logo-heading

แต่ทว่า แฮร์รี่ เคน กลับยิงไม่เข้า พลาดทำให้ทีมตีเสมอ และ ต้องพ่ายต่อ ตราไก่ ไป 1-2

เกมนี้มีสถิติอะไรน่าสนใจ และ อะไรให้พูดถึงกันบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

- ชูอาเมนี่ เบิกสกอร์แรกอย่างคม

ไม่มี ก็องเต้ ไม่มีปัญหาสำหรับทีมชาติฝรั่งเศส เพราะ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ เข้ามาเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์แบบ เด็กนรกวัย 22 ปี โชว์ผลงานได้โดดเด่นอย่างเหลือเชื่อ เกมรับที่ทำหน้าที่ตัดเกมให้เพื่อ ว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่นัดเจอกับ อังกฤษ มันพิเศษยิ่งกว่า เพราะเขาเป็นคนทำประตูแรกให้กับ ฝรั่งเศส

ด้วยการยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งด้วยความเร็วเกือบๆ 120 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง อาจจะไม่ได้มุมดิกถึงขั้นเสียบเสา แต่มันก็ดีพอที่จะผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตู สิงโตคำราม เข้าไป

ถึงแม้นานๆ ชูอาเมนี่ จะยิงประตูสักที แต่ลูกนี้มันสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เพราะมันมีสถิติบ่งบอกว่า ถ้า ฝรั่งเศส ยิงขึ้นคู่แข่งได้ก่อนแล้วล่ะก็ พวกเขามีสถิติชนะถึง 11 นัด ในศึก ฟุตบอลโลก ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ขึ้นนำคู่แข่งแล้วไม่ชนะ ก็คือนัดชิงชนะเลิศ เวิลด์ คัพ 2006 ที่เสมอ อิตาลี 1-1 และ ไปแพ้การดวลจุดโทษ 3-5

- แฮร์รี่ เคน ยิงตีเสมอ

ครึ่งแรก อังกฤษ ทำอะไรไม่เป็นชิ้น เป็นอัน ถึงแม้จะมีโอกาสจาก แฮร์รี่ เคน ที่เบียดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ ติดเซฟ อูโก้ ยอริส แต่กระนั้นก็ไม่ค่อยมีจังหวะต่อเนื่อง จนกระทั่งมาถึง 45 นาทีหลัง รูปเกม สิงโตคำราม ดีขึ้นผิดหู ผิดตา โถมเกมบุกเข้าใส่ ฝรั่งเศส เพื่อหวังตีเสมอให้ได้

กระทั่งมาสัมฤทธิ์ผลในจังหวะที่ บูกาโย่ ซาก้า โชว์พริ้วไหวดั่งสายน้ำในกรอบเขตโทษ ก่อนจะโดน ชูอาเมนี่ สกัดล้มลงในกรอบเขตโทษ ซึ่งผู้ตัดสินไม่ลังเลที่จะเป่าฟาวล์ให้ทันที ก่อนจะเป็น แฮร์รี่ เคน รับหน้าที่สังหาร และ ยิงไม่พลาด ซัดตีเสมอให้ อังกฤษ 1-1

ซึ่งประตูนี้ทำให้ แฮร์รี่ เคน ทาบสถิติ เวย์น รูนี่ย์ กลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลทีมชาติอังกฤษ ด้วยจำนวน 53 ลูก เท่ากับว่าขออีกแค่ตุงเดียว เขาก็ขึ้นเป็นอันดับ 1 แต่เพียงผู้เดียว แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นสถิติที่เขาไม่อยากจดจำมากที่สุด ว่ามันเกิดขึ้นในเกมเจอกับฝรั่งเศส 

- โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ คือฮีโร่

ในช่วงที่เกมกำลังตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างพยายามหาช่องบุกเข้าทำใส่กัน เพื่อหวังได้ประตูชัย ทันใดนั้นแฟนบอล ฝรั่งเศส ก็ได้แหกปากกันสนั่นลั่นทุ่ง จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม อ็องตวน กรีซมันน์ บรรคงครอสเข้ามาในกรอบเขตโทษ

และ เป็น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ วิ่งโฉบตัดหน้ากองหลังทีมชาติอังกฤษ ก่อนจะโหม่งไปแฉลบ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ บอลเปลี่ยนทางนิดๆ ก่อนจะพุ่งเข้าไปตุงตาข่ายให้ ฝรั่งเศส พลิกขึ้นนำอีกครั้ง

ซึ่งประตูนี้ทำให้เขาเพิ่มสถิติการยิงประตูในนามทีมชาติฝรั่งเศส มากที่สุดตลอดกาล เป็น 53 ลูก เรียกว่าเขาเป็นนักเตะที่ถูกประเมินค่าต่ำไป เพราะรถ โก คาร์ท คันนี้ ได้โหม่งประตูชัย พาทัพ ตราไก่ ผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศได้อีกครั้ง

- ดราม่าซ้ำ ดราม่าซ้อน

ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เกิดเรื่องราวดราม่าซ้ำ ดราม่าซ้อนจริงๆครับพี่น้อง เพราะในช่วงที่ ฝรั่งเศส เพิ่งจะขึ้นนำ อังกฤษ นาที 78 ให้หลังประมาณ 5-6 นาที ต่อมา ก็เกิดดราม่าขึ้น จากจังหวะที่ เตโอ แอร์กน็องเดซ ไปกระแทกใส่ เมสัน เมาท์ ล้มลงในกรอบเขตโทษ เดิมทีผู้ตัดสิน โบกมือไหวๆให้ลุกมาเล่นต่อ ไม่มีการให้จุดโทษ

แต่หลังจากลูกตาย ผู้ตัดสิน วิ่งออกไปดูจอ VAR เขาพิจารณาอยู่ประมาณ 10-20 วินาที ก่อนตัดสินใจเป่าจุดโทษให้กับ อังกฤษ อีกครั้ง เพราะมองว่า เตโอ แอร์นองเดซ กระแทกใส่ด้านหลัง เมสัน เมาท์ ไม่ใช่จังหวะเบียดไหล่ต่อไหล่

ต่อให้ แฮร์รี่ เคน จะซัดเข้าลูกแรกมาแล้ว แต่จังหวะนี้ความกดดันถาโถมมหาศาล เพราะนอกจากจะต้องยิงให้เข้าเพื่อตีเสมอ ยังต้องเดาใจ ยอริส อีกครั้งว่าจะพุ่งไปทางไหน เพราะทั้ง 2 คน เจอหน้ากันแทบทุกวันอยู่แล้ว

สุดท้าย แฮร์รี่ เคน ซัดโด่งข้ามคาน บอลเหินลอยข้ามคานไปไกล และ การซัดจุดโทษไม่เข้าลูกนี้แหละครับ ถึงบอกว่า เคน คงไม่อยากจดจำวันที่เขาทำสถิติยิงประตูสูงสุดเทียบเท่ากับ เวย์น รูนี่ย์ เท่าไหร่ เพราะเขาคงฝังใจกับการทำให้ อังกฤษ ต้องตกรอบอย่างแน่นอน

และมันแทบจะเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย สำหรับทีมชาติอังกฤษ เนื่องจากพวกเขาต้องกระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง ซึ่งมันมีสถิติหนึ่งบอกว่า ไม่มีชาติไหนตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก ฟุตบอลโลก ถึง 7 ครั้งมากไปกว่าทีมชาติอังกฤษอีกแล้ว

- ฝรั่งเศส เป็นทีมแรก ลุ้นป้องกันแชมป์

นับตั้งแต่ที่ บราซิล เป็นแชมป์ ฟุตบอลโลก 1994 และ เวิลด์ คัพ 1998 สามารถเข้าไปลุ้นป้องกันแชมป์ได้ ถึงแม้จะสุดท้ายจะพ่ายต่อ ฝรั่งเศส แต่ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่เคยมีแชมป์เก่า ผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้อีกเลย

อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส เจ้าของแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 ได้ลบล้างอาถรรพ์นั้นไปเรียบร้อยแล้ว เพราะ ตราไก่ เป็นทีมที่สอง ต่อจาก บราซิล ที่เป็นแชมป์เก่า และ สามารถผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะก้าวไปถึงแชมป์ไหม แต่สถานะตอนนี้บอกเลยว่า "ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง"

ทั้งๆที่จริง ฝรั่งเศส มีปัญหานักเตะบาดเจ็บมากมาย ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป็อกบา, คาริม เบนเซม่า หรือ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู แต่การเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ด้วยผลงานแบบสุดติ่งกระดิ่งแมว แสดงให้เห็นเลยว่า ขุมกำลังของ ฝรั่งเศส แข็งแกร่งจริงๆ ไม่ว่าจะเรียกใครมาติดทีม ก็ศักยภาพใกล้เคียงกัน

มารอดูกันว่า ฝรั่งเศส จะผ่านด่าน โมร็อกโก เข้าไปป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก ได้อีกสมัยหรือไม่ ซึ่งสถิติการพบกันของคู่นี้ เจอกันมาแล้ว 5 ครั้ง โดยเป็น ตราไก่ เอาชนะได้ถึง 3 ครั้ง และ เสมอกัน 2 ครั้ง แต่บอกเลยว่าแมตช์นี้ ไม่ง่ายอย่างแน่นอน

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline