logo-heading

นับเป็นข่าวที่เศร้าสุดๆ ส่งท้ายปีแห่งวงการลูกหนังเมื่อโคตรตำนานที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลอย่าง "เปเล่" ต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบจากโรคมะเร็งร้ายในวัย 82 ปี

เพื่อเป็นการทิ้งท้ายและไว้อาลัยให้กับการจากไปของ "ราชาไข่มุกดำ" วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการสดุดีและพาทุกท่านไปยลโฉมความสุดยอดของบุคคลแห่งประวัติศาสตร์คนนี้กันครับ

แด่ราชาผู้จากไป ! สดุดีความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้ของ \"เปเล่\"

การจากไปของ "เอดซอน อรานเตส โด นาสซิเมนโต" หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ "เปเล่" ไม่ได้มีแค่ถ้อยคำลาหรือไว้อาลัยขอให้สู่สุคติไปสู่ภพภูมิที่ดี แต่สิ่งที่ตามมาควบคู่กันนั้นเต็มไปด้วยถ้วยคำเชิดชูสรรเสริญมากมายซึ่งนี่คือสิ่งที่ทุกคนทั่วทั้งโลกต่างรู้สึก, รับรู้และสามารถสัมผัสถึงมันได้เป็นอย่างดีไม่ใช่แค่เพียงบุคคลในวงการลูกหนังเท่านั้น

ถ้าจะพูดถึงความสุดยอดของผู้ชายคนนี้ที่ชื่อ "เปเล่" หากจะให้บรรยายจริงๆ แค่วันๆ เดียวอาจจะไม่ได้ทั้งหมด หลายๆ คนอาจจะโตมาและได้เห็น ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในยุคที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดและเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกจัดว่ายอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล โดยเฉพาะเรื่องของความสำเร็จและสถิติการพังประตูที่ถล่มทลาย แต่มันก็มีอีกหลายๆ สิ่งที่ 2 คนนี้ทำไม่ได้เหมือนกับ เปเล่

ทั้ง เมสซี่ และ โรนัลโด้ ต่างก็ซัลโวในระดับอาชีพไปแล้วเกินกว่า 800 ประตู แต่ก็ยังเทียบไม่ได้เมื่อวัดสถิติด้านนี้กับ เปเล่ ที่ซัดไปเกือบๆ 1,300 ประตูตามสถิติของ กินเนสส์ บุ๊ค เวิลด์ เรคอร์ด ถึงแท้ทาง ฟีฟ่า จะยืนยันว่าตัวเลขตรงนั้นมันคือ 757 มาตลอดก็ตาม

เรื่องของความสำเร็จ 37 โทรฟี่ตลอดเส้นทางอาชีพค้าแข้งกว่า 21 ปีถ้านับแค่รายการใหญ่ๆ อาจจะสู้ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ไม่ได้ แต่คุณรู้เปล่าว่านี่คือบุคคลเดียวบนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่คว้าแชมป์โลกได้ถึง 3 สมัยนั่นคือปี 1958, 1962 และ 1970

แด่ราชาผู้จากไป ! สดุดีความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้ของ \"เปเล่\"

สำหรับ เปเล่ แล้วถือเป็นคนที่เกิดมาเพื่อ "ฟุตบอล" อย่างแท้จริง เขาเริ่มหัดเล่นฟุตบอลไปพร้อมๆ กับช่วงที่หัดเดินหรือหัดวิ่งใหม่ๆโดยมีคุณครูและโค้ชคนแรกก็คือ "ดอนดินโญ่" หรือ "เจา รามอส โด นาสซิเมนโต" พ่อของเขาซึ่งมีดีกรีเป็นถึงนักฟุตบอลอาชีพที่สมัยนั้นอยู่กับ ฟลูมิเนนเซ่

แต่ถึงกระนั้นเส้นทางของ เปเล่ ก็ไม่ได้ดูได้เปรียบกว่านักฟุตบอลคนอื่นๆ เพราะเขาโตมาในเมืองที่ยากจนมากๆ อย่างเบารู ใน เซา เปาโล ลูกบอลสักลูกก็เป็นสิ่งที่หาซื้อได้ยากเพราะราคามันแพง โดยในช่วงเวลานั้นสิ่งที่้เขาทำได้ก็คือนำพวกผ้า, กระดาษหนังสือพิมพ์หรือถุงเท้ามามัดรวมๆ กันและมัดด้วยเชือกให้กลมเหมือนลูกฟุตบอลที่สุดก่อนจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโต

จากนั้นพอโตขึ้น เปเล่ ก็ได้โอกาสแสดงฝีเท้ากับทีมในระดับท้องถิ่นและในระดับเยาวชน และด้วยแวว, พรสวรรค์ สุดยอดสถิติต่างๆ ที่ดูเหนือมนุษย์ ที่ดูเก่งเกินกว่าเด็กทั่วๆ ไปจนกระทั่งวัย 15 ปีเขาก็ได้มาอยู่กับสโมสรชื่อดังใน บราซิล อย่าง ซานโต๊ส และเรื่องราวการสร้างตำนาน "ราชาแห่งโลกลูกหนัง" ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

ปี 1956 ในวัย 15 ปีเขาได้โอกาสเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ซานโต๊ส เป็นครั้งแรก ก่อนจะเริ่มสร้างผลงานที่น่ามหัศจรรย์ในปีต่อมาที่เล่นซัดไปกระจุยแตะหลัก 40 ประตูและก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิลในทันที และด้วยวิวัฒนาการอันยอดเยี่ยม, พรสวรรค์ในระดับสูง, ความสามารถรอบด้าน และความอัจฉริยะในการเล่นฟุตบอลที่เหนือชั้นและนั่นก็นำมาซึ่งการเป็นกำลังหลักของทัพ "แซมบ้า" ในศึก ฟุตบอลโลก ปี 1958

ชื่อเสียงของ เปเล่ ดังกระฉ่อนไปทั่ว ได้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ดาราระดับโลกจากการแจ้งเกิดในทัวร์นาเมนต์นั้น ทั้งๆ ที่อายุแค่ 17 ปีแต่กลับซัดไปถึง 6 ประตูซึ่งรวมถึงการทำแฮตทริกในรอบรองชนะเลิศที่เจอ ฝรั่งเศส ตลอดจนการกดอีก 2 ประตูในรอบชิงชนะเลิศที่ทุบเจ้าภาพ สวีเดน ไป 5-2 และนั่นก็เป็นบริบทสำคัญที่ทำให้ใครต่อใครต่างก็ตั้งฉายาให้กับเขาว่า "O Rei" หรือที่ภาษาอังกฤษแปลว่า "The King" 

ต่อมาถึง บราซิล จะป้องแชมป์เอาไว้ได้ใน ฟุตบอลโลก ปี 1962 แต่ เปเล่ อาจไม่ได้มีส่วนร่วมเท่าไหร่เพราะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน แต่ถึงกระนั้นก็ยังทำได้ 1 ประตูด้วยกัน ก่อนที่อีก 8 ปีต่อมาใน ฟุตบอลโลก 1970 ที่ เม็กซิโก ซึ่งเป็น ฟุตบอลโลก ครั้งสุดท้ายของ "ราชาไข่มุกดำ" และก็ปิดฉากมันได้อย่างสวยหรูด้วยกันพังไป 4 ประตูซึ่งรวมไปถึง 1 ประตูในนัดชิงชนะเลิศที่ชนะ อิตาลี 4-1 อีกด้วย

แด่ราชาผู้จากไป ! สดุดีความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้ของ \"เปเล่\"

มีภาพประทับใจมากมายเกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์ที่ เม็กซิโก โดยเฉพาะภาพที่ เปเล่ สวมกอดกับ บ็อบบี้ มัวร์ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีรอยยิ้มและสีหน้าที่จริงใจต่อกันช่วงหลังจบเกม รูปนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วทั้งโลกและอยู่ในความทรงจำที่ไม่มีวันลืมโดยเป็นสื่อถึง "การให้ความเคารพซึ่งกันและกันไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม" 

เขาไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร ไม่เคยบาดหมางกับใคร แถมยังให้เกียรติและให้ความเคารพกับทุกๆ คนไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง และนั่นก็เป็นเหตุผลและเป็นเครื่องที่ยืนยันให้ทุกคนได้เห็นว่าทำไม "ผู้ชายที่ชื่อ เปเล่ คนนี้ถึงเป็นที่รักของผู้คนทั่วทั้งโลก" 

ตลอดจนรูปที่เขาถูกเพื่อนร่วมทีมและเหล่าบรรดาแฟนบอลแบกขึ้นหลังตอนฉลองแชมป์นั่นก็ถือเป็นภาพที่ถูกจารึกอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์และความทรงจำของโลกลูกหนังเช่นกัน เพราะนั่นคือการสรรเสริญและเชิดชูผู้เล่นที่เป็นฮีโร่ของชาติ และเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของโลกฟุตบอลอย่างแท้จริง

ความสุดยอดของ "ราชาไข่มุกดำ" คนนี้ไม่ได้มีแค่ในสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่หลังจากยุติเส้นทางอาชีพค้าแข้งไปในปี 1971 หลังฝากโปรไฟล์เอาไว้กับ ซานโต๊ส และ นิวยอร์ค คอสมอส ที่รวมกัน 1,300 กว่านัด กับ ทีมชาติบราซิล อีก 92 นัดซึ่งซัดไป 77 ประตู เขาก็ได้ก้าวสู่เส้นทางการเมืองกับบทบาท รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาของ บราซิล พร้อมกับสร้างแคมเปญและรณรงค์ให้ความช่วยเหลือกับเด็กที่ด้อยโอกาสได้สานฝันของตัวเองโดยใช้กีฬาเป็นตัวสร้างชีวิต เพราะเขาไม่อยากเห็นเด็กๆ ในบราซิลต้องโตมาและเจอกับชีวิตที่ยากลำบากแบบเขา

จากเด็กตัวเล็กๆ ที่ยากจน ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรเลย ต้องผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากมามากจนเติบใหญ่ก้าวขึ้นไปเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์ของ บราซิล และวงการกีฬาโลก ได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลอย่างที่หาใครเทียบไม่ได้ คำว่า "ราชาแห่งโลกลูกหนัง" คงไม่มีใครที่เหมาะสมไปกว่าโคตรตำนานอย่าง "เปเล่" แล้วจริงๆ 

แด่ราชาผู้จากไป ! สดุดีความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้ของ \"เปเล่\"

นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ถึงเวลาจะผ่านไปราวๆ 70 ปี แต่ผู้คน, แฟนบอล และรวมไปตำนานนักเตะหรือนักเตะยุคปัจจุบันไม่ว่าใครต่างก็เห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่า "สำหรับ เปเล่ แล้ว นี่คือนักเตะที่ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของจริง" และช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขาก็ทำให้นักฟุตบอลรุ่นหลังๆ ทุกยุคทุกสมัยล้วนแล้วต่างก็ยกให้เป็นแบบอย่างกันทั้งนั้น

การจากไปของ เปเล่ ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอล ทว่าถึงตัวจะจากไปแต่ประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่ถูกจารึกไว้จะอยู่ในความทรงจำของผู้คนไปตลอดกาลเหมือนเป็นมรดกตกทอดและเรื่องราวทั้งหมดของเขาก็จะเป็นแรงบันดาลสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป . . . แด่ "เดอะ คิง" ผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของวงการฟุตบอล

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline