logo-heading

ซึ่งรายละเอียดในเกมต้องบอกว่าแม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายถูกขึ้นนำไปก่อน แต่ทว่าก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้า 3 คะแนนเข้ากระเป๋าได้สำเร็จ

โดยรายละเอียดในเกมตลอด 90 นาที มีประเด็นอะไรบ้างที่น่าสนใจ ขอบสนาม ของเราได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว

การจัดทัพ

เริ่มต้นที่ 11 ตัวจริงกันก่อน เกมนี้ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ นายใหญ่ทัพ "ตราไก่" มีปัญหานักเตะบาดเจ็บโดยเฉพาะในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟทำให้ต้องปรับมาใช้ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ จับคู่กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ ขนาบข้างด้วย 2 ฟูลแบ็คอย่าง แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ กับ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ

ส่วนมิดฟิลด์คู่กลาง โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ได้โอกาสลงสนามประเดิมเกมแรกในศึกฟุตบอลโลก เล่นร่วมกับ อาเดรียง ราบิโอต์ ส่วนเกมรุกแทบจะขนจากเมื่อ 4 ก่อนทั้ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์, คีเลียน เอ็มบัปเป้ และ อ็องตวน กรีซมันน์

ส่วนฝั่ง ออสเตรเลีย นักเตะที่เราพอคุ้นหูอย่าง แมตต์ ไรอัน, อารอน มอย,  ไรลี่ย์ แม็คกรี หรือ แม็ทธิว เล็คกี้ เรียกได้ว่าเป็นทีมชุดที่ดีที่สุดของ แกรม อาร์โนลด์ เทรนเนอร์ของทีมในตอนนี้

หลังเกม \"ฝรั่งเศส\" ถล่ม \"ออสเตรเลีย\" ประเดิมเส้นทางป้องกันแชมป์โลก

จิงโจ้ ปลุก ตราไก่

ก่อนเกมแฟนบอลต่างคาดการณ์กันว่าคงเป็น ฝรั่งเศส ในการเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่อย่างหนัก ทว่าสิ่งที่ปรากฎตั้งแต่ 9 นาทีแรกคือการที่ ออสเตรเลีย ฉวยโอกาสขึ้นไปตั้งแต่ต้นเกมชนิดช็อคแฟนบอลพอสมควรจาก เคร็ก กู๊ดวิน ที่วิ่งเข้ามาซัดด้วยอีซ้ายอย่างแรงบอลพุ่งตุงตาข่ายเข้าไป

แต่ทว่าจังหวะตรงนั้นไม่ต่างอะไรจากการปลุกพลพรรคทัพ "ตราไก่" ให้ตื่น และเดินหน้าลุกขึ้นมาเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่ราวกับพายุก่อนมาประสบความสำเร็จแถมพลิกสถานการณ์ขึ้นนำด้วยช่วงเวลาเพียง 10 นาที ก่อนจบครึ่งแรกด้วยการกุมความได้เปรียบไว้ได้มากพอสมควร

ส่วนครึ่งหลังก็ตามศักยภาพที่ปรากฎออกมาทัพ "ตราไก่" เดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องก่อนมาบวกเพิ่มอีก 2 ตุง จาก โอลิวิเยร์ ชิรูด และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ แบบงามๆ ประเดิมเก็บ 3 คะแนนแรกในศึกฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จ 

ส่วนเรื่องของสถิติหลังเกมระบุว่า ฝรั่งเศส เหนือกว่าในทุกๆ ด้าน มีโอกาสจบสกอร์มากถึง 23 ครั้ง ส่วนออสเตรเลีย โอกาส 4 ครั้ง ตรงกรอบเพียงครั้งเดียวแต่เป็นประตูไปเลย

ส่วนในเรื่องการครองบอลทัพ "ฝรั่งเศส" ดูดีกว่าแบบครบที่จวน 63% ส่วนการจ่ายบอลก็ดีกว่าเกือบครึ่งๆ ที่ตัวเลข 723 กับ 440 เรียกได้ว่าเปิดซิงเกมแรกในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ด้วยความร้อนแรงเสียเหลือเกิน

แอร์กน็องเดซ อาการน่าเป็นห่วง

ท่ามกลางชัยชนะแบบสวยงามของ ฝรั่งเศส ที่ประเดิมคว้าชัยชนะ ทว่าก็มีเรื่องให้น่าห่วงอยู่เหมือนกันคืออาการบาดเจ็บของ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ ฟูลแบ็คของทีมที่เล่นต่อไม่ไหวถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่ช่วง 13 นาทีแรกของเกม

โดยแข้งวัย 26 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าขวาในจังหวะที่ ออสเตรเลีย ได้ประตูขึ้นนำ และไม่สามารถฝืนลงเล่นต่อได้ ก่อนทีมจะส่งน้องชายอย่าง เตโอ แอร์กน็องเดซ ลงสนามไปแทน

หลังจบเกม ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ได้ออกมาเปรยว่าอาการของลูกทีมรายนี้ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก ซึ่งจะมีการสแกนอีกครั้งในวันนี้เพื่อยืนยันอาการให้แน่ชัด

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราก็ขอส่งกำลังใจ และหวังว่า ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ จะไม่เจ็บมากหนัก และได้ลุยต่อกับศึกฟุตบอลโลกในครั้งนี้

หลังเกม \"ฝรั่งเศส\" ถล่ม \"ออสเตรเลีย\" ประเดิมเส้นทางป้องกันแชมป์โลก

ชิรูด์ ทาบสถิติ อองรี

มาว่ากันถึงเรื่องราวดีๆ กันบ้างจากชัยชนะแบบสวยงามของทัพ "ตราไก่" คือการขึ้นมาทาบสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่จำนวน 51 ประตู เทียบเท่ากับกองหน้าระดับตำนานอย่าง เธียร์รี่ อองรี

ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวความเจ๋งกว่าของ ชิรูด์ คือเจ้าตัวมากจากการลงสนามเพียง 114 เกม เท่านั้น ส่วน อองรี ต้องใช้เวลา 123 เกม ด้วยกัน

ทั้งนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคาดว่า ชิรูด์ มีโอกาสขึ้นแท่นแบบเดี่ยวๆ ในการครองสถิติอันทรงเกียรตินี้แต่เพียงผู้เดียว อยู่ที่จะช้าหรือเร็วขนาดไหนเพียงเท่านั้น

ส่วนอีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจคือ ชิรูด์ กับ อองรี เป็นนักเตะเพียง 2 คน ของฝรั่งเศสที่ยิงประตูให้กับทีมชาติมากกว่า 50 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากพอสมควร

ทั้งนี้ ชิรูด์ ลงประเดิมสนามเกมแรกให้กับทัพ "ตราไก่" เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 ในยุคของ โลร็องต์ บล็องก์ ผ่านการลงสนามในทัวร์นาเมนต์ใหญ่มาอย่างมากมายทั้ง ยูโร 2012, ฟุตบอลโลก 2014, ยูโร 2016, ฟุตบอลโลก 2018, ยูโร 2020 และ ฟุตบอลโลก 2022 เรียกได้ว่าเป็นขาประจำของทีมชาติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งที่ผ่านมาเขาเองอาจไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก แต่ถ้าวัดจากสถิติต่างๆ ที่เจ้าตัวรังสรรค์เอาไว้ คงไม่แปลกถ้าจะยกขึ้นหิ้งกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศส

สถานการณ์กลุ่ม D 

จากชัยชนะของ ฝรั่งเศส ในเกมนัดประเดิมสนาม บวกกับผลการแข่งขันคู่ระหว่าง เดนมาร์ก กับ ตูนีเซีย เสมอแบ่งแต้มกันไป ทำให้สถานการณ์ของทัพ "ตราไก่" หลังจบเกมแรกถือว่าดูดีไม่ใช่น้อยในการดำเนินภารกิจป้องกันแชมป์โลกของตัวเอง

โปรแกรมนัดไปพวกเขาจะลงสนามดวลกับ เดนมาร์ก ถ้าสามารถเก็บ 3 คะแนนได้แทบจะการันตีการผ่านเข้ารอบต่อไปแบบ 100% ส่วนอีกคู่จะเป็นการดวลกันระหว่าง ตูนีเซีย กับ ออสเตรเลีย

เชื่อว่าหลังจบเกมแมตช์ที่ 2 ภาพต่างๆ จะชัดขึ้นกว่าเดิมพอสมควร บางทีสถานการณ์อาจพลิกผัน และต้องลุ้นกันยันนัดสุดท้ายก็เป็นได้ 

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline