TOP 10 : 10 นักเตะผลงานโดดเด่นแห่งศึกฟุตบอลโลก 2022

เกิดเหตุการณ์มากมายตลอดทัวร์นาเมนต์ โมนเมนต์ต่างๆ ทั้งจากผู้ชนะ และผู้แพ้ หรือแฟนบอลข้างสนามที่เข้ามาสร้างสีสันเติมเต็มให้ฟุตบอลโลกในมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ส่วนที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องของผลงานเหล่านักเตะทั้ง แน่นอนนี่คือฟุตบอลโลกอีกหนึ่งครั้งที่เป็นเวทีแจ้งเกิดของนักเตะหลายๆ คนในการโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลายเป็นแข้งเนื้อหอมหลายทีมตามรุมจีบในตอนนี้

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราเลยจัดการเลือก 10 นักเตะผลงานสุดโดดเด่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้มาให้ทุกท่านได้รับชมกัน ซึ่งจะมาใครติดโผเข้ามาบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

โคดี้ กักโป (เนเธอร์แลนด์)

ประเดิมด้วยคนแรกกับหนึ่งในแข้งที่ได้รับความสนใจจากมากพอสมควรตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้นอย่าง โคดี้ กักโป ดาวยิงพลังหนุ่มจาก เนเธอร์แลนด์ ส่วนหนึ่งเพราะผลงานของเจ้าตัวกับ พีเอสวี ที่ร้อนแรงเกินห้ามใจเสียเหลือเกิน ซีซั่นนี้กระทุ้งไปแล้วถึง 13 ตุง ก่อนที่จะมาลุยศึกฟุตบอลโลกที่ กาตาร์

อีกอย่างคือเรื่องข่าวการย้ายทีมของเขาเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมายิ่งเป็นการเพิ่มระดับความน่าสนใจให้ตัวของเขามากขึ้นไปอีก ซึ่ง กักโป เองก็ไม่ทำให้ผิดหวังจัดการโชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมออกมาให้แฟนบอลได้ยลโฉมแบบเต็มๆ ตา

3 ประตู จาก 5 เกม ถือว่าเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว จนได้รับความสนใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ จุดเด่นคือทั้งเรื่องของร่างกาย แถมจบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาด มีความหลากหลายค่อนข้างสูง บอลกลางอากาศ หรือกับพื้นสามารถเล่นได้หมด

ซึ่งจบทัวร์นาเมนต์นี้บางที พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น อาจเป็นสโมสรที่เล็กเกินไปสำหรับเขาแล้ว พร้อมค่าตัวที่พุ่งทะยานไปมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

บรูโน่ แฟร์นานเดส (โปรตุเกส)

แม้ โปรตุเกส ในภารกิจครั้งนี้จะไปไม่ถึงฝั่งฝัน และต้องจอดป้ายเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ทว่าถ้าจะถามหาหนึ่งในนักเตะที่ผลงานส่วนตัวโดดเด่น และกลายเป็นจิ๊กซอว์ทีเด็ดในทัวร์นาเมนต์นี้คงต้องยกให้กับ บรูโน่ แฟร์นานเดส

ก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้นชื่อของ บรูโน่ อาจไม่ค่อยได้รับการพูดถึงเท่าไหร่นัก เพราะโฟกัสส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงทัพ "ฝอยทอง" คงเพ่งเล็งไปที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นส่วนใหญ่

ทว่ากับ บรูโน่ ในทัวร์นาเมนต์ถือว่าผลงานร้อนแรงเลยทีเดียว ทำไปได้ 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ พร้อมเป็นหัวใจของเกมรุกอย่างแท้จริง ทั้งคอยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า รวมไปถึงการมีส่วนร่วมกับประตูของทีม 

แน่นอนว่าผลงานของทีมออกมาอาจจะดูน่าผิดหวังไป แต่ถ้ามองไปที่ผลงานของแข้งรายนี้ต้องยอมรับเลยว่าโดดเด่นมากเหลือเกิน

โซฟียาน อัมราบัต (โมร็อกโก)

กองกลางที่แจ้งเกิดได้ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในบทบาทมิดฟิลด์ตัวตัดเกมที่คอยทำลายเกมรุกของคู่แข่ง ซึ่งผลงานของ อัมราบัต ต้องยอมรับว่าเป็นกองกลางที่ตัดเกมได้เป็นเบอร์ต้นๆ ของศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้

โดยตลอด 6 เกมในศึกฟุตบอลโลกคราวนี้แข้งวัย 26 ปี ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมด และยืนอยู่ในสนามครบทุกวินาที และอีกสถิติที่น่าสนใจคือเจ้าตัวถือครองสถิติวิ่งมากที่สุดของทีมด้วยระยะทาง 70.58 กม. ตลอดทัวร์นาเมนต์

ปัจจุบัน อัมราบัต ค้าแข้งอยู่กับ ฟิออเรนติน่า พร้อมเป็นตัวหลักของทีมในซีซั่นนี้ ทว่าแม้สัญญากับเซ็นกับทัพ "ม่วงมหากาฬ" ถึงปี 2024 แต่กับผลงานที่เจ้าตัวรังสรรค์ผลงานคอยตัดเกมจนพา โมร็อกโก เข้ารอบรองฯ แบบนี้ เชื่อได้เลยว่าขนมจีบมีขายแบบไม่เว้นวรรคอย่างแน่นอน

ยาสซีน บูนู (โมร็อกโก)

นายทวารทีมชาติโมร็อกโกในวัย 31 ปี ที่ยังคงไม่แก่จนเกินไปถ้าจะบอกว่าสามารถแจ้งเกิดได้อย่างยอดเยี่ยมในเวทีระดับโลกอย่างฟุตบอลโลก จากฟอร์มการเซฟจนพาทัพ "แอตลาส ไลออนส์" กรุยทางถึงรอบรองชนะเลิศ

ตลอดทัวร์นาเมนต์ บูนู เป็นนายทวารมือ 1 ของทีมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมด พร้อมเก็บไปได้ถึง 4 คลีนซีต ซึ่งเกมที่สร้างชื่อของเขาคงเป็นเกมที่เอาชนะ สเปน ทั้งลีลาการเซฟประตูในช่วง 120 นาที อีกทั้งเซฟจุดโทษพา โมร็อกโก ผ่านเข้ารอบต่อไป ถือว่าเป็นหนึ่งในหัวใจเกมรับที่ไว้ใจได้เลยทีเดียว

ปัจจุบัน ยาสซีน บูนู ค้าแข้งอยู่กับ เซบีย่า ในศึกลาลีกา สเปน ซึ่งเขาเองก็เป็นตัวเลือกแรกของทีมอยู่แล้ว แม้ผลงานอาจไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่การได้ขวัญกำลังใจจากศึกฟุตบอลโลกที่เซฟอุตลุดครั้งนี้น่าจะทำให้เขาเองกลับไปรับใช้สโมสรพร้อมได้รับการจับตามองที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็นแน่แท้

ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย)

กองกลางวัย 37 ปี ที่ผลงานในสนาม แถมเรื่องของร่างกายนึกว่าเด็ก 20 ต้นๆ อีกทั้งเรื่องของคลาสฟุตบอลของเขายังคงเฉิดฉายอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แม้อายุจะมากขึ้นก็ตาม

ว่ากันตามตรงด้วยวัยที่ใกล้เข้าหลักสี่เต็มที่เรื่องของสภาพร่างกายน่าจะส่งผลกระทบมากพอสมควร ยิ่งเป็นฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ที่ต้องลงสนามในทุกๆ 3-4 วัน แต่ทว่าเรื่องดังกล่าวดูเหมือนจะทำอะไร โมดริช ไม่ได้แม้แต่น้อย เขายังคงลงเล่นด้วยอัตราความยอดเยี่ยมระดับสูง

และกับ โครเอเชีย ที่ต้องเล่น 120 นาทีติดๆ กันถึง 2 เกม แถม โมดริช เองก็อยู่ในสนามแทบจะครบทุกนาที ทั้งเกมดวล ญี่ปุ่น ที่ยืนได้ถึง 99 นาที ก่อนควบเต็มๆ 120 นาทีนัดดวลกับ บราซิล ก่อนปิดฉาก 81 นาทีเกมพ่าย อาร์เจนติน่า

น่าเสียดายที่ทัพ "ตราหมากรุก" ไปไม่ถึงฝัน ต้องจอดป้ายเพียงรอบรองฯ และนี่คงเป็นฟุตบอลโลกขบวนสุดท้ายของ โมดริช เช่นเดียวกับนักเตะหลายๆ คน และอีกเรื่องที่เสียดายไม่ต่างกันคือเราไม่ได้เห็นการทำประตูของชายผู้นี้ในการสั่งลา เวิลด์ คัพ

อาชราฟ ฮาคิมี่ (โมร็อกโก)

แบ็คขวาที่ผลงานโดดเด่นที่สุดของศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ พร้อมตอกย้ำอีกครั้งว่าในพื้นที่ดังกล่าวอย่างน้อยๆ ท็อปทรีต้องมีชื่อของ ฮาคิมี่ เป็นตัวเลือกอย่างแน่นอน

ที่ผ่านมาฟูลแบ็ควัย 24 ปี ถือว่ามีมาตรฐานที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นในสีเสื้อของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หรือ เปแอสเช ในปัจจุบัน ซึ่งเขาเองยกระดับตัวเองพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของเกมรับที่มีความเหนียวแน่นใช้ความเร็วของตัวเองให้เกิดประโยชน์มากที่สุด รวมไปถึงเกมรุกที่ทำได้ดีไม่ต่างกัน

ด้วยวัยที่เพียง 24 ปี เราคงได้เห็น ฮาคิมี่ ในร่างที่ยอดเยี่ยมกว่านี้ได้อีกแน่นอน และคงไม่แปลกถ้าจะบอกว่าคืออนาคตที่ โมร็อกโก สามารถฝากความหวังไว้ได้อย่างน้อยๆ ก็อีก 6-7 ปี เลยทีเดียว

โอลิวิเยร์ ชิรูด์ (ฝรั่งเศส)

กองหน้าวัยเก๋าที่ยังคงไว้ลายความยอดเยี่ยม และความเฉียบไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ที่สำคัญสามารถพึ่งพาได้ทั้งเรื่องการทำประตู หรือพักบอลเปิดป้อนให้เพื่อนคอยเผด็จศึก

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อนที่ทัพ "ตราไก่" คว้าแชมป์โลกมาครองก็มี ชิรูด์ คนนี้แหละที่ยืนปักหลักอยู่แดนบน แม้จะไม่มีประตูตลอดทัวร์นาเมนต์ แต่เขาคือจิ๊กซอว์สุดสำคัญญ ในการพาทีมประสบความสำเร็จ

ส่วนในครั้งนี้ 4 ปีผ่านไป ความยอดเยี่ยมของเขาไม่ได้ลดน้อยลงเลย และยิ่งครั้งนี้กองหน้าตัวเป้าเหลือเพียงเขาคนเดียวที่มีประสบการณ์ในระดับสูง ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวังจัดการกระทุ้งไปถึง 4 ตุงด้วยกัน พร้อมกับโอกาสไล่ล่าถ้วยบอลทองคำเป็นครั้งที่ 2

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (อาร์เจนติน่า)

กองหน้าดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาเป็นจิ๊กซอว์สำคัญให้กับ อาร์เจนติน่า ในการกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ อีกทั้งยังประสานกับรุ่นพี่ในแผงเกมรุกได้ลงตัวเลยทีเดียว

ในช่วง 2 เกมแรก อัลวาเรซ เป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น ก่อนที่จะมาเจอจุดเปลี่ยนในเกมที่ดวลกับ โปแลนด์ ที่ได้รับโอกาสจาก ลิโอเนล กาโลนี เป็นตัวจริงก่อนจัดการทำไปได้ 1 ประตู ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมาเขากลายเป็นตัวเลือกแรกของทีมไปในทันที

นับจนถึงตอนนี้ อัลวาเรซ ซัดไปแล้ว 4 ประตูในศึกฟุตบอลโลกสมัยแรกของเขา และกำลังลุ้นแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ให้กับชาติบ้านเกิด ที่สำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องของความเฉียบขาด และความกล้าหาญที่เขาแสดงออกมา จนกลายเป็นกองหน้าตัวเลือกแรกของทีม พร้อมเล่นร่วมกับ เมสซี่ ได้อย่างยอดเยี่ยม

คีเลียน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)

เจ้าของรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งวันเวลาผ่านไปสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแข้งเบอร์ต้นของโลกลูกหนังได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมกำลังทำสถิติคว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน

ด้วยฝีเท้าของ เอ็มบัปเป้ ไม่มีใครกล้าปฎิเสธเลยว่าเขาคือนักเตะรุ่นใหม่ที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเขย่าวงการลูกหนังด้วยสถิติต่างๆ และการถล่มประตูที่โคตรดุเดือด แถมเรื่องของฝีเท้าก็เห็นแบบชัดๆ เลยว่าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 

และกับฟุตบอลโลกหนนี้ เอ็มบัปเป้ ร่ายผลงานฟอร์มเก่งตั้งแต่เกมแรก ภาพชินตาคือการที่ใช้สปีดอันรวดเร็วเล่นงานเกมรับฝั่งตรงข้าม ก่อนจบด้วยการยิงประตู 

นับจนถึงตอนนี้เขากระทุ้งไปแล้ว 5 ประตู กำลังลุ้นคว้ารางวัลดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ ซึ่งการเหลืออีก 1 เกมบางทีเขาอาจจะได้โอกาสเพิ่มสถิติการยิงประตูให้มากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้

ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า)

ปิดท้ายคงจะเป็นใครไม่ได้นั้นก็คือ ลูกพี่ใหญ่แห่งทัพ "ฟ้า-ขาว" อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งอย่างที่เราทราบกันว่านี่คือฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเจ้าตัว หลังมีการประกาศชัดออกมาแล้ว

ซึ่งถึงตรงนี้เหมือนกับบทละครที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ อาร์เจนติน่า ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ทั้งที่ออกสตาร์ทเกมแรกด้วยความพ่ายแพ้ต่อ ซาอุดิอาระเบีย ทว่าหลังจากนั้นทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับผลงานของ เมสซี่ จะเริ่มยกระดับตัวเอง พร้อมทำประตูสำคัญ และแอสซิสต์งามๆ ให้รุ่นน้อง

ตอนนี้ เมสซี่ ยังคงได้คั่วลุ้นดาวซัลโวกับ เอ็มบัปเป้ หลังซัดไปแล้ว 5 ประตูเท่านั้น ซึ่งถ้าทุกอย่างมันจะจบแอบแฮปปี้เอนดิ้งคือการที่เขาคว้าแชมป์ พ่วงด้วยรางวัลดาวซัลโว

ภาพทุกอย่างออกมาคงเป็นฉากจบที่สวยงามเกินกว่าจะบรรยายไหว ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามที่กล่าวมาหรือไม่ ฝรั่งเศส และ เอ็มบัปเป้ จะเป็นผู้ให้คำตอบทั้งหมดเอง

- Paolinho -