หลายครอบครัวที่พ่อบังเกิดเกล้ามีผลงานในสนามอย่างโดดเด่นก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการลูกหนัง ทว่ากับลูกๆ ของเขาอาจเดินไปคนละทาง หรือแยกเส้นทางไปอีกสาขาวิชาชีพ
ทว่าก็มีไม่น้อยที่ลูกกำลังโชว์ให้เห็นว่าสามารถมีฝีเท้าที่เทียบเท่า หรืออาจไปได้ไกลกว่าผู้ให้กำเนิด
ที่พอพูดชื่อ และนึกออกเลยในยุคปัจจุบันก็อย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่กลายเป็นดาวรุ่งเบอร์ต้นของวงการ และกำลังเข้าสู่ยุคของเขาแบบเต็มตัว
ซึ่งกับครอบครัว เบ็คแฮม ที่คุณพ่ออย่าง เดวิด แฟนบอลทราบกันดีว่าทั้งคุณภาพฝีเท้า ความเป็นซูเปอร์สตาร์ และทรงอิทธิพลต่อวงการลูกหนังมากขนาดไหน แน่นอนว่าเหล่าลูกๆ ของเขาย่อมได้รับความจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมาสืบสานตำนานต่อจากคุณพ่อได้หรือไม่
ย้อนกลับไป เดวิด เบ็คแฮม เหมือนเป็นหนึ่งในไอคอนของวงการฟุตบอล ที่ชักชวนใครหลายคนให้เข้ามาติดตามเกมลูกหนัง และติดตามผลงานของเขานับตั้งแต่สวมเครื่องแบบ แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ไปจนถึง เรอัล มาดริด หรือการย้ายไปเปิดตลาดในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ กับ แอลเอ กาแล็กซี่ เขาก็ยังคงได้รับการจับตามองอย่างต่อเนื่อง
อย่างที่กล่าวไปทุกย่างก้าวของ เบ็คแฮม อยู่ภายใต้แสงสปอร์ตไลท์ตลอดเวลา ทั้งเรื่องนอกสนามแฟชั่นในแขนงต่างๆ เสื้อผ้า, รองเท้า หรือทรงผม ถูกหยิบยกเรื่องราวมาพูดกันสนั่นเมือง
จนกระทั่งถึงวันที่เจ้าตัวประกาศแขวนสตั๊ด ทั้งสื่อ และแฟนบอลก็เริ่มจับต้องไปที่เหล่าลูกๆ ของเขามากขึ้นว่ามีใครบ้างพอที่จะเติบโตขึ้นมาในสายงานลูกหนัง และเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนคุณพ่อ
ครอบครัวของ เดวิด กับ วิตอเรีย มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 4 คน ซึ่งแบ่งเป็นผู้ชาย 3 และ ผู้หญิง 1 คน คนโตอย่าง บรู๊คลิน เบ็คแฮม กลายเป็นนายแบบชื่อดังของอังกฤษ มีหน้ามีตาวงในวงการบันเทิง ซึ่งจะว่าไปห่างไกลจากเกมลูกหนังมากเหลือเกิน แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวเดินที่สวยงามของตัวเขา
ส่วนลูกชายคนเล็กอย่าง ครูซ เบ็คแฮม ปัจจุบันอายุ 18 ปี ก็มุ่งหน้าสู่วงการเพลง ตามแนวทางของตัวเอง ฉะนั้นแล้วลูกชายคนกลางอย่าง โรเมโอ คือคนที่ใกล้เคียงมากที่สุด และก็กำลังเริ่มต้นเส้นทางลูกหนัง พัฒนาฝีเท้าอยู่ในตอนนี้
ย้อนไปในวันเด็ก โรเมโอ เคยเข้าไปเป็นเด็กในอคาเดมี่ของ อาร์เซน่อล มาก่อน ทว่าหลังจากนั้นก็ห่างหายจากการเล่นฟุตบอลไปถึง 5 ปีเต็มๆ ก่อนที่ เดวิด ผู้พ่อจะออกมาประกาศว่าลูกชายคนกลางจะกลับมาสวมสตั๊ดลงเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ซึ่งจะเซ็นสัญญากับ อินเตอร์ ไมอามี่ ทีมของคุณพ่อเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา
"ผมภูมิใจมาก และมีความสุขมากที่ได้มาที่นี่ มันเป็นฤดูกาลที่สนุก (ในสหรัฐ) ผมตื่นเต้นที่ได้มาที่นี่และดูว่าฉันจะทำอะไรได้บ้าง ผมมาที่นี่ตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อรักษาร่างกายในช่วงปิดฤดูกาล ผมไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน" คำสัมภาษณ์ของ โรเมโอ เมื่อครั้งเซ็นสัญญาร่วมทัพ ไมอามี่
โดยผลงานของ โรเมโอ ลงสนามกับทีม อินเตอร์ ไมอามี่ 2 ไปทั้งหมด 26 นัดซัด 2 ประตู พ่วงกับอีก 10 แอสซิสต์ ซึ่งตำแหน่งถนัดของเขาคือการลงเล่นเป็นตัวรุกทางฝั่งขวา แต่ก็สามารถขยับเข้าไปยืนเป็นเพลย์เมคเกอร์ได้
ซึ่งถ้าดูจากสถิติตัวเลขต่างๆ ต้องบอกเลยสอบผ่านเลยทีเดียว แม้จะทำประตูน้อยไปหน่อย แต่ก็มีจำนวนแอสซิสต์มาทดแทน อีกทั้งยังได้รับโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ
จนกระทั่งข่าวล่าสุด โรเมโอ ได้ย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษกับ เบรนท์ฟอร์ด ทีมสำรอง จากรายงานระบุว่าแข้งวัย 20 ปี จะฝึกซ้อมร่วมกับทีมสำรอง และลงสนามช่วยทีมไปกระทั่งจบฤดูกาล
แม้การย้ายทีมครั้งนี้จะไม่ใช่กับทีมชุดใหญ่ ทว่ามันก็เหมือนเป็นอีกขั้นของประสบการณ์ลูกหนังที่ได้มาเจอบรรยากาศใหม่ๆ และสิ่งแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิม อีกทั้งศาสตร์ลูกหนัง รวมไปถึงความเข้มข้นที่อาจแตกต่างจากไปจากที่เคยสัมผัสในแคมป์ อินเตอร์ ไมอามี่
แน่นอนว่าการย้ายมาแบบยืมตัวครั้งนี้มันสามารถต่อยอดได้ในอนาคต ถ้าซ้อมดี ผลงานในสนามเข้าตา ก็ลุ้นเซ็นสัญญาถาวรกับทีมได้ในอนาคต แม้ยังคงมีพันธะกับ อินเตอร์ ไมอามี่ จริง แต่คงไม่ใช่เรื่องยากในการโยกย้ายเพื่ออนาคต และลุ้นลงสนามในพรีเมียร์ลีกตามรอยของคุณพ่อ
"เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับ โรมิโอ เขามาหาเราจาก อินเตอร์ ไมอามี่ โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมงานกับเราในช่วงปิดฤดูกาล เขาถูกดึงดูดเข้าสู่วัฒนธรรม และกลุ่มที่เขากลายเป็นส่วนสำคัญ"
"ผมชอบมาตรฐานของเขา และวิธีที่เขาประพฤติตนทั้งในและนอกสนาม" คำสัมภาษณ์ของ นีล แม็คฟาร์เลน ต่อการมาเป็นสมาชิกของ เบรนท์ฟอร์ด
จากนี้เราต้องมาคอยติดตามกันว่าก้าวเดินในครั้งนี้ของ โรเมโอ เบ็คแฮม จะสวยงามมากขนาดไหน และจะพิสูจน์ตัวเองพร้อมก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพลงเล่นบนลีกสูงสุดในบ้านเกิดได้หรือไม่
ย้อนไปวลีที่ว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นไม้” บางที โรเมโอ อาจเป็นความหวัง และเจริญรอยตาม เดวิด คุณพ่อที่เป็นตำนานของวงการลูกหนังก็เป็นได้
- Paolinho -