logo-heading

ปัจจุบันพลพรรคทัพ "ปืนใหญ่" ลงสนามไปแล้ว 18 เกม ก่อนกวาดแต้มได้เป็นกอบเป็นกำ หลุดเสมอเพียง 2 นัด กับแพ้เพียง 2 เกม ถือว่าอยู่ในโมเมนต์ตัมที่ดีเอามากๆ ในการไล่ล่าความสำเร็จที่รอคอยมาอย่างยาวนาน

ส่วนสำคัญที่ต้องชื่นชมคือ มิเกล อาร์เตต้า และทีมงานที่ช่วยกันหล่อหลอมให้ทีมมีความลงตัวในทุกพื้นที่ แถมเค้นศักยภาพของนักเตะออกมาได้ รวมไปถึงแท็คติกต่างๆ ในการติดตั้งให้ลูกทีม ทั้งที่ค่าเฉลี่ยชุดตัวจริงที่ใช้อยู่เป็นประจำนั้นไม่ได้เยอะมากมาย ทว่าสามารถตอบสนองต่อแผนงานได้อย่างน่าชื่นชม

ย้อนกลับไปนี่คือการคุมทีมแบบเต็มตัวครั้งแรกของ มิเกล อาร์เตต้า หลังฟูมฟักดูดวิชาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยการดำรงตำแหน่งมือขวาเจ้านายรายนี้ที่ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ก่อนออกมาเผชิญโลกกว้างรับงานที่สุดแสนท้าทายในการปลุก "ปืนใหญ่" ให้กลับมาเป็นทีมที่ความน่าเกรงขามอีกครั้ง

"ปืนใหญ่" กับความดุดัน หลังผ่านครึ่งซีซั่นพร้อมจ่าฝูง

ช่วงเวลากับการรีเทิร์นมายัง เอมิเรตส์ สเตเดียม ต้องบอกว่ามีความวุ่นวายมากพอสมควร อีกทั้งผลงานในสนามก็ไม่ค่อยสวยงามนัก แม้จะมีโทรฟี่แชมป์เอฟเอ คัพ มาตั้งแต่การออกสตาร์ทซีซั่นแรกในการคุมทัพ อาร์เซน่อล

เป้าหมายแรกของทีมคงเป็นการพาสโมสรแห่งนี้กลับไปยังพื้นที่ท็อปโฟร์ให้ได้ หลังห่างหายจากสารบบ แชมเปี้ยนส์ลีก มาอย่างต่อเนื่องหลายซีซั่น จนลืมบรรยากาศของบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปไปอย่างสิ้นเชิง มากไปกว่านั้นเมื่อฤดูกาล 2021-22 พวกเขาไม่ได้ไปร่วมโม่แข้งแม้กระทั่งรายการอย่าง ยูโรปา ลีก ซึ่งถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เพราะที่ผ่านมาต่อให้แย่แค่ไหนอย่างน้อยก็ต้องได้ไปลุยถ้วยรองใบนี้

จากนั้นการเปลี่ยนแปลงก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฤดูกาลก่อนพวกเขาเกือบที่จะจบในพื้นที่ท็อปโฟร์อยู่แล้ว ทว่ามาแรงหมดตอนปลายทำคะแนนทิ้งไปหลายเกมจนโดดแซง พร้อมร่วงมาเหลือเพียงรายการ ยูโรปา ลีก 

ทว่าความผิดหวังตรงนั้น มันมีทิศทางที่บวกเอามากๆ ทั้งเรื่องของวิธีการ และผลงานในสนามที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ฟุตบอลในสไตล์ของ อาร์เตต้า เริ่มซึมซับเข้าไปสู่แก่นของทีมมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการเสริมทัพ และนำนักเตะที่สามารถเข้ามายกระดับของทีมได้แบบทันที

ฉะนั้นมันเลยเป็นที่มาของนักเตะชั้นนำอย่าง กาเบรียล เชซุส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ รวมไปถึงเหล่าหน่วยสนับสนุนที่ดึงเข้ามาอย่าง ฟาบิโอ วิเอร่า, มาร์ควินญอส หรือ แมตต์ เทอร์เนอร์ และเมื่อมาบวกกับนักเตะที่มีอยู่กลายเป็นความลงตัวที่เพิ่มระดับไปจากจุดเดิม

ถามว่าการออกสตาร์ทซีซั่นนี้ของ อาร์เซน่อล ผิดจากที่คาดไว้ไหม ?

มันก็อาจไม่ได้มากขนาดนั้น แต่สิ่งแปลกใจคือระบบฟุตบอลที่ต่างไปจากเดิมพอสมควร โดยเฉพาะแผงเกมรุกเมื่อได้ กาเบรียล เชซุส เข้ามาเหมือนจิ๊กซอว์ที่มาลงล็อคทุกอย่าง และปิดช่องว่างที่ทีมหาผู้เล่นในตำแหน่งนี้มาตลอด

อาจไม่ใช่พวกโป้งปิดบัญชี แต่สามารถถอยตัวเองลงมาเชื่อมเกม และแจกจ่ายบอลให้เพื่อนในการเผด็จศึกคู่แข่งได้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมาบวกกับพวก มาร์ติน โอเดการ์ด, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หรือ บูกาโย่ ซาก้า เหมือนไม่ต้องปรับตัวอะไรกันมาก ฉีกซองปุ๊บสามารถใช้งานได้เลย

"ปืนใหญ่" กับความดุดัน หลังผ่านครึ่งซีซั่นพร้อมจ่าฝูง

ส่วนแดนกลาง อาร์เตต้า เหมือนได้แข้งใหม่เข้ามาสู่ทีมนั้นก็คือ กรานิต ชาก้า จากมิดฟิลด์ที่อนาคตไม่แน่นอนกับทีม มีปัญหาหลายอย่างรุมเร้าพร้อมโดนแฟนบอลบางกลุ่มยี้ใส่จากเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มา ทว่ากับปัจจุบันกลายเป็นอีกคนที่สุขุมขึ้น และเล่นเพื่อทีม ส่วนหนึ่งเพราะ อาร์เตต้า จัดการแปลงโฉมดันสูงขึ้น และมีส่วนร่วมกับเกมรุกมากกว่าเดิม โดยที่ไม่ต้องกังวลการตัดเกมมากนักเพราะมี โธมัส ปาร์เตย์ คอยปัดกวาดให้อยู่แล้ว

ถอยกลับไปที่แผงเกมรับ โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟจะบอกว่าเป็นคู่หูที่ดีที่สุดในรอบหลายก็ย่อมได้ กาเบรียล มากัลเญส เมื่อจับคู่กับ วิลเลียม ซาลิบา กลายเป็นกำแพงที่ทั้งหนา และทั้งสูง อาจมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยอยู่บ้าง แต่ภาพรวมใหญ่คือความลงตัวที่เข้ากัน คนหนึ่งคอยเข้า คนหนึ่งคอยซ้อน 

ส่วนตำแหน่งฟูลแบ็คอาจมีปัญหาอยู่บ้างทั้งเรื่องของอาการบาดเจ็บ และผลงานที่ดร็อปไปของบางคน ทว่า อาร์เตต้า ก็ผ่าทางตันขยับ เบน ไวท์ ไปยืนเป็นแบ็คขวา ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนทางซ้าย ซินเชนโก้ ก็ตอบโจทย์ แม้จะมีเรื่องของอาการบาดเจ็บ แต่คนที่คอยทดแทนอย่าง คีแรน เทียร์นี่ย์ ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลย

วกกลับมาที่แดนหน้าหนึ่งในคนที่ผลงานพุ่งเป็นกราฟมากขึ้นคือ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่กลายเป็นโจ๊กเกอร์ทำได้ดีทั้งยิง และจ่าย ตอนนี้มีส่วนร่วมกับประตูของทีมไปแล้ว 13 ตุง จากการลงสนามทุกรายการ 23 นัด

เมื่อทุกอย่างมันลงตัว 18 นัด ในพรีเมียร์ลีกที่ผ่านไปทำให้ภาพของ อาร์เซน่อล มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนเด่นชัดว่าพวกเขาประกาศท้าชิงแชมป์อย่างเต็มตัว เพื่อรอคอยวันที่โทรฟี่ใบนั้นกลับมายังถิ่นของพวกเขาอีกครั้งในรอบกว่า 20 ปี

นับจนถึงตอนนี้มันอาจจะเป็นเพียงแค่ครึ่งฤดูกาล ฟุตบอลลีกยังมีอะไรอีกมากให้ต้องติดตาม และความยากลำบากคือความสม่ำเสมอในการคงระดับเอาไว้ให้ได้

ตอนนี้งานของ อาร์เซน่อล คือรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้เพียงสถานเดียว ไม่ต้องไปแข่งกับใคร ถ้าชนะไปเรื่อยๆ โฟกัสไปทีละเกม บั้นปลายสุดท้ายความคาดหวังที่ตั้งไว้อาจไม่ไกลเกินเอื้อม

เรื่องของอาการบาดเจ็บ การเสริมทัพ และปัจจัยภายนอกอื่นๆ พวกเขาไม่สามารถเข้าไปควบคุมมันได้ 

สิ่งที่ อาร์เตต้า และลูกทีม ทำได้คือการโฟกัสที่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว

แม้เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งทาง แต่แนวโน้มทุกอย่างพวกเขาดีขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นหัวใจพองโต กล้าสู้ กล้าแลก กล้าชนกับทุกทีม 

ณ ปัจจุบันสามารถพูดได้แบบเต็มปากว่า อาร์เซน่อล คือเต็ง 1 ที่มีโอกาสคว้าโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองมากที่สุดแล้ว

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline