logo-heading

ส่วนอีกคู่ก็เป็น สวิตเซอร์แลนด์ ที่ปราบเอาชนะ เซอร์เบีย ไปได้ พร้อมคลานสู่รอบ 16 ทีมตามระเบียบ

จริงๆมันก็เกือบไม่ได้เป็นไปตามความคาดหมายแบบนี้หรอกครับ เพราะตลอด 3 นัด มันมีเหตุการณ์พลิกไปพลิกมาให้ได้พูดถึงกัน เอาเป็นว่ากลุ่มนี้ จะมีอะไรน่าสนใจให้พูดถึงกัน ทั้งทีมที่ตกรอบ และ ผ่านเข้ารอบ ไปติดตามกันครับ

- บราซิล เข้ารอบแบบเสียฟอร์ม

2 นัดแรก ทีมชาติบราซิล ภายใต้การคุมทีมของ ติเต้ โชว์ฟอร์มสมราคาเต็ง 1 ของรายการจริงๆ เพราะเตะไปเพียงแค่ 2 นัด พวกเขาก็การันตีผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์เป็นที่เรียบร้อย โดยประเดิมเอาชนะ เซอร์เบียร์ 2-0 ซึ่ง ริชาร์ลิซอน เหมาคนเดียว 2 ลูก หนึ่งในนั้นคือการกระโดดฟาดแบบฮาล์ฟวอลเล่ย์เข้าไป

จากนั้นต่อมา ก็บุกโหมใส่ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นพายุ ก่อนจะเฉือนชนะด้วยสกอร์ 1-0 จาก คาเซมิโร่ เก็บ 6 คะแนนเต็ม ทำให้นัดสุดท้ายที่เจอกับ แคเมอรูน ได้พักตัวหลัก และ ส่งตัวสำรองลงมาทั้งหมด แต่ก็เป็นตัวสำรองที่สามารถเป็นตัวจริงได้เหมือนกัน หากไปอยู่ชาติอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม การผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่มของ บราซิล ต้องเสียหน้าอยู่ไม่น้อย เพราะพวกเขาดันทะลึ่งแพ้ให้กับ แคเมอรูน 0-1 ทั้งๆที่มีโอกาสยิงมากกว่า 20 ครั้ง พลาดเก็บ 9 แต้มเต็มทีมแรก ในศึก ฟุตบอลโลก 2022

จากที่เห็นตลอดทั้ง 3 นัด ในรอบแบ่งกลุ่ม แนวรุกขุนพล แซมบ้า น่ากลัวเหลือเกิน พวกเขามีตัวท็อปทั้งตัวจริง และ ตัวสำรอง การขึ้นเกมมาทุกทิศทุกทาง ฝั่งขวาก็มี ราฟินญ่า ฝั่งซ้าย วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นตัวลากเลื้อย แต่สิ่งที่ต้องกังวลเลยคือ การขาด เนย์มาร์ ส่งผลกับการจบสกอร์เหลือเกิน

ดังนั้นต้องมารอดูว่าอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าของ เนย์มาร์ จะหายทันหรือไม่ ซึ่ง แซมบ้า มีคิวเจอกับ เกาหลีใต้ อาจดูไม่หนักมากนัก แต่ห้ามประมาทเด็ดขาด และ การมี เนย์มาร์ ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ ถ้าหายไม่ทัน บางทีประสิทธิภาพการขึ้นเกมรุก และ การจบสกอร์ อาจจะยากเป็นเงาตามตัวก็ได้

- แคเมอรูน สู้สุดใจ

ว่ากันตามตรง แคเมอรูน ถือเป็นทีมด้อยสุดของกลุ่ม ถูกคาดการณ์ว่าคงจะตกรอบแบบไม่ได้ลุ้น และ น่าจะแจกแต้มให้กับทีมอื่นๆ แต่กระนั้นขุนพล หมอผี ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขาไม่ใช่หมูให้ใครมาเคี้ยวเล่นๆ

ถึงแม้จะออกสตาร์ท ฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการพ่ายแพ้ต่อ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 แต่นัดที่ 2 ที่เจอกับ เซอร์เบีย ขุนพล หมอผี โชว์ความเป็นนักสู้ สวมวิญญาณ ใน เพราะในช่วงที่พวกเขาตามหลัง 1-3 กลับมาตามตีเสมอ 3-3 ได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งคนที่ปลุกความหวังกลับมาก็คือ แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ หัวหอกตัวสำรองของทีม

ต่อให้ 2 นัด จะมีแค่ 1 คะแนน และ โอกาสตกรอบแบ่งกลุ่มสูงมาก เพราะนัดสุดท้ายต้องเจอกับทีมชาติบราซิล ซึ่งเกณฑ์ผ่านเข้ารอบต้องลุ้น 2 กระทอก คือนอกจากจะต้องพลิกนรกเอาชนะ แซมบ้า ให้ได้แล้ว ยังต้องแช่ง เซอร์เบีย เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นก็ไปวัดเอาที่ลูกได้เสีย

แค่ฟังดูก็ว่ายากแล้ว ดังนั้นแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย สุดท้ายแล้ว แคเมอรูน ก็ตกรอบจริงๆ แต่พวกเขาไม่ได้ตกรอบแบบขี้แพ้ ทว่ามันยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะทัพ หมอผี ได้สร้างประวัติศาสตร์ โชว์ผลงานปราบเต็ง 1 เอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 ถึงขั้นที่ แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ฮีโร่ยิงประตูชัย ถอดเสื้อวิ่งแบบบ้าคลั่ง จนลืมตัวว่ามีใบเหลืองติดตัว ก่อนจะโดนไล่ออก แต่เขาคงไม่สนแล้ว มันจะเป็นโมเมนต์ที่เขา และ นักเตะ แคเมอรูน จะจดจำไปตลอดชีวิต 

- เซอร์เบีย เพลียใจ ไม่รอดรอบแบ่งกลุ่ม

จริงๆแล้ว เซอร์เบีย เป็นทีมที่มีนักเตะตัวท็อปอัดแน่นเต็มขุมกำลังไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ดูซาน ทาดิช, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช, เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช และ ดูซาน วลาโฮวิช แต่ไม่น่าเชื่อว่าผลงานของเขา มันกลับสวนทางกับชื่อชั้นของนักเตะมากจริงๆ

วันเจอกับ บราซิล ก็แพ้โดยละม่อม 0-2 ชนิดที่ไร้หนทางสู้ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะมาตรฐานยังต่างกันอยู่ แต่สาเหตุที่ เซอร์เบีย ต้องกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่ม มาจากการทำตัวเองล้วนๆ โดยเฉพาะเกมที่เจอกับ แคเมอรูน .. พวกเขาขึ้นนำ 3-1 ใครเห็นก็ว่าเก็บ 3 แต้มสบายๆ แต่ก็มาโดนตีเสมอ 3-3 แบบเหลือเชื่อ นับเป็นแมตช์ที่เสียหายอย่างยิ่ง

ทำให้นัดสุดท้าย เซอร์เบีย ต้องชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ให้ได้สถานเดียว ซึ่งระหว่างเกมมันพลิกไปพลิกมาเหลือเกิน เพราะ เซอร์เบียร์ มีจังหวะขึ้นนำ 2-1 แต่ก็ดันมีช่วงช็อตฟีล กลับกลายมาตามหลัง 2-3 และ แพ้ไปในที่สุด ตกรอบไปแบบชอกช้ำ ชนิดที่ชนะใครไม่ได้เลย

อย่างที่บอกครับ การตกรอบของ เซอร์เบีย พวกเขาทำตัวเองทั้งนั้น โดยเฉพาะแนวรับ ที่พร้อมจะเสียประตูตลอดเวลา ต่อให้เกมรุกทำประตูมากแค่ไหน แต่เกมรับเสียเยอะมากกว่า ทั้งนัดที่เสมอ แคเมอรูน และ แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งพวกเขานำคู่แข่งได้ทั้ง 2 นัด แต่ไม่สามารถรักษาสกอร์ไว้ได้เลย

- ฟอร์ม สวิต พิชิตชัย

ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม สวิตเซอร์แลนด์ ถึงมีแต้มเบียดเอาชนะ อิตาลี ในรอบคัดเลือก ผ่านเข้ามาเล่น ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ เพราะพวกเขาได้โชว์ให้เห็นถึงความเก๋าประสบการณ์ และ เอาตัวรอดในแมตช์สำคัญมาได้

ตลอดทั้ง 3 นัด ของ สวิตเซอร์แลนด์ ขนาดเกมเจอกับ บราซิล ทีมเต็ง 1 ยังแทบเจาะไม่เข้า มาได้ประตูชัยก็ช่วง 10 นาทีสุดท้ายแล้ว ไหนจะมี ยานน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูที่โชว์ฟอร์มเหนียวแน่นหนึบเหลือเกิน 

ส่วนเกมนัดตัดสินกับ เซอร์เบีย ต่อให้พวกเขาจะถูกแซงขึ้นนำ แต่ สวิตเซอร์แลนด์ ก็ไม่ได้ดูกดดัน หรือ ร้อนรน อะไรมากนัก อาจด้วยเพราะประสบการณ์บนเวทีระดับนานาชาติ ทำให้พลิกกลับมายิงแซง และ เอาชนะขุนพลชาวเซิร์บ ไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 พร้อมจบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ไปเจอกับทีมชาติโปรตุเกส

สิ่งที่น่ากลัวของ สวิตเซอร์แลนด์ ก็คงเป็นแดนกลางที่แน่นปึ้ก มี กรานิต ชาก้า ห้องเครื่องสายแทงค์ ที่พร้อมบวกตลอดเวลา ส่วนกองหลังก็มี มานูเอล อคานยี่ เป็นตัวคอยสกัดจังหวะอันตราย ส่วนตัวรุก เซอร์ดาน ชากิรี่ กับ บรีล เอ็มโบโล่ เป็นแกนสำคัญ ส่วน  ยานน์ ซอมเมอร์ ที่ป่วยเป็นไข้ ไม่ได้ลงนัดเจอ เซอร์เบีย เชื่อว่าจะหายกลับมาทัน

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline