logo-heading

10. ดาร์วิน นูนเญซ : 80 ล้านยูโร

ลิเวอร์พูล จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวคว้าตัวกองหน้าทีมชาติ อุรุกวัย จาก เบนฟิก้า มาร่วมทัพ ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา แข้งวัย 23 ปี ลงสนามไปแล้ว 23 เกมรวมทุกรายการ ทำได้ 10 ประตู 

แม้ตัวเลขจะไม่ถึงกับขี้เหร่ แต่ด้วยราคาต้องยอมรับว่า นูนเญซ ยังทำผลงานได้ไม่ถึงที่คาดหวัง พร้อมกับยังมีจังหวะผิดพลาดให้เห็นกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะจังหวะจบสกอร์ แต่อย่างน้อย ๆ เราก็ได้เห็นจุดเก่งที่เด่นชัดของเขา ทั้งเรื่องความเร็วและการหาช่อง ถือว่ายังมีเพดานศักยภาพที่พัฒนาได้อีกเยอะ

เพราะฉะนั้นแม้ฤดูกาลแรกจะไม่เปรี้ยง แต่พอจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีอายุสัญญาถึงปี 2028 ดังนั้นถือว่ายังเร็วไปที่จะตัดสินความคุ้มค่าของ นูนเญซ ต่อ ลิเวอร์พูล ครับ

9. เวสลี่ย์ โฟฟาน่า : 80.40 ล้านยูโร

เชลซี ก็พึ่งคว้าตัวปราการหลังรายนี้มาจาก เลสเตอร์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แข้งวัย 22 ปีดูมีคุณสมบัติกองหลังสมัยใหม่ ทั้งสกิลเรื่องการเซ็ตเกม และการเล่นเกมรับ

แต่ทว่า โฟฟาน่า พึ่งได้โชว์ของกับ สิงห์บลูส์ ไปเพียง 6 นัด ก็ต้องมาพบกับอาการบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นเช่นเดียวกับดีล นูนเญซ ครับ ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิ้นความคุ้มค่าของ โฟฟาน่า อย่างน้อย ๆ คงรอดูไปถึงฤดูกาลหน้า หรืออีก 2 ซีซั่นถัดไปเลยครับ

8. เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 84.65 ล้านยูโร

ย้อนไปตอน ลิเวอร์พูล ซื้อเขามาเมื่อตลาดหน้าหนาวปี 2018 มีคนบางส่วนมองว่ากองหลังชาวดัตช์มีค่าตัวที่แพงเกินไป หรือแม้แต่แฟน ลิเวอร์พูล บางส่วน ก็ยังคิดแบบนั้น แต่ บิ๊กเวิร์จ กลับสร้างอิมแพคท์ให้กับ หงส์แดง ได้ทันที

6 เดือนหลังการเข้ามาเขาพาทีมเข้าชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก และสามารถคว้ามันมาได้สำเร็จในฤดูกาลถัดไป และแน่นอนเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดที่พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 30 ปี

ฟาน ไดค์ เคยก้าวไปถึงขั้นกองหลังที่ดีที่สุดในโลกมาแล้ว เขาเกินกว่าคำว่าคุ้มค่ามาไกล เรียกว่าคงเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดในประวัติสโมสรอาจเป็นได้ แต่ที่แน่ ๆ คือเขาเป็นแค่หนึ่งเดียวใน 10 อันดับนักเตะแพงสุดตลอดกาล พรีเมียร์ลีก ที่เราสามารถพูดว่าคุ้มค่าครับ คือโคตรคุ้ม

7. โรเมลู ลูกากู : 84.70 ล้านยูโร

ตัวเลขดังกล่าวคือจำนวนเงินที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายเพื่อซื้อเขามาในซัมเมอร์ 2017 หลังหัวหอกเบลเยี่ยมสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ เอฟเวอร์ตัน

แต่ทว่าพอมาอยู่ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด กลับเหมือนเป็นคนละคน บิ๊กตู้ มีฟอร์มขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่เสมอ ผลงานอาจไม่ถึงขั้นขี้เหร่ 96 นัดรวมทุกรายการ ทำได้ 42 ประตู แต่ก็ยังไม่ถึงกับที่คาดหวัง และไม่ได้ถึงกับคุ้มค่าตัวแน่

แต่อย่างน้อย ๆ แมนยู ก็ยังสามารถขายพี่แกออกไปพอได้ราคา โดยส่งไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัว 74 ล้านยูโร และที่นั่น ลูกากู ก็สามารถกลับมาฉายแสงได้อีกครั้ง

6. จาดอน ซานโช่ : 85 ล้านยูโร

กว่าที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้ชายคนนี้มาครอง เสมือนเป็นมหากาพย์ พวกเขาต้องพยายามอยู่เป็นปี ๆ และก็ทำสำเร็จในซัมเมอร์ 2021

ซานโช่ เข้ามาด้วยการถูกมองว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย สู่การกลับมาลุ้นสักแชมป์ของ ปีศาจแดง แต่เจ้าตัวกลับมีผลงานที่น่าผิดหวังในฤดูกาลแรกจนน่าใจหาย เขาเหมือนเป็นคนละคนกับตอนอยู่ ดอร์ทมุนด์ ที่เล่นสร้างประตูและแอสซิสต์เป็นว่าเล่น

ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ซานโช่ สนามให้ ยูไนเต็ด มาแล้ว 52 นัด ทำได้ 8 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ เขาเคยมีช่วงที่ดีกับทีม แต่ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ ต้องรอดูว่าหลังกลับมา เขาจะสามารถกลับมาเก่งอีกครั้งได้หรือไม่

แน่นอนถ้าวัดจากผลงาน ณ ปัจจุบันของเจ้าตัวยังถือว่าไม่คุ้มค่าตัว แต่หลายคนอาจจะลืมไปว่า ซานโช่ พึ่งมีอายุเพียง 22 ปี และยังมีสัญญาถึงปี 2026 เขายังมีเวลาที่จะกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกในอนาคต

5. แฮร์รี่ แม็คไกวร์ : 87 ล้านยูโร

ตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการเซ็นเตอร์เป็นอย่างมาก แต่ต้องยอมรับว่าดีลนี้ดูจะเป็น ‘panic buy’ หรือดีลการซื้อที่ตื่นตะหนกไปหน่อย จนถูก เลสเตอร์ โก่งค่าตัวได้พอสมควร

ในช่วงซัมเมอร์ 2019 แม็คไกวร์ ถูกตีมูลค่าไว้ที่ 50 ล้านยูโร แต่ แมนยู กลับได้เขามาด้วยเงินที่มากกว่านั้นอีกเกือบ 40 ล้าน แต่อย่างน้อย ๆ เลย กองหลังจอมคอนเทนต์ ก็เข้ามาเป็นตัวหลักตลอด 3 ฤดูกาลแรกกับสโมสร

เคยมีช่วงที่ดี ช่วงที่แบก ถึงขนาดใกล้เคียงติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปี PFA แต่ทว่าพอฟอร์มแย่ก็แย่อย่างน่าใจหาย และปัจจุบันยิ่งเล่นกับ แมนยู ยิ่งดูดร็อปลง ๆ จนมีข่าวเรื่องจะย้ายทีมอยู่เรื่อย ๆ

เพราะฉะนั้นด้วยราคาระดับกองหลังที่แพงที่สุดในโลก ต้องยอมรับว่าดีลนี้ไม่คุ้มค่าตัวครับ

4. อันโตนี่ : 95 ล้านยูโร

ปีศาจแดง คว้าเขามาจาก อาแจ็กซ์ ในวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ 2022 ถือเป็นดีลวันเดดไลน์ที่แพงที่สุดตลอดกาล 

และ อันโตนี่ ก็เปิดตัวช่วงแรกกับ ยูไนเต็ด ได้อย่างหวือหวา ยิงประตูได้ตลอด 3 แรกใน พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นเขาดูจะดร็อปลงไปบ้าง แต่ 18 นัด 6 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่

แต่นอนด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง เขายังต้องพิสูจน์อะไรอีกเยอะ พร้อมกับการที่เจ้าตัวพึ่งเล่นไปไม่ถึง 20 เกม ฉะนั้นเช่นเดียวกับเคส นูนเญซ กับ โฟฟาน่า ครับ คงต้องให้เวลาอีกพอสมควร กว่าจะตัดสินเรื่องความคุ้มค่าของค่าตัว อันโตนี่ ที่ แมนยู ซื้อมา

3. ปอล ป็อกบา : 105 ล้านยูโร

เป็นดีลที่โคตรตื่นเต้น โคตรบิ๊กดีลในตอนนั้น เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกแล้ว! นี่ก็ 5 อันดับติดแล้ว คว้าตัวมิดฟิลด์เลือดฝรั่งเศสกลับมาค้าแข้งในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยสถิติสโมสร และสถิติ พรีเมียร์ลีก ในตอนนั้น ซัมเมอร์ 2016

แต่ พี่ป็อก กลับสร้างความรำคาญใจให้กับ ปีศาจแดง ด้วยฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอ ครั้งเมื่อเขาฟิตเขาตั้งใจ ก็แบกเกมรับ แมนยู ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะตลอดเวลาที่อยู่กับ ผี เขาก็แสดงความเป็นเวิลด์คลาสตลอด แต่จะเป็นกับตอนไปเล่นให้ทีมชาติ ฝรั่งเศส นะ

แต่ช่วง 3 ฤดูกาลหลังยิ่งแย่ เริ่มหนักข้อ เขาเริ่มมีอาการบาดเจ็บ และยังไม่รวมถึงทัศนคติที่ดูเป็นไวรัสต่อทีมในบางมุม แถมท้ายที่สุดเจ้าตัวกลับรอจนหมดสัญญา และย้ายกลับไปซบ ยูเวนตุส แบบฟรี ๆ เฉยเลย แน่นอนดีลนี้แม้นักเตะจะดูรู้ว่าเก่ง แต่มองยังไงคำตอบก็ต้องบอกว่าไม่คุ้มครับ

2. โรเมลู ลูกากู : 113 ล้านยูโร

เป็นเพียงคนเดียวที่ติดโผถึง 2 อันดับ โดยครั้งนี้เกิดขึ้นในซัมเมอร์ 2021 เมื่อ เชลซี ควักเงินสถิติสโมสร คว้าตัว บิ๊กตู้ กลับมาร่วมทีม หลังจากนักเตะไปสร้างฟอร์มดีกับ อินเตอร์ ถึงขั้นระดับกองหน้าเวิลด์คลาส

และ ลูกากู ก็เปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยมนะ 3 นัดแรกใน พรีเมียร์ลีก เขาซัดไป 3 ประตู จนหลายคนคิดว่าเจ้าตัวเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วจริง ๆ แต่ใช่ครับมันกลับไม่ใช่แบบนั้น ลูกากู กลายมามีฟอร์มแย่ แถมยังงอแงขอย้ายทีม จนได้ออกไปยืมตัวกับ อินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลปัจจุบัน 

ซึ่งหากนับผลงาน นับตั้งแต่ เชลซี จ่ายเงิน 113 ล้านยูโรคว้าเขากลับมา เท่ากับว่า บิ๊กตู้ ทำไปได้ 15 ประตู จาก 44 นัด ถือว่าน่าผิดหวังสุด ๆ สำหรับค่าตัว และอายุอานามที่ปัจจุบันจะเข้าปีที่ 30 แล้ว ยังไม่เห็นแววที่จะกลับมาเปรี้ยงได้ แต่มีแววสูงเลยล่ะครับ ที่ดีลนี้จะเป็นดีลที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก

1. แจ็ค กรีลิช : 117.5 ล้านยูโร

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมควักเงินระดับสถิติตลอดกาล พรีเมียร์ลีก คว้าแนวรุก เดอะ แบก จาก แอสตัน วิลล่า มาร่วมทัพเมื่อซัมเมอร์ 2021

แต่ในฤดูกาลแรก กรีลิช กลับสร้างผลงานส่วนตัวได้อย่างน่าผิดหวัง ได้ลง 26 นัดในพรีเมียร์ลีก ทำได้เพียง 3 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ และยังเล่นได้ไม่เข้ากับเพื่อน ๆ ใน ซิตี้ เท่าไหร่นัก

แต่ก็อย่างที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยบอก ว่าการเล่นของ กรีลิช ไม่สามารถวัดด้วยผลงานส่วนตัวอย่างเดียว และอย่างน้อย ๆ ในฤดูกาลนี้ เจ้าตัวก็เริ่มมีฟอร์มที่ดีขึ้น เริ่มมีเกมที่ดี ซีซั่นปัจจุบัน เล่นเกมลีกไป 11 นัด ทำได้ 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์

ซึ่งหากจะให้ประเมินก็คงจะเคสเดียวกับ ซานโช่ ครับ ว่าถ้าวัดผลงานจนถึงปัจจุบันอาจยังไม่ถือว่าคุ้มค่าตัวระดับสถิติตลอดกาล พรีเมียร์ลีก แต่ด้วยฟอร์มที่ไม่ขี้เหร่ ก็ยังถือว่ามีเวลาให้เจ้าตัวได้พิสูจน์ผลงานอีกในอนาคตครับ


และนี่คือการประเมินความคุ้ม ของ 10 อันดับการซื้อตัวที่แพงสุดของ พรีเมียร์ลีก โดยเรา ขอบสนาม ซึ่งหากจะให้สรุปง่าย ๆ ท้ายนี้ คนที่ไม่คุ้มจะมี แม็คไกวร์, ป็อกบา และ ลูกากู ทั้งสองรอบ ส่วน ซานโช่ กับ กรีลิช ถือว่ายังพอมีโอกาสให้พิสูจน์ตัวเอง 

ส่วนพวกตัวใหม่ ๆ อย่าง นูนเญซ, โฟฟาน่า, อันโตนี่ ยังเร็วไปที่จะตัดสิน และดีลที่คุ้มค่ามีเพียงแค่ดีลเดียวเท่านั้น ก็คือการซื้อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ของ ลิเวอร์พูล ครับ.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline