logo-heading

และแน่นอน หนึ่งในนัดแห่งประวัติศาสตร์แบบนี้ ขอบสนาม ของเราไม่พลาด ขอมาเก็บตกทุกประเด็นเด่นหลังเกมสุดจัดปลัดบอกนัดนี้กันครับ …


โกล โครเอเชีย สาเหตุมีต่อเวลา

เริ่มจากสาเหตุสำคัญที่สุด ที่ทำบอลคู่นี้ต้องมีการเล่นไปยันต่อเวลาพิเศษ ก็เพราะว่าชายที่ชื่อ “โดมินิค ลิวาโควิช” นายประตูของ โครเอเชีย โคตรจะเหนียวจนแทบเคี้ยวไม่เข้า เหนียวสัส!

ตลอดทั้งเกมเขาเซฟไปถึง 11 ครั้ง มากที่สุดเหนือใครใน ฟุตบอลโลก หนนี้ และเป็นการเซฟจังหวะสำคัญ ๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง!

นอกจากนี้ แนวรับคนอื่นของ โครเอเชีย ก็ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าง ยอซิป ยูรานอวิช แบ็คขวาจากสังกัด เซลติก ที่เด่นทั้งการช่วยเกมรับรวมถึงช่วยรุก หรือจะ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เซ็นเตอร์วัยเพียง 20 จาก ไลป์ซิก ที่เล่นได้อย่างเนียนกริ๊บ ทั้งชนทั้งเข้าสกัด

และอีกคนที่ไม่ชมไม่ได้ ลูก้า โมดริช กองกลางจาก มาดริด ในวัย 37 ปี เขายังคอยแบก คอยช่วยต้านทานเกมแดนกลาง บราซิล ได้อย่างน่าทึ่ง เนี่ยแหละครับผู้เล่นระดับตำนาน

บราซิล (เคย) เหมือนจะเข้ารอบ 

โดยเมื่อเข้าถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ตามสถิติถือว่ามีดีทั้ง 2 ฝั่ง ด้าน บราซิล ยังไม่เคยแพ้ในช่วงต่อเวลา นับเฉพาะในช่วงต่อเวลาล้วน ๆ นะ ส่วน โครเอเชีย ยังไม่เคยแพ้เมื่อถึงการดวลจุดโทษ

และจากที่เราได้ดูเกม ก็รู้สึกว่าหากฝั่ง บราซิล จะยิงได้ ก็คงมีแค่ชายเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ เนย์มาร์ สตาร์อันดับ 1 คนปัจจุบันของทีมชาติ และเขาก็ทำได้สำเร็จ จากความสามารถเฉพาะตัวและทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม

ยิงพา บราซิล ออกนำในนาทีที่ 106 ซึ่งประตูดังกล่าวยังส่งให้ เนย์มาร์ ก้าวไปเป็นดาวซัลโวตลอดกาล บราซิล ร่วมกับ เปเล่ ที่ 77 ประตูอีกด้วย มันกำลังเป็นโมเมนต์ที่ไม่เลว และใกล้แล้วที่ ทัพแซมบ้า จะเข้ารอบ …


ประตูปาฏิหารย์

แต่หนึ่งในอีกสิ่งสำคัญที่ต้องขอชื่นชมด้าน โครเอเชีย คือหลังจากโดนนำ 1-0 พวกเขาไม่มีแสดงสีหน้าเกรงกลัว หรือยอมแพ้เลย และอย่างที่คนพากย์ได้บอกในเกม ว่าจะแพ้ลูกเดียวหรือ 2 ลูกก็มีค่าเท่ากัน

“ซลัตโก ดาลิช” โค้ชของ โครเอเชีย จึงตัดสินใจทิ้งไผ่ทุกใบ แลกทุกอย่างที่มี ด้วยการเทกองหน้าลงไปในสนามพร้อมกันถึง 3 คน และมันก็ได้ผล …

เมื่อนาทีที่ 117 “บรูโน เพตโควิช” ซัดประตูไปแฉลบเป็นใจ ช่วยให้ โครแอต ตีเสมอ 1-1 ได้กับราวปาฏิหารย์ และประตูดังกล่าวก็ดูไม่ได้เป็นการผิดพลาดแบบโจ่งแจ้งของเกมรับ บราซิล อะไรเลย มันช่างเป็นอะไรที่สุดวิสัย คล้ายกับว่าโชคชะตาจะให้คู่นี้ไปถึงดวลจุดโทษ …

โครเอเชีย มันเซียนจุดโทษจริงๆ

และอย่างที่แทบทุกครั้ง ๆ คนพากย์จะพูด ว่าเมื่อถึงการดวลโทษ ทุกอย่างมันเท่ากันหมด ซึ่งแม้ทั้งสองทีมจะมีอันดับ ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง ต่างกันเป็น 10 อันดับ ก็มันไม่มีผล

และผลก็เป็นไปอย่างที่เราได้ทราบกัน มีคนยิงจุดโทษพลาดแค่ 2 คน จากการโดนเซฟหนึ่ง และยิงชนเสาหนึ่ง ซึ่งการพลาดนั่นล้วนมาจากฝั่ง บราซิล ส่งผลให้ โครเอเชีย ชนะการดวลเป้า ไปด้วยสกอร์ 4-2 ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ได้เป็นชาติแรก

และผลก็ส่งต่อมาด้วยสถิติ ด้วยการที่แม้ บราซิล จะยังไม่เคยแพ้ในช่วงต่อเวลา บอลโลก แต่ฝั่ง โครเอเชีย ก็คงยังไร้พ่ายในการดวลจุดโทษเช่นกัน ดวลเป้าใน บอลโลก ทั้งหมด 4 ครั้งรวมเกมล่าสุด โครเอเชีย ชนะเรียบ

ซึ่งเมื่อหลังจบการดวลจุดโทษแบบนี้ ก็เกิดหนึ่งคำถามใหญ่ เมื่อผู้เล่นที่ยิงได้ดีที่สุดของ บราซิล อย่าง เนย์มาร์ ไม่ได้มีมีโอกาสยิงด้วยซ้ำ เพราะมีชื่อเป็นคนยิงลำดับที่ 5 จึงเป็นคำถามต่อมา ว่าทุกวันนี้ มันจะใช่คำตอบที่ดีแล้วหรือไม่ กับการเก็บคนยิงดีที่สุดไว้คนสุดท้าย ทั้งที่เขาคนนั้นอาจไม่มีโอกาสได้ยิงด้วยซ้ำ …


และเก็บตกสถิติสุดท้ายสำหรับหลังเกมนี้ คือนับแต่มีการจัดอันดับ ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง ตั้งแต่ปี 1992 ยังไม่เคยมี “ชาติอันดับ 1” ก่อนทัวร์นาเมนต์ทีมไหน คว้าแชมป์โลกได้เลย ซึ่งแน่นอนอาถรรพ์นี้ ยังคงอยู่ต่อไป

และทิ้งท้ายด้วยวินาทีที่ บราซิล แพ้การดวลจุดโทษในลูกสุดท้าย มันทำให้เราได้เห็นทั้งการเฮอย่างสุดใจของ โครเอเชีย พร้อมกับคราบน้ำอย่างสุดเศร้าของ บราซิล และคงไม่มีประโยคไหนอธิบายฟุตบอลคู่นี้ไปได้ดีกว่า ประโยคที่ว่า “เนี่ยแหละครับฟุตบอล … ” 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline