logo-heading

ซึ่งในเกมดังกล่าวถือว่าทุกอย่างออกมาตามที่แฟนบอลได้คาดการณ์เอาไว้ทัพ "ปีศาจแดง" ครองเกมได้มากกว่า และความเฉียบขาดที่ยอดเยี่ยมก็ช่วยให้กรุยทางเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

ว่าแล้วตลอด 90 นาที มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้าง ขอบสนาม ของเราได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว

เทน ฮาก ปรับเปลี่ยนทีม

เริ่มต้นกันที่การจัดทัพของทางฝั่งทัพ "ปีศาจแดง" กันก่อน เกมนี้ เอริค เทน ฮาก จัดการเปลี่ยนชุด 11 ตัวจริงหลายตำแหน่งพอสมควร ต่างจากที่ผ่านมาที่มักใส่ชุดหนักจัดเต็มมาตลอด

ตำแหน่งนายทวารเกมนี้หันมาใช้งาน ทอม ฮีตัน นายด่านตัวสำรองมือ 3 ในการลงเฝ้าเสา เกมรับปรับมาใช้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนจับคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ส่วนแดนกลางเป็นการกลับมาประสานร่วมกันอีกครั้งในรอบหลายเกมระหว่างคู่หู  เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ 

เกมรุกด้านบนต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เนื่องจาก เทน ฮาก เลือกที่จะให้โอกาสกับ คอบบี้ เมโน่ เด็กดาวรุ่งวัย 17 ปี ในการประสานงานร่วมกับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ อันโตนี ส่วนตำแหน่งหน้าเป้าเป็นหน้าที่ของ แอนโธนี อีลังก้า

รูปเกมเป็นของเจ้าถิ่น

เรื่องของรูปเกมก็ตามที่คาดการณ์กันเอาไว้ด้วยระดับฝีเท้าที่ห่างชั้นกันพอสมควรก็เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ครองบอลได้มากกว่า และหาโอกาสทำประตูได้ชัดเจนมากกว่า จนกระทั่งมาได้ประตูขึ้นนำจากลูกเอียงตัวก่อนปั่นโค้งๆ ด้วยอีซ้าย ของ อันโตนี นาทีที่ 21 ต้องบอกว่าเป็นลูกเก่งของพี่แกจริงๆ แถมสุดสวยมากเหลือเกิน

ซึ่งหลังออกนำไปแล้วก็ยังคงเป็น ยูไนเต็ด ที่ครอบครองทุกอย่างเอาไว้ได้ ทว่ายังไม่อาจบวกประตูที่สองได้เท่านั้นเอง 

แน่นอนว่าการออกนำเพียงประตูเดียวมันยังไม่อาจการันตีความปลอดภัยได้ เพราะขืนผู้มาเยือนมีลูกผีจับยัดจะหงายหลังเอาได้ง่ายๆ

เมื่อสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยนัก ว่าแล้ว เทน ฮาก ก็ทยอยเปลี่ยนเหล่าตัวจริงทั้งหลายลงมาไม่ว่าจะเป็น กาเซมิโร่, มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือ คริสเตียน อิริคเซ่น 

ก่อนจะมาปิดกล่องเอาได้ในช่วงนาทีสุดท้าย และเป็นการเบิ้ลซัดสองประตูของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงเวลาที่ห่างกันเพียง 4 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจแบบสุดขีด

แรชฟอร์ด กำลังพีค !

หลังเสร็จภารกิจในศึกฟุตบอลบอลต้องบอกว่าผลงานของ มาร์คัส แรชฟอร์ด พุ่งทะยานมากเหลือเกิน ทำประตูเป็นว่าเล่น นับจนถึงตอนนี้ 6 นัดหลังสุดเจ้าตัวกระทุ้งไปแล้วมากถึง 7 ประตู จาก 6 เกมหลังสุด เรียกได้ว่ามีส่วนร่วมกับประตูในทุกเกมไม่จัดการเอง ก็แอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีม

อีกอย่างสถิติที่น่าสนใจคือเจ้าตัวทำประตูในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ติดต่อกันมาแล้ว 7 นัด ก่อนเผชิญหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงสัปดาห์หน้า

กลายเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของ แรชฟอร์ด ไปแล้ว ด้วยความมั่นใจที่มีเพิ่มมากขึ้น ความเฉียบขาดที่ได้รับการแก้ไข ปิดจุดอ่อนที่เคยเป็นคนพลาดง่ายๆ ในจังหวะสุดท้ายที่ปิดบัญชี ตอนนี้ภาพจำเหล่านั้นได้ถูกลบไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

ซีซั่นนี้ แรชฟอร์ด ลงสนามให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในทุกรายการไปแล้วทั้งหมด 25 นัด ซัดไป 15 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าฤดูกาลก่อนหลายเท่าตัว ส่วนฤดูกาลที่ผลงานของ ดร.แรชซี่ ดีที่สุดกับ ยูไนเต็ด คงเกิดขึ้นเมื่อซีซั่น 2019-20 ที่กระหน่ำไปได้มากถึง 22 ตุง

ทว่ากับตัวเลข ณ ปัจจุบัน กับสถิติในอดีตมันมีโอกาสมากเหลือเกินที่เจ้าตัวจะทำสถิติใหม่ให้กับตัวเอง ด้วยผลงานที่กำลังร้อนแรงเกินห้ามแบบนี้ น่าสนใจว่าเจ้าตัวจะจบฤดูกาลด้วยการที่ยอดทำประตูไปหยุดอยู่ที่เท่าไหร่

แมนยูฯ ชนะต่อเนื่อง

ทัพ "ปีศาจแดง" ภายใต้การบริหารงานของ เอริค เทน ฮาก กำลังมีทิศทางที่สวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผลงานในช่วงหลังจบศึกฟุตบอลโลกเป็นต้นมาด้วยการกวาดชัยชนะได้รวด ทั้ง 6 เกม ด้วยระยะเวลาที่ห่างกันเพียง 20 วันเท่านั้น 

แบ่งเป็นชนะในเกมลีก 3 นัด บอลถ้วยอีก 3 เกม กระหน่ำทำไปได้มากถึง 15 ประตู และเสียเพียงประตูเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่ามีความลงตัวทั้งเกมรับ และเกมรุกที่กำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจสุดขีด เปลี่ยนสลับใครมาใช้งานสามารถทดแทน และไว้ได้แทบทั้งนั้น

ทว่าหลังจากนี้จะเป็นหนึ่งในบททดสอบสำคัญ และบทพิสูจน์ในตัวของลูกทีมทุกคน เนื่องจากต้องเปิดบ้านต้อนรับแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันเสาร์นี้ ก่อนยกพลบุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ และต่อด้วยดวลกับจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล 

เรียกได้ว่าเป็น 3 เกมหฤโหดของพวกเขามากพอสมควร ซึ่งถ้าสมมุติสามารถผ่านไปได้ และเก็บผลการแข่งขันที่ดีได้ทั้งหมด พวกเขาน่าจะยืนระยะได้แบบยาวๆ 

อย่างไรก็ตามต้องมาคอยตามดูกันว่าช่วง 7 วันอันตรายนี้ "ปีศาจแดง" จะออกมาในรูปโฉมไหน เพราะว่าไปนี่ก็คล้ายกับอีกช่วงเวลาสำคัญของฤดูกาลเหมือนกัน

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline