logo-heading

ไม่พ้นแม้กระทั่ง เอแด็น อาซาร์ อดีตปีกตัวลากเลื้อยของ เชลซี เพราะล่าสุดเขาได้ประกาศอำลาทีมชาติเบลเยี่ยม ด้วยวัย 31 ปี

เขายอมหลีกทางให้กับรุ่นน้องได้เติบโตก้าวขึ้นมา หลังจาก เบลเยี่ยม ยุค โกลเด้น เจเนเรชั่น ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ล่าสุดก็กระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022 ไปแบบชอกช้ำ เพราะด้วยอายุที่มากขึ้น เขาไม่สามารถแบกทีมได้เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว สาเหตุมันเกิดจากอะไร จากคนที่เคยเป็นทุกอย่าง แต่วันนี้เขาต้องอำลาทีมชาติเบลเยี่ยม ไปอย่างเหงาๆ

- เทพเจ้า อาซาร์ สมัยอยู่ เชลซี

คำว่า เทพเจ้า สามารถใช้ยกย่อง เอแด็น อาซาร์ ได้เลย สมัยวาดลวดลายให้กับ เชลซี เพราะเขาเป็น เดอะ แบก อย่างแท้จริง นับตั้งแต่พา ลีลล์ คว้าแชมป์ ลีก เอิง ฝรั่งเศส และ ย้ายมาอยู่กับ เชลซี เมื่อปี 2012 เขาก็เป็นหนึ่งในคีย์แมนที่พา สิงห์บลูส์ ประสบความสำเร็จมากมาย

ทั้งการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และ ยูโรปา ลีก อีก 2 สมัย เรียกว่าได้ อาซาร์ มีส่วนร่วมกับทีมทุกโทรฟี่ ตลอด 7 ปี ในการค้าแข้งที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาแทบไม่มีอาการบาดเจ็บมาให้เห็น ได้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 352 นัด พร้อมยิงไปอีก 110 ประตู

ในวันที่เขาอยากย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ใจจะขาด แต่ เชลซี ไม่ยอมปล่อยตัว เขาก็ไม่เคยออกอาการงอแง ลงสนามด้วยความเต็มใจจนถึงวาระสุดท้ายของสัญญา ซึ่งซีซั่นสุดท้ายกับ สิงห์บลูส์ เขาก็ยังซัลโวบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปถึง 16 ประตู เป็นสถิติมากสุดที่เจ้าตัวเคยทำได้ เทียบเท่ากับฤดูกาล 2016-17 จึงไม่แปลกเลยที่เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าของ เชลซี

- อาซาร์ เริ่มต้นยุคกำเนิด
เบลเยี่ยม โกลเด้น เจเนเรชั่น

นับตั้งแต่ ฟุตบอลโลก เริ่มฟาดแข้งเมื่อปี 1930 ทีมชาติเบลเยี่ยม เคยทำได้ดีที่สุดคืออันดับ 4 เมื่อปี 1986 หนำซ้ำ เวิลด์ คัพ 2006 และ 2010 พวกเขาไม่ดีพอ ที่จะผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย หรือจะเป็นศึก ยูโร หลังจากผ่านปี 1984 เชื่อไหมครับว่า เบลเยี่ยม ไม่ได้ไปเล่นรอบสุดท้าย ถึง 6 จาก 8 ครั้ง โดย 2 ครั้งที่เหลือ ก็ตกรอบแบ่งกลุ่ม เรียกว่า เบลเยี่ยม ไม่ได้ใกล้เคียงกับความสำเร็จเลยสักนิด

กระทั่งมาถึง ฟุตบอลโลก 2014 .. เบลเยี่ยม ได้ฟอร์มทีมขึ้นมาใหม่ เป็นเหล่าเด็กนรกแตก ที่ถูกดันขึ้นมาเพื่อกอบกู้ซากปรักหักพังของทีม ซึ่งทัวร์นาเมนต์นั้น มีนักเตะอายุเกิน 30+ เพียงแค่คนเดียว ส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ในวัย 20 ต้นๆเท่านั้น นำมาโดย เอแด็น อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์, โรเมลู ลูกากู และ ติโบต์ กูร์กตัวส์ พร้อมมีพี่ใหญ่อย่าง แว็งซ็องต์ ก็องปานี กับ โธมัส แฟร์มาเล่น

ขณะนั้น อาซาร์ ถือว่ากำลังพีคๆกับ เชลซี เป็นจอมทัพคนสำคัญ ถึงแม้เขาไม่สามารถทำประตูในศึก ฟุตบอลโลก 2014 ได้ แต่ก็ทำไป 2 แอสซิสต์ พา เบลเยี่ยม สร้างประวัติศาสตร์ ผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ได้เป็นครั้งแรก แต่แล้วก็ต้องจอดป้าย หลังไปแพ้ให้กับ อาร์เจนติน่า 0-1

ถึงแม้ เบลเยี่ยม จะตกรอบแต่พวกเขาถูกคาดหมายว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า จะมีโอกาสก้าวไปคว้าแชมป์เลยด้วยซ้ำ เพราะทุกตำแหน่งต่างเป็นแข้งตัวท็อป สังกัดอยู่ใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปเต็มไปหมด และ น่าจะมีประสบการณ์มากกว่า เวิลด์ คัพ 2014 แน่นอน

มาถึง ยูโร 2016 .. อาซาร์ ยังคงเป็นคีย์แมนคนสำคัญของ เบลเยี่ยม เหมือนเดิม พวกเขาเดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยผลงาน อาซาร์ ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ทั้งการทำ 1 ประตู พร้อมทำอีก 3 แอสซิสต์ แต่น่าเสียดายที่ เบลเยี่ยม ไปตกม้าตายด้วยการแพ้ เวลส์ 1-3 ซึ่ง อาซาร์ ทำแอสซิสต์ ได้ด้วย แต่ก็ไม่เพียงพอช่วยให้ทีมเข้ารอบ

- อาซาร์ กับความคาดหวังแชมป์
ของแฟนบอล เบลเยี่ยม กับ ฟุตบอลโลก 2018

จำคำพูดของ เควิน เดอ บรอยน์ ได้ไหมครับ ว่า เบลเยี่ยม ไม่มีโอกาสคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2022 เพราะว่าอายุนักเตะแก้เกินแกงไปแล้ว เพราะโอกาสที่ดีที่สุดของทีม ควรจะเกิดขึ้นในปี 2018 เนื่องจากยุค โกลเด้น เจเนเรชั่น กำลังสุกงอม ทุกคนอยู่ในจุดพีคของชีวิตค้าแข้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ยังเป็น อาซาร์ เดอะ แบก เช่นเดิม

อาซาร์ มาด้วยความมุ่งมั่น เขาต้องการพา เบลเยี่ยม คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก ให้ได้ ซึ่ง ปีศาจแดงแห่งยุโรป ถูกจัดให้เป็นเต็งแชมป์ ได้อยู่อันดับ 1 บนชาร์ต ฟีฟ่า แรงกิ้ง  โดย ทัวร์นาเมนต์ เวิลด์ คัพ 2018 เป็นโอกาสที่ใกล้เคียงกับ เบลเยี่ยม มากที่สุดแล้ว

อาซาร์ ทำ 2 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ พา เบลเยี่ยม ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปพบกับทีมชาติญี่ปุ่น ช่วงที่ เบลเยี่ยม เหมือนจะตกรอบ เพราะตามหลัง 0-2 แต่ก็กลับมาแซงเอาชนะไปได้ 3-2 อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเกมนั้น อาซาร์ ก็เป็นคนทำแอสซิสต์ให้ มารูยาน เฟลไลนี่ ตีเสมอ 2-2

ต่อมา เบลเยี่ยม สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ด้วยการเฉือนเอาชนะ บราซิล 2-1 ไปพบกับทีมชาติฝรั่งเศส แต่แล้วความฝันก็พังทลาย เพราะพวกเขาไปแพ้ให้กับ ฝรั่งเศส ซึ่ง อาซาร์ ทำเต็มที่แล้วแต่ไม่สำเร็จ ทว่าอย่างน้อยก็ได้รางวัลปลอบใจ ด้วยการคว้าที่ 3 ฟุตบอลโลก 2018 จากการเอาชนะ อังกฤษ 2-0 ซึ่ง อาซาร์ เป็นคนยิงประตูปิดกล่องให้กับทีม

ขณะที่ ยูโร 2020 เบลเยี่ยม ก็ยังตกม้าตายเหมือนเดิม พวกเขาไปหยุดอยู่เพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เท่านั้น รายการที่ อาซาร์ และ ผองเพื่อนหวังจะคว้าแชมป์ให้ได้ช่วงบั้นปลาย ก็ฝันสลายอีกครั้ง เพราะถ้าถึง ฟุตบอลโลก 2022 นักเตะ ปีศาจแดงแห่งยุโรป ยุคทอง หลายๆคน อายุ 30+ กันแล้ว ซึ่งอาจจะเลยจุดพีค และ ความสำเร็จคงอยากกว่าเดิม

- เส้นทางปิดฉาก ไม่ค่อยสวยหรู

เผลอแปบเดียว จาก อาซาร์ ในวัยรุ่น เขากลายมาเป็นพี่ใหญ่ของ เบลเยี่ยม ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 แน่นอนว่าเรื่องประสบการณ์และความเก๋า เขาไม่เป็นสองรองใคร แต่กระนั้นฟอร์มการเล่น คือสิ่งสำคัญ เพราะก่อนมาทัวร์นาเมนต์นี้ อาซาร์ ไม่ได้เป็นคนเดิมเหมือนสมัยอยู่กับ เชลซี อีกแล้ว

นับตั้งแต่ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ก็โดนทั้งอาการบาดเจ็บเล่นงานไม่หยุดหย่อน ใช้เวลาพักฟื้นรวมกันเป็นปีๆ ไหนจะแปลงร่างกลายเป็น "ต้าวอ้วน" ในความทรงจำของแฟนบอล จากสถานะที่ควรต้องเป็นตัวจริง กับค่าตัว 100 ล้านยูโร เป็นเพียงแค่ตัวสำรอง ที่แทบไม่ถูกใช้งาน

ไม่ต้องย้อนไปไกล ซีซั่น 2021-22 อาซาร์ ได้ลงเล่นกับ มาดริด บนเวที ลา ลีกา สเปน เพียงแค่ 712 นาที ได้เป็นตัวจริงแค่ 7 นัด จาก 18 เกม ที่ได้รับโอกาส แถมตีนบอร์ด ไม่มีชื่ออยู่ทำประตูให้กับทีมได้เลย พอมาซีซั่นนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เพิ่งได้ลงเล่นแค่ 3 นัด รวม 98 นาที ว่ากันตามตรง อาซาร์ ไม่ควรติดทีมชาติเบลเยี่ยม ด้วยซ้ำ

ด้วยชื่อเสียง และ ประสบการณ์ ทำให้ อาซาร์ ยังคงเป็นตัวหลัก ภายใต้การคุมทีมของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ อย่างไรก็ตาม อาซาร์ เวอร์ชั่นนี้ มันหมดพิษสงในสนามไปแล้วจริงๆ เขาไม่สามารถรังสรรค์ผลงาน เหมือนยุคอดีต 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้เลย

เป็นตัวจริง 2 นัด และ ลงมาสำรอง 1 นัด ไม่มีชื่อทั้งทำประตู และ แอสซิสต์ ปล่อยให้ เควิน เดอ บรอยน์ แบกเรื่องเกมรุกอยู่คนเดียวเลยด้วยซ้ำ แทบนับครั้งได้เลย ที่ อาซาร์ จะง้างเท้าทำประตู หรือ จ่ายสวยให้กับทีม ก่อนจะตกรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022 ไปแบบน้ำตาตกใน

เชื่อเหลือเกินว่า อาซาร์ รู้ตัวเองดีว่า เขาไม่ใช่ อาซาร์ คนเดิมอีกแล้ว หากยังฝืนรับใช้ชาติต่อไป อาจทำให้ทีมไม่ก้าวไปข้างใน ซึ่งหลังจากเขาใช้เวลาพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจประกาศรีไทร์กับทีมชาติเบลเยี่ยม ด้วยวัย 31 ปี 

ทิ้งผลงานแห่งความทรงจำกับ เบลเยี่ยม เอาไว้ด้วยการลงสนาม 126 นัด ยิงไป 33 ประตู ไม่มีแชมป์ใดๆกับทีมชาติ และ การรีไทร์ครั้งนี้ ก็เป็นปฐมบทสำหรับการปิดฉาก เบลเยี่ยม โกลเด้น เจเนเรชั่น เช่นกัน

ฮาย ฮาวดี้ 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline