสจริง ๆ

และส่วนคนที่เล่นได้ไม่ดีก็มีเหมือนกัน ที่ชัด ๆ เลยสำหรับเราคือ ฟาน เดอ เบ็ค อีกแล้ว! ช่วงนี้เหมือนตัวเขาจะมีสกิลติดตัวที่ทำให้เพื่อนมองไม่เห็น เรียกว่าแทบจะหายออกไปจากเกม ลงตัวจริงแท้ ๆ แต่แทบไม่ได้เล่น ต้องบอกว่ายิ่งกว่าน่าผิดหวังอีกครับ

และอีกคนที่เล่นไม่ค่อยออกก็คือ เฟร็ด เมื่อคืนนี้ ทำลายเกมรุกทีมตัวเองไปหลายช็อต จากจังหวะจ่ายบอลโคตรเฮีย ก็หวังว่าไปบอลโลกแล้ว แกจะไม่ไปทำแบบนี้กับ บราซิล นะ!


ไบลี่ย์-มาร์ติเนซ จบหายกัน

หลังจากเกมก่อน ลิซานโดร มาร์ติเนซ ไปนอกเกมขุนศอกใส่ เลออน ไบลี่ย์ ของแอสตัน วิลล่า ด้วยการศอกใส่ถึง 3 ครั้งแต่รอดใบแดง ซึ่งเหมือนเมื่อคืนนี้ ทั้งคู่จะได้ ‘แก้’ และหายกันเรียบร้อย หลังช่วงท้ายเกม ลิซานโดร ได้ลงมา และมีจังหวะปะทะคารมกับ ไบลี่ย์ อีกครั้ง

แต่ครานี้เป็น ไบลี่ย์ ที่หลุด นอกเกมยันปุ่มใส่ มาร์ติเนซ แต่โดนแค่ใบเหลือง ก็ถือศึกดราม่านี้ของทั้งคู่ก็ให้จบ ๆ กันไปนะครับ พลัดกันถ่อยแล้ว ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีอะไร เพราะฉะนั้นหวังว่าจะไม่มีการต่อความยาวสาวความยืดในกลุ่มแฟนบอลแล้วนะจ๊ะ.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline