logo-heading

รวมถึงช่วงหลัง เบล ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาเหมือนในอดีตได้เลย กลายเป็นส่วนเกิน เรอัล มาดริด ต้องย้ายออกไปอยู่กับ ลอสแองเจลิส เอฟซี ในศึก เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา .. ผลงานในศึก ฟุตบอลโลก 2022 กับทีมชาติเวลส์ ซึ่งเป็นสเตจสุดท้าย ก็ไม่อาจแผลงฤทธิ์ได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ เบล ฝากเอาไว้บนผืนฟลอร์หญ้าตลอด 15-16 ปีที่ผ่านมา จะยังถูกจดจำว่าครั้งหนึ่งเขาเคยสร้างตำนานเอาไว้มากมาย และ นี่คือ 5 โมเมนต์ของ วานรเทพ ที่จะถูกยกย่อง กล่าวขานตลอดไป

- คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี พีเอฟเอ

สาเหตุที่ แกเร็ธ เบล เคยย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร เป็นสถิติโลกเมื่อปี 2013 เป็นเพราะสมัยที่เขาค้าแข้งให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้โชว์ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ จากตำแหน่งแบ็กซ้าย ถูกขยับดันขึ้นมาให้เป็นปีกตัวจี๊ด โดย แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ และ ตำแหน่งนี้แหละครับ ที่ทำให้ เบล โด่งดังเป็นพลุแตกไปทั่วโลก

เบล ค้าแข้งกับ สเปอร์ส อยู่ 6 ซีซั่น ถึงแม้จะไม่ได้แชมป์อะไรติดมือเลยสักรายการ (ไม่มีชื่อในชุดคว้าแชมป์ คาร์ลิ่ง คัพ ปี 2008) แต่เขาก็ได้สร้างผลงานเอาไว้มากมายในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน โดยฤดูกาล 2009-10 พาทีมจบท็อปโฟร์ คว้าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

ซีซั่นที่ เบล ระเบิดฟอร์มออกมาได้ที่สุด สมัยสวมชุด ไก่เดือยทอง ต้องเป็นฤดูกาล 2012-13 เขาซัลโวไปมากถึง 21 ประตู จากการลงเล่น 33 นัด เขาไม่ได้โดดเด่นแค่ความจี๊ดจ๊าดตรงริมเส้น แต่ยังได้โชว์ศักยภาพให้กลายเป็นนักเตะที่อันตรายรอบด้าน โดยเฉพาะการยิงประตูจากนอกกรอบเขตโทษ

ถึงแม้ซีซั่นนั้น สเปอร์ส จะจบแค่อันดับ 5 แต่ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม เบล ได้รับโหวตให้คว้าราวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ เป็นสมัยที่ 2 ของตัวเอง และ นั่นแหละครับคือสาเหตุที่ มาดริด ยอมทุ่มเงินเป็นสถิติโลก และ เบล เอง ก็ต้องการย้ายออกไปเพื่อยกระดับอาชีพ และ ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์

- เผาเครื่อง ไมค่อน แบ็กขวาเบอร์ 1 โลก

วันที่ แกเร็ธ เบล อยู่ในจุดพีคสุดของอาชีพ คุณจำได้ไหมว่านักเตะรายนี้ สุดยอดมากแค่ไหน ? หลายคนอาจจะลืมไปแล้ว แต่เชื่อเถอะว่า ไมค่อน อดีตแบ็กขวาทีมชาติบราซิล ของ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งครั้งหนึ่งถูกยกย่องให้เป็นเบอร์ 1 ของโลกในตำแหน่งนี้ ต้องจำไม่เคยลืมอย่างแน่นอน

เพราะในวันที่ เบล พา สเปอร์ส ผ่านเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ร่วมสาย อินเตอร์ มิลาน เขาได้โชว์ฟอร์มกระหึ่มโลก ด้วยการเผาเครื่อง ไมค่อน จนเสียคน ซึ่งชั่วโมงนั้น งูใหญ่ มีดีกรีเป็นแชมป์เก่าด้วย แต่ วานรเทพ เล่นงานแบ็กขวารายนี้ แบบไม่มีชิ้นดี

เบล บุกไปถิ่นจูเซ็ปเป้ เมอัสซ่า ด้วยการทำแฮตทริค ต่อให้แพ้ไปด้วยสกอร์ 3-4 ก็ตาม แต่นัดที่กลับมาเล่นในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน เขามีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมแก้แค้นเอาชนะ อินเตอร์ 3-1 

ซึ่งทั้ง 2 นัด เบล ระเบิดฟอร์มได้โดดเด่นจริงๆ เขาฉายแววความเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคตได้เห็นทันที เพราะเล่นงานปั่นป่วน ไมค่อน จนเสียคน ซึ่งในเวลาต่อมา ไมค่อน ก็สาละวันเตี้ยลงเรื่อยๆ ซึ่ง 2 เกมที่ เบล เจอกับ อินเตอร์ มันเป็นเหมือนข้อพิสูจน์ว่า เวลาต่อจากนี้ เขาจะกลายเป็นตำนาน

- ตีลังกายิง หงส์แดง คว้าแชมป์ยุโรป 3 สมัยซ้อน

แกเร็ธ เบล ประสบความสำเร็จอย่างมาก บนเวที ยูฟ่า แชมเปี้่ยนส์ ลีก หลังคว้าแชมป์กับ เรอัล มาดริด มากถึง 5 สมัย โดยเขาเป็นหนึ่งในคีย์แมนช่วยสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ ราชันชุดขาว ในการเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ ยูซีแอล 3 สมัยซ้อน

ซึ่งผลงานบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ เบล ยังถูกจดจำมากที่สุด คือนัดชิงชนะเลิศ พบกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2018 โดยเขาถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรอง ในนาทีที่ 61 หลังผลการแข่งขันเสมอกันอยู่ 1-1

เบล อยู่ในสนามแค่ 2 นาที ก็โชว์อภินิหารกระโดดตีลังกาฟาดอย่างสุดสวย บอลพุ่งเสียบมุมเข้าประตู ช่วยให้ มาดริด ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 2-1 ก่อนจะเป็นคนยิงปิดกล่องให้ทีมเอาชนะไป 3-1 พร้อมกับคว้าแชมป์ ยูซีแอล 3 สมัยซ้อน

ซึ่งลูกที่เขาตีลังยิงใส่ ลิเวอร์พูล นอกจากจะเป็นประตูที่ฝังลงไปในความทรงจำของแฟนบอลแล้วนั้น เบล ยังได้ยกให้ลูกนี้เป็นประตูที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย

- สปีดเร็วเหนือกว่านรก วิ่งอ้อมคู่แข่ง

หนึ่งในประตูไอค่อนของ แกเร็ธ เบล ที่จะถูกกล่าวขานไปอีกนานแสนนาน นั่นคือการโชว์สปีดเร็วเหนือกว่านรก วิ่งอ้อมคู่แข่ง ทั้งๆที่ตัวเองต้องตีโค้งหลุดออกไปนอกสนาม แต่ก็ยังวิ่งแซง และ สามารถยิงประตูให้กับทีมได้

ช็อตบันลือโลก เกิดขึ้นสมัยที่ เบล เล่นให้กับ เรอัล มาดริด เจอกับ บาร์เซโลน่า ในศึก เอล กลาซิโก้ เวอร์ชั่น นัดชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ เมื่อปี 2014 ซึ่งในขณะที่สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1

เบล ได้บอลตรงกลางสนาม ทางริมเส้นฝั่งซ้าย ระยะประมาณ 65 หลา ก่อนถึงเขตประตูคู่แข่ง เขาพยายามแตะหนี มาร์ค บาตรา อดีตแนวรับของ บาร์เซโลนา ก่อนจะโดนเบียดหลุดออกนอกสนาม

แต่กระนั้น วานรเทพ โชว์สปีดเหนือกว่านรก วิ่งอ้อมแซง มาร์ค บาตรา หน้าตาเฉย และ เข้าไปยิงประตูชัยให้ มาดริด เอาชนะ บาร์ซ่า 2-1 คว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ ไปครอง โดยจังหวะดังกล่าว เบล ใช้เวลากระชากเพียงแค่ 7.2 วินาที ทำประตูประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง และ ราชันชุดขาว

- พา เวลส์ ผ่านเข้ารอบตัดเชือก ยูโร 2016

ทีมชาติเวลส์ แทบไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก ในเวทีระดับนานาชาติ ก่อนถึงปี 2016 พวกเขาเคยผ่านไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในปี 1958 ส่วนที่เหลือ มีอันต้องกระเด็นตกรอบคัดเลือกทั้งหมด โดยเฉพาะศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ทัพ มังกรแดง ไม่เคยเข้าไปถึงรอบสุดท้าย

แต่ในยุคของ แกเร็ธ เบล ที่เขาก้าวขึ้นมาเป็น เดอะ แบก ของชาติ บวกกับ ยูโร 2016 เพิ่มจาก 16 ทีม เป็น 24 ทีม ทำให้ เบล สามารถนำทัพ มังกรแดง ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ

แค่การได้มาเล่น ยูโร 2016 ก็นับว่าเป็นความทรงจำที่คุณค่าแก่การจดจำของแฟนบอล เวลส์ แล้ว แต่ที่มันกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปกว่านั้น ก็คือ เวลส์ หักปากกาเซียน ด้วยการฝ่าฝันผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งคนสำคัญที่พา มังกรแดง มาถึงจุดนี้ ก็ต้องยกให้กับ วานรเทพ

ทัวร์นาเมนต์นั้น เบล ซัดให้ เวลส์ ไป 3 ประตู ซึ่งล้วนเกิดขึ้นในรอบแบ่งกลุ่มในศึก ยูโร 2016 โดยเฉพาะการยิงฟรีคิกอันลือลั่น ที่ซัดใส่ทั้งทีมชาติอังกฤษ และ ทีมชาติสโลวาเกีย นับว่า ยูโร 2016 เป็นผลงานในทีมชาติ ที่ดีที่สุดของ เบล เลยก็ว่าได้ เพราะต่อให้ มังกรแดง จะได้ไปเล่น ยูโร 2020 และ ฟุตบอลโลก 2022 แต่ก็ไปไม่ได้ไกล และ เขาไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดอีกแล้ว

ฮาย ฮาวดี้
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline