logo-heading

ซึ่งในเกมดังกล่าว เจอร์เก้น คล็อปป์ มีการปรับเปลี่ยนทีมในหลายๆ จุด ทว่าสามารถพาทีมกลับมาอยู่ในโมเมนต์ตัมที่ดีอีกครั้ง 

ว่าแล้ว ขอบสนาม จะพาไปเก็บตกประเด็นน่าสนใจจากเกมดังกล่าวว่ามีเหตุการณ์เด็ดอะไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย ...

หงส์แดง เปลี่ยนหลายจุด

เริ่มต้นที่การจัดทัพเกมนี้ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อย่างที่เรารู้กันว่านักเตะในทีมโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานหลายตำแหน่งไล่ตั้งแต่แดนหลังยันกองหน้า ซึ่งเกมนี้นายใหญ่ชาวเยอรมันเลือกเปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งจากเกมลีกนัดล่าสุดที่บุกพ่าย ไบร์ทตัน

เริ่มตั้งแต่นายด่านที่ปรับมาใช้งานของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เกมรับแบ็คขวาจัดการส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงประจำการ ส่วนทางขวาใช้บริการของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ส่วนแดนกลางเซอร์ไพรส์พอสมควรจัด นาบี เกอิต้า เล่นร่วมกับ ติอาโก้ อัลกานตาร่า  และ เด็กดาวรุ่งอย่าง สเตฟาน บายเซติช

ขยับมาที่แผงเกมรุก คล็อปป์ เลือกที่จะดรอป โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นตัวสำรอง และจัด ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, โคดี้ กัคโป และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ในการลงล่าตาข่าย

ส่วนเจ้าบ้านอย่าง วูล์ฟส์ ก็จัดอาวุธหนักมาเต็มระบบแดนกลางนำมาโดย เจา มูตินโญ่ กับ รูเบน เนเวส ส่วนเกมรุกใช้ความเร็วของ อดาม่า ตราโอเร่ ในการลากเลื้อย คอยสนับสนุน ราอูล ฮิเมเนซ

หลังเกม "หงส์แดง" คืนฟอร์มบุกสอย "วูล์ฟส์" กรุยทาง "เอฟเอ คัพ"

รูปเกมที่เกิดขึ้น

ถ้าวัดจากสถิติเพียงอย่างเดียวต้องบอกว่าเป็น วูล์ฟส์ เจ้าบ้านที่ดูดีกว่าทั้งโอกาสในการทำประตูที่มากถึง 11 ครั้ง รวมไปถึงการครองบอลที่ไปแตะ 58% ทว่าท้ายที่สุดฟุตบอลวัดกันที่การทำประตู ซึ่งตรงจุดนี้ ลิเวอร์พูล มีความเด็ดขาดมากกว่า และส่งผลให้ปิดเกมคว้าชัยไปครอง

จังหวะประตูชัยของ ลิเวอร์พูล ต้องบอกว่าเป็นการแก้เกมมาจากแดนหลัง ก่อนที่ ติอาโก้ จะจ่ายต่อมาให้ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ควบตะบึงมาคนเดียวชนิดที่ไม่มีนักเตะของเจ้าถิ่นไล่บี้กดดันแต่อย่างใด มัวแต่จดๆ จ้องๆ พลางทำให้ระยะทำการในการช่องไกลนั้นมันง่ายมากขึ้น บวกกับความผิดพลาดของ โชเซ่ ซา  นายด่านเจ้าบ้าน

ว่าแล้ว เอลเลียตต์ ก็จัดการซัดไกลกลายเป็นประตูสุดสวย และปลดล็อคความกดดันจากเกมนี้ได้ตั้งแต่ช่วง 13 นาทีแรก เรียกได้ว่าเป็นจังหวะที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ

ทั้งการแก้เพรสจากแดนตัวเอง ก่อนจบที่การพาบอลไปซุกที่ก้นตาข่ายกลายเป็นจังหวะตัดสินเกม แม้ภาพรวมอาจไม่ได้เป็นเกมที่ผลงานเลิศเลอ แต่สิ่งสำคัญคือการคว้าชัยชนะมาครองท่ามกลางผลงานที่ไม่ค่อยสวยงามนักในช่วงหลัง

เกมที่โดดเด่นของทีมสำรอง

ต้องบอกว่าการเปลี่ยนทีมของ คล็อปป์ ในการเกมแฟนบอลให้ได้เห็นข้อดีมากมายที่เกิดขึ้นตลอด 90 นาที ไล่มาตั้งแต่แดนหลัง เจมส์ มิลเนอร์ ที่อายุแตะ 37 ปี ยังคงมีความกระหาย และลูกประสบการณ์ช่วยขันเกมรับได้ไม่ยาก 

รวมไปถึงผลงานของ อิบราฮิม่า โกนาเต้  ที่โดดเด่นสุดๆ ในเกมนี้ รับมือกับบอลกลางอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งดักทางบอลดี มีความนิ่ง บวกกับความแข็แกร่งในการรับมือแนวรุกคู่แข่ง เรียกได้เฉิดฉายที่สุดในแผงเกมรับเลยก็ว่าได้

แดนกลางคนที่ต้องชื่นชมเป็นพิเศษคงจะเป็น สเตฟาน บายเซติช ที่ฉายแววเด่นออกมาเรื่อยๆ เมื่อได้รับโอกาส เกมนี้เจ้าหนูวัย 18 ปี คุมจังหวะของเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ครองบอลได้อย่างเหนียวแน่น อีกทั้งสามารถเอาแดนกลางของทีมได้อย่างอยู่หมัดทั้งที่คู่แข่งในแผงมิดฟิลด์เก๋าประสบการณ์แทบทั้งนั้น

ปิดท้ายที่ เอลเลียตต์ คนทำประตูชัยมีจังหวะกล้าเลี้ยง กล้าลุย กระชากลากเลื้อยได้ใจพอสมควร และที่สำคัญคือประตูตัดสินเกมที่เฉียบขาดเหลือเกิน กลายเป็นฮีโร่ของทีมพาทัพ "หงส์แดง" กรุยทางผ่านเข้ารอบต่อไป

หลังเกม "หงส์แดง" คืนฟอร์มบุกสอย "วูล์ฟส์" กรุยทาง "เอฟเอ คัพ"

ได้เวลาชำระแค้น ?

หลังจากบุกไปเฉือน "หมาป่า" ได้ถึงถิ่น ทำให้ทีมของ คล็อปป์ กรุยทางผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จในศึก เอฟเอ คัพ ซึ่งด่านต่อไปคู่แข่งที่ยืนจังก้ารอท้าดวลอยู่ด้วยก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเพราะคือ ไบร์ทตัน โจทย์เก่าที่พวกเขาเพิ่งแพ้มาในเกมล่าสุด

ซึ่งโปรแกรมนี้จะลงสนามในคืนวันที่ 29 มกราคม ทว่าก่อนที่จะไปถึงศึกครั้งนั้นทัพ "หงส์แดง" ต้องเจอกับงานหินคือการเปิดรัง แอนฟิลด์ดวลกับ เชลซี ก่อนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ 

แม้ชั่วโมงนี้ของ ไบร์ทตัน จะทำผลงานยอดเยี่ยม โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ กำลังผสมผสานทีมให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเกมรุกที่ร้อนแรงแบบสุดๆ แถมคว้าชัยได้รัวๆ ทว่า ลิเวอร์พูล เองก็หวังที่จะปราบ "นกนางนวล" ฝูงนี้ให้ได้ เพื่อกรุยทางผ่านเข้ารอบต่อไป และลุ้นความสำเร็จมาประดับสโมสรในซีซั่นนี้

แน่นอนการเจอกันของศึกสองสัตว์ปีกกลายเป็นหนึ่งในเกมที่น่าสนใจเสียเหลือเกิน ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นไม่รู้ว่าจะออกมาในรูปแบบการย้ำแค้น หรือจะชำระแค้น กันแน่ ?

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline