logo-heading

หลังเปิดถิ่นแอนฟิลด์ ทำได้เพียงเสมอกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ 0-0 ในเวลา 90 นาที ต้องไปฎีกาดวลลูกจุดโทษ

ก่อนจะเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารมือ 2 ของทีม สวมบทบาทฮีโร่ โชว์เซฟ 3 จุดโทษ จากเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พลิกกลับมาเอาชนะ ดาร์บี้ ไปได้ 3-2 ช่วงฎีกาจุดโทษ พร้อมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยเกมนี้มีสถิติอะไรให้ต้องพูดถึงกันบ้าง มาติดตามกันได้เลยครับ

- 90 นาที หงส์แดง ทำได้แค่ป้อ

ใครที่ถ่างตารอดูคู่นี้ เชื่อว่าอาจจะมีเคลิ้มหลับกันไปบ้างไม่มากก็น้อย เพราะรูปเกม 45 นาทีแรก แทบไม่มีอะไรตื่นเต้นเลยสักนิด ต่อให้ ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าถึง 69 เปอร์เซ็นต์ แต่กระนั้นพวกเขายิงตรงกรอบเพียงแค่ครั้งเดียว จากการเข้าทำ 7 ครั้ง

หากจะหาโอกาสแบบใกล้เคียง ก็คงเป็นช็อตที่ เลย์ตัน สจ๊วต กองหน้าของทีม ได้วอลเล่ย์ช่วงต้นเกม กับ ช็อตซัดไกลแบบบอลไม่ตกพื้นของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ที่เฉี่ยวเสาออกไป ซึ่งนี่คือ 2 จังหวะที่ หงส์แดง มีลุ้นแค่นั้นจริงๆ ที่เหลือแทบไม่สามารถเจาะผ่านแนวรับของ ดาร์บี้ ไปได้เลย

ส่วน 45 นาทีหลัง ลิเวอร์พูล พยายามโหมบุกมากขึ้น เพื่อหวังทำประตูขึ้นนำให้ได้ เพราะหากลากยาวไปถึงการดวลจุดโทษ ก็มีโอกาสตกรอบได้เช่นกัน แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังยิงไม่ผ่านมือ โจ ไวล์ดสมิธ นายทวาร ดาร์บี้

ช่วงท้ายเกม โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุด คงเป็นช็อตที่ อ็อกซ์เลด ยกบอลข้ามแนวรับแบบหลุดทั้งกระบิ มาให้กับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ แบบโล่งๆในกรอบเขตโทษ แต่เหมือนเจ้าหนู เอลเลียตต์ ตัดสินใจไม่ดี กึ่งจับกึ่งยิง กลายเป็นบอลพุ่งเบา ไปติดมือของ ไวล์ดสมิธ อีกครั้ง สุดท้ายจากโอกาสยิงเกือบๆ 20 ครั้ง ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องไปดวลลูกจุดโทษ

- ควีวิน เคลเลเฮอร์ ฮีโร่ หงส์แดง

ถ้าจำกันได้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ คนนี้แหละครับ ที่เป็นฮีโร่พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ เมื่อซีซั่นก่อน โดยเฉพาะการเซฟจุดโทษในช่วงฎีกา และ เป็นคนซัดโทษคนสุดท้าย ช่วยให้ หงส์แดง เอาชนะ เชลซี อย่างสุดระทึก ไปได้ในนัดชิงชนะเลิศ

เกมนี้ก็เช่นกัน เพราะหลังจากที่ ลิเวอร์พูล ทำอะไร ดาร์บี้ ไม่ได้ ทำให้ต้องลากยาวมาถึงการดวลลูกจุดโทษ และ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ก็กลายเป็นฮีโร่ของทีม อีกครั้ง โดยเขาโชว์ซูเปอร์เซฟการซัดโทษของนักเตะ "แกะเขาเหล็ก" ได้ถึง 3 คน ทำให้ หงส์แดง ที่เหมือนจะเสียเปรียบ กลับมาปาดเหงื่อฎีกาเอาชนะ ดาร์บี้ ไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 หลังเสมอกันในเวลา 0-0

จากการเป็นฮีโร่ครั้งนี้ของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ทำให้เขาสร้างสถิติกลายเป็นผู้รักษาประตูคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ลิเวอร์พูล ที่สามารถเอาชนะการดวลช่วงจุดโทษ ได้ถึง 4 ครั้ง ทั้งๆที่เขาเพิ่งลงสนามให้ หงส์แดง เพียงแค่ 18 นัด เท่านั้น มากกว่าตำนานมือกาว หงส์แดง ทั้งหมด ดีกว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ พ่อหมีของแฟนๆ ลิเวอร์พูล เสียอีก

ซึ่งการดวลจุดโทษ 4 ครั้ง ที่ เคลเลเฮอร์ มีส่วนช่วยพาทีมคว้าชัย ประกอบไปด้วยการชนะ อาร์เซน่อล, เลสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ ดาร์บี้ เรียกว่าชั่วโมงนี้ ถ้าเป็นฎีกาจุดโทษ แฟนบอล หงส์แดง คงมั่นใจในตัว เคลเลเฮอร์ อย่างแน่นอน เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกโฉลกกับเขาเหลือเกิน

- จับตาไอ้หนู เบน โด็ก

รายการ คาราบาว คัพ เป็นทัวร์นาเมนต์ ที่ทีมใหญ่มักให้โอกาสกับนักเตะดาวรุ่ง ได้ลงไปสัมผัสกับทีมชุดใหญ่อยู่บ่อยๆ เช่นกันกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในเกมนี้ ที่ใช้ดาวรุ่งเกือบยกทีม ผสมกับตัวสำรอง ลงไปปะทะบดบี้กับนักเตะ ดาร์บี้ เคาน์ตี้

ซึ่งนักเตะที่ถูกพูดถึงไม่น้อย ก็คือไอ้หนู "เบน โด็ก" ดาวรุ่งมหัศจรรย์คนใหม่ของเหล่าสาวก เดอะ ค็อป นี่คือนักเตะที่ หงส์แดง ไปทุ่มซื้อมาจาก กลาวโกว์ เซลติค ถึง 6 แสนปอนด์ 

เจ้าหนู เบน โด็ก ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 74 พร้อมกับถูกบันทึกไว้ว่าได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นนักเตะอายุเทียบเท่า ม.ปลาย แต่ฝีเท้าไม่ได้กระจอกงอกง่อย เพราะ 16 นาที ที่เขาอยู่ในสนาม สามารถเลี้ยงหลบคู่แข่งได้ถึง 3 ครั้ง และ สร้างสรรค์โอกาสให้พี่ๆได้ลุ้นทำประตู 1 ครั้ง อีกด้วย

ด้วยวัย 16 ปี ยังมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะ และ คงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะก้าวขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ แต่กระนั้นการได้ประเดิมชุดใหญ่ และ ทำผลงานเข้าตา ตั้งแต่วัยกระเตาะ เชื่อว่าจะทำให้ปีกตัวจี๊ด จะมีโอกาสได้ลงเล่นอีกกับฟุตบอลถ้วยในประเทศ

- ลิเวอร์พูล อยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์

ย้อนกลับไปหลายปีก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล มักจะมีภาพจำที่ว่ามักกระเด็นตกรอบแรกๆอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ลีก คัพ หรือ เอฟเอ คัพ ก็ตาม แต่กระนั้นซีซั่นนี้ ก็ยังคงไว้ลายแชมป์เก่า ด้วยการผ่านเข้าสู่รอบ 4 หรือ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ และ เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ที่ผ่านรอบ 3 มาได้

แน่นอนหนทางยังอีกยาวไกล และคู่แข่งต่อไปของ ลิเวอร์พูล ก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ศัตรูเบอร์ 1 ซึ่งใครผ่านเข้ารอบไปได้ โอกาสไปต่อสูงมาก เพราะคู่แข่งสำคัญจากทางกรุงลอนดอน พาเหรดกันตกรอบกันไปเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นต้น

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline