ทว่าอีกหนึ่งดาวรุ่งที่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในทัวร์นาเมนต์นี้คือมิดฟิลด์วัย 21 ปี อย่าง เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ที่กลายเป็นตัวหลักในแผนงานกุนซืออย่าง ลิโอเนล สกาโลนี่ เป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งประวัติของเจ้าหนูคนนี้เป็นอย่างไร เส้นทางค้าแข้งก่อนนหน้าเคยผ่านต้นสังกัดไหนบ้าง ขอบสนามหามมาแนะ จะพาไปรู้จักกับเด็กหนุ่มคนนี้ให้มากยิ่งขึ้น
จุดเริ่มต้น
เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ลืมตาทักทายโลกใบนี้เมื่อ 17 มกราคม 2001 ที่ซาน มาร์ติน อาร์เจนติน่า ครอบครัวของเขามีลูกมากถึง 5 คนด้วยกัน ซึ่งตัวของ เอ็นโซ่ เองเริ่มเดินตามเส้นทางลูกหนังของตัวเองตั้งแต่วัยเพียง 6 ขวบ เท่านั้น
ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวเข้าร่วมกับสโมสรท้องถิ่นที่มีชื่อว่า ลา เรโควา โดยสถานที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากพื้นที่ในการให้เข้าได้แสดงฝีเท้า และยกระดับตัวเองขึ้นมา จนไปเข้าตาแมวมองของทีมใหญ่ในแดน "ฟ้า-ขาว" อย่าง ริเวอร์เพลท ทำให้ในปี 2006 เขาถูกดึงไปอยู่ในสังกัดของทีมดังกล่าว เป็นอีกก้าวใหญ่พอสมควรสำหรับเด็กวัย 7 ขวบในตอนนั้น
แน่นอนว่าการเข้าไปเป็นลูกหม้อของ ริเวอร์เพลท ทำให้โอกาสในการเติบโตขึ้นมาในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพย่อมมีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมในการพัฒนาจนได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ
สู่ทีมชุดใหญ่ของ ริเวอร์เพลท
ภายหลังเข้ามาอยู่ในอคาเดมี่ของ ริเวอร์เพลท ตั้งแต่ปี 2006 เอ็นโซ่ ใช้เวลาอยู่หลายปีในการศึกษา และเก็บเกี่ยวศาสตร์ลูกหนังแขนงต่างๆ เพื่อพัฒนาฝีเท้าของตัวเอง ก่อนที่จะได้รับโอกาสครั้งสำคํญในการประเดิมเปิดซิงนัดแรกกับทีมชุดใหญ่ของสโมสร
4 มีนาคม 2019 คงเป็นหนึ่งในวันที่ เอ็นโซ่ จำไปตลอดชีวิตกับการได้โอกาสลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ ริเวอร์เพลท ที่มี มาร์เซโล กายาร์โด้ เป็นคนคุมทัพ พร้อมเปิดโอกาสให้เด็กวัย 18 อย่างเขาลงสนาม
โดยเกมดังกล่าวเกิดขึ้นในเกม โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ที่พบกับ แอลดียู กีโต้ เจ้าตัวลงสนามมาในช่วง 9 นาทีสุดท้ายแทนที่ของ ซานติอาโก้ โซ่ช่า แม้วันนั้นทีมจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 3-0 แต่ทว่ากับเด็กวัย 18 แบบเขาคงเป็นหนึ่งในค่ำคืนที่เหมือนความฝันเป็นจริง จากเด็กหนุ่มน้อยในอคาเดมี่ สู่การก้าวเป็นนักเตะชุดใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ
ปล่อยตัวไปหาประสบการณ์
แม้จะถูกใช้งานกับทีมชุดใหญ่ของ ริเวอร์เพลท อยู่บ้าง แต่กับเด็กวัยกำลังห้าวแบบเขามันคงจะดีกว่าถ้าได้รับโอกาสลงสนามแบบสม่ำเสมอ เพื่ออย่างน้อยจะพัฒนา และเรียนรู้เกมในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
ฉะนั้นการถูกปล่อยตัวไปให้ เดเฟนซา อี จัสติเซีย ยืมตัวไปใช้งานคือหนึ่งในการตัดสินใจอย่างถูกต้อง กับสโมสรแห่งนี้เจ้าตัวลงสนามไปมากถึง 32 นัด ทำไปได้ 1 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ พร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งในการคว้าแชมป์ โคปา ซูดาเมริกาน่า กับ เรโคปา ซูดาเมริกาน่า มาครองได้อย่างละ 1 สมัย พ่วงด้วยการติดทีมยอดเยี่ยมของรายการ โคปา ซูดาเมริกาน่า อีกด้วย
ซึ่งจากผลงานที่จับต้องได้ทำให้ มาร์เซโล กายาร์โด้ ดึงตัวกลับมาใช้งานเอง ก่อนกลายเป็นแข้งกำลังสำคัญของสโมสร โดยเฉพาะในฤดูกาล 2021-22 เอ็นโซ่ ถูกส่งลงสนามในทุกรายการไปมากถึง 28 เกม พร้อมกระทุ้งไป 10 ประตู พ่วงกับทำอีก 7 แอสซิสต์
ส่วนกับ ริเวอร์เพลท ความสำเร็จของเขาคือการซิวแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นแชมป์สั่งลาก็ได้ เพราะในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 เจ้าตัวได้โบกมือลาทีม เพื่อออกไปตามล่าหาประสบการณ์ในลีกในยุโรป เพื่อโอกาสที่เติบโตในเส้นทางที่มากกว่าเดิม
เบนฟิก้า
ซัมเมอร์ 2022 กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ เอ็นโซ่ ภายหลังพิสูจน์ตัวเองในระดับหนึ่งแล้วกับทีมในบ้านเกิด การได้โอกาสโยกย้ายมาค้าแข้งในยุโรปคงเป็นหนึ่งในความฝันต้นๆ ของเด็กจากอเมริกาใต้
ซึ่งค่าตัวของ เอ็นโซ่ จากรายงานระบุว่าอยู่ที่ราว 12 ล้านยูโร ที่ เบนฟิก้า ยอมทุ่มกับเด็กที่เพิ่งผ่านพ้นวัย 20 ปี มานิดเดียว ซึ่งเจ้าตัวเองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเงินที่ทีมลงทุนไปนั้นมันกำลังตอบแทนให้ครบค่าทุกสตางค์
เพียงแค่เกมแรกในการเปิดตัวในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือกที่พบกับ มิดทิลแลนด์ เจ้าตัวได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริง พร้อมการกระทุ้งประตูสุดสวยด้วยการลูกฮาล์ฟวอลเลย์จากนอกกรอบเขตโทษพาทีมถล่มคู่แข่งไปได้ 4-1
ส่วนผลงานของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ลงสนามไปแล้วทั้งหมด 24 เกมในทุกรายการซึ่งเป็นตัวจริงทุกเกม พร้อมจัดการซัดไป 3 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ กลายเป็นตัวเลือกแรกในแผงกองกลางแม้จะเพิ่งเข้ามาเพียงซีซั่นแรกก็ตาม
เส้นทางในทีมชาติ
เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เริ่มออกสตาร์ทกับทีมชาติอาร์เจนติน่าในชุดยู-20 ปี ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวเพิ่งมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ทว่าหลังจากนั้นชื่อของเขาก็หายไปจากสารบบไปนาน ก่อนกลับมาอีกทีคือโอกาสกับทีมชุดใหญ่เลย
เกมแรกกับทีมชุดใหญ่ เอ็นโซ่ ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เองกับ จาไมก้า โดยลงเป็นตัวสำรองแทนที่ของ กีโด้ โรดริเกซ ในช่วงนาทีที่ 56 ก่อนลากยาวมีชื่อติกทัพ "ฟ้า-ขาว" มาลุยศึกฟุตบอลโลก
ซึ่งกับในศึกฟุตบอลโลก 2022 นี้เจ้าตัวออกสตาร์ท 2 เกมแรกด้วยการเป็นเพียงตัวสำรอง ก่อนที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอที่จะก้าวขึ้นมายึดเป็นตัวจริง ว่าแล้ว สกาโลนี่ ก็จัดการมอบโอกาสลงเป็นตัวจริงมาแล้ว 4 เกมติดทั้งเกมดวล โปแลนด์, ออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์ และ โครเอเชีย กฃายเป็นหมากเด็ดในแดนกลางที่ลงตัวในตอนนี้
สไตล์การเล่น
ตำแหน่งของ เอ็นโซ่ ที่เจ้าตัวลงเล่นถือว่ายืดหยุ่นพอสมควน กับ เบนฟิก้า ซีซั่นนี้เด้กหนุ่มวัย 21 ปี ถูกจับลงไปแล้ว 3 ตำแหน่งในแผงกองกลางทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางคอยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า รวมไปถึงลงไปเล่นเป็นตัวตัดเกมแบบจ๋าๆ ซึ่งเป็นบทบาทที่ได้รับคำสั่งมากที่สุดแล้ว
ทั้งนี้เขาเองสามารถถูกดันขึ้นไปเล่นในบทบาทเพลย์เมคเกอร์ได้เช่นกัน ด้วยการทำประตูที่พอไว้ใจได้ รวมไปถึงคาดหวังการแอสซิสต์จากปลายสตั๊ดของเขา
แต่ถ้าจะถามหาจุดเด่นของเขาจริงๆ คงเป็นความอันตรายในการตัดเกม รวมไปถึงวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมในการจ่ายบอล พ่วงด้วยความแม่นยำในระดับสูง อีกทั้งการพาบอลโจมตีคู่แข่ง เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์เลยทีเดียวสำหรับกองกลางรายนี้
ที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตของวงการฟุตบอลอาร์เจนติน่า ซึ่งด้วยวัย 21 ปี ฝีเท้ายังคงพัฒนา และยกระดับไปได้ไกลกว่านี้อย่างแน่นอน
- Paolinho -