logo-heading

น่าจะเป็นคู่ที่ผลการแข่งขันพลิกล็อคช็อคโลกที่สุดแล้วในศึก ฟุตบอลโลก 2022 หลังเปิดฉากมาได้ 3 วัน เมื่อ อาร์เจนติน่า ทีมที่ถูกมองว่าเป็นชาติเต็งแชมป์ที่สุดหนนี้กลับเปิดกลัวด้วยความพ่ายแพ้ต่อ ซาอุดิอาระเบีย ไปด้วยสกอร์ 1-2

มีหลายเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงในเกมๆ นี้ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามคอนเทนต์จากทางเรา "ขอบสนาม" ได้เลยครับ

หลังเกม "อาร์เจนติน่า" ล็อคถล่มโดน "ซาอุดิอาระเบีย" พลิกแซงเข้าวิน 2-1

เมสซี่ ขึ้นชื่อบนสกอร์บอร์ดพา ฟ้า-ขาว ขึ้นนำ

อาร์เจนติน่า ถูกมองว่าเหนือกว่า ซาอุดิอาระเบีย ในทุกๆ ด้านและทุกๆ องค์ประกอบ ทั้งเรื่องชื่อชั้นและศักยภาพทีม ทางฝั่งต่างประเทศเองก็มั่นใจมากๆ ว่า วันนี้ อาร์เจนติน่า ยังไงก็ไม่น่าพลาด 3 คะแนน และในนาทีที่ 7 ทางแฟนๆ "ฟ้า-ขาว" ก็ได้เฮกันลั่นสนาม ลูซาอิล ไอโคนิค สเตเดี้ยม เมื่อ ซาอุด อับดุลฮามิด ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยง เลอันโดร ปาเรเดส จนล้มลงในกรอบเขตโทษจากจังหวะที่ อาร์เจนติน่า เล่นลูกตั้งเตะและโยนบอลเข้ามาลุ้นทำประตูในซึ่งทาง VAR ก็เช็คจังหวะนั้นให้เห็นชัดเจนว่านั่นคือการทำฟาวล์ 100 เปอร์เซนต์

คนที่รับหน้าที่ยิงจุดโทษก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็ได้แก่กัปตันทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และก็สังหารเข้าไปไม่พลาดช่วยให้ อาร์เจนติน่า ขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 10 นับเป็นประตูที่ 92 จากการลงเล่น 166 นัดให้ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดใหญ่ ส่วนในรายการระดับ ฟุตบอลโลก นี่คือประตูที่ 7 ของเขาจากการลงเล่น 20 นัด

นอกจากนี้ ลิโอเนล เมสซี่ ยังกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ที่ยิงประตูในศึก ฟุตบอลโลก ได้ 4 ทัวร์นาเมนต์ต่อจาก เปเล่, อูเว่ ซีเลอร์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ล้ำหน้า

VAR นับว่ามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ อาร์เจนติน่า ได้ประตูจากลูกจุดโทษจากจังหวะที่ เลอันโดร ปาเรเดส โดนทำฟาวล์ แต่ในทางกลับกันมันทำให้พวกเขาชวดโอกาสได้ประตูที่ 2 โดยเฉพาะในจังหวะที่ ลิโอเนล เมสซี่ หลุดเข้าไปแปนิ่มๆ ในนาที่ 22 และช็อตที่ เลาทาโร่ มาร์ติเนซ หลุดเข้าไปชิพอย่างสวยสวนตัว โมฮัมเหม็ด อัล โอวาอิส ในนาที 27 ซึ่ง 2 จังหวะเน้นๆ ที่ว่านี้โดน VAR และเทคโนโลยีตรวจจับล้ำหน้าปฏิเสธทั้งหมด มิฉะนั้นทาง อาร์เจนติน่า คงจะปิดเกมได้ไปแล้วตั้งแต่ครึ่งแรก

แต่ถึงกระนั้นก็ต้องชื่นชมและให้เครดิตกับทาง ซาอุดิอาระเบีย ด้วยเพราะพวกเขาสามารถรับมือกับแนวรุกของคู่แข่ง ยืนคุมเกมรับและเช็คไลน์ตำแหน่งล้ำหน้าได้ดีมากๆ ส่วนทาง อาร์เจนติน่า พวกเขาถูกจารึกสถิติเอาไว้ว่าคือชาติที่โดนจับล้ำหน้ามากที่สุดในศึก ฟุตบอลโลก ที่ 10 ครั้งต่อ 1 แมตช์ นับตั้งแต่มีการนำเทคโนโลยี VAR มาใช้เมื่อปี 2018 ที่ รัสเซีย

หลังเกม "อาร์เจนติน่า" ล็อคถล่มโดน "ซาอุดิอาระเบีย" พลิกแซงเข้าวิน 2-1

5 นาทีเปลี่ยนชีวิต

ถ้าดูจากรูปเกมในครึ่งแรก อาร์เจนติน่า มีโอกาสนำห่างได้แบบขาดลอย 3-4 ประตู ขณะที่ ซาอุดิอาระเบีย นั้นแทบไม่มีโอกาสได้ลุ้นทำประตูเลย อย่างไรก็ตามด้วยจังหวะเพียงน้อยนิดพวกเขาก็ไม่ใช้ให้สิ้นเปลือง โดยเริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 3 นาที  ซาเลห์ อัล เชห์รี่ ได้โอกาสป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษกระชากบอลหนี คริสเตียน โรเมโร่ ก่อนจะยิงเลียดไปที่เสาไกล บอลหนีมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เสียบโคนเสาพอดิบพอดีช่วยให้ ซาอุดิอาระเบีย ตีเสมอเป็น 1-1 และกลับคืนสู่เกม

อีกนาที 5 ต่อมาแฟนๆ ในสนามได้ส่งเสียงเฮกันลั่นอีกครั้งแต่เป็นทางฝั่งทีมเสื้อเขียว ซาอุดิอาระเบีย ที่พลิกแซงขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ นาวาฟ อัล อาบิด กดด้วยซ้ายไปติดบล็อค คริสเตียน โรเมโร่ และก็เป็น ซาเล็ม อัล ดอว์ซารี่ ที่ตามมาเก็บบอลที่กระดอนออกมา ก่อนจะแต่งเข้าขวาและซัดเต็มเหนี่ยว วิถีบอลพุ่งไปทางเสาไกล และด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างแรงทำให้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ปัดไม่พ้น 

หยุดสถิติไร้พ่าย

ซาอุดิอาระเบีย พยายามเน้นรับ เน้นครองบอล คุมโซนเพื่อรักษาสกอร์ ขณะที่ทาง อาร์เจนติน่า ก็พยามเร่งเครื่องเพื่อทวงประตูคืนให้ได้ จังหวะที่ดูมีลุ้นตีเสมอมากที่สุดก็คือนาที 63 ที่ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ได้ยิงในกรอบเขตโทษและบอลไปแฉลบเพื่อนร่วมทีม นิโกลัส ตายาฟิโก้ บอลมันกำลังจะพุ่งเข้าประตูอยู่แล้วแต่สุดท้ายก็ไม่เป็นประตูเพราะ โมฮัมเหม็ด อัล โอวาอิส ได้โชว์ซูเปอร์เซฟปัดลูกบอลออกไปจากเส้นประตูพอดี

สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่มและเป็นทาง ซาอุดิอาระเบีย ที่สร้างผลงานอันน่ามหัศจรรย์ระดับมาสเตอร์พีซด้วยการพลิกล็อคกลับมาเอาชนะ อาร์เจนติน่า ไปได้ 2-1 เก็บ 3 แต้มอันล้ำค่าไปครองได้สำเร็จ

นอกจากนี้ความพ่ายแพ้ในเกมดังกล่าวยังส่งผลให้ อาร์เจนติน่า ของ ลิโอเนล เมสซี่ ต้องหยุดสถิติไร้พ่ายเอาไว้ที่ 36 นัดติดต่อกันที่ได้สร้างเอาไว้ตั้งแต่ กรกฏาคม ปี 2019 ชวดโอกาสทำลายสถิติสูงสุดของ อิตาลี ที่ทำไว้ที่ 37 นัดติดต่อกัน

สถิติที่ยอดเยี่ยมของ ซาอุฯ

โมฮัมเหม็ด อัล โอวาอิส ผู้รักษาประตูของ ซาอุดิอาระเบีย คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ไปครองจากการช่วยป้องกันลูกยิงของ อาร์เจนติน่า เขาเซฟไปทั้งหมด 5 ครั้งในเกมนี้ เท่ากับว่าตอนนี้เขาคือนายทวารที่มีจำนวนการเซฟต่อเกมมากที่สุดในศึก ฟุตบอลโลก 2022

นอกจากนี้ชัยชนะในเกมดังกล่าวยังเป็นชัยชนะครั้งที่ 5 ของ ซาอุดิอาระเบีย ในศึก ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายจากการลงเล่นทั้งหมด 17 นัด และนี่ก็คือชัยชนะนัดแรกในการเจอกับชาติจากอเมริกาใต้ หลังก่อนหน้านี้เคยแพ้ อุรุกวัย มา 0-1 ในปี 2018

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline