logo-heading

แต่ดันมาโดนฟรีคิกยิงตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากลูกยิงอันสุดสวยของ มิเชล โอลิเซ่ ทำให้ ปีศาจแดง พลาดขึ้นอันดับ 2 ชั่วคราวอย่างน่าเสียดาย

ที่สำคัญยังมีข่าวร้ายต่อเนื่อง ไปถึงเกมที่จะบุกไปเยือน อาร์เซน่อล อีกด้วย เพราะจะหมดสิทธิ์ใช้งาน คาเซมิโร่ มิดฟิลด์ตัวสำคัญ เอาเป็นว่าเกมนี้มีเรื่องราวอะไรให้พูดถึงไปติดตามกันได้เลยครับ

- ปีศาจแดง โดนหยุดสถิติชนะรวด

ตั้งแต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาลงเตะ หลังจบศึก ฟุตบอลโลก 2022 ผลงานของพวกเขามันยอดเยี่ยมมากเหลือเกิน จากที่เคยลุ้นท็อปโฟร์ แต่เปลี่ยนสถานะขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว โดยเฉพาะการเปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูง ประมาณ 9 คะแนน

เรียกว่าชนะคู่แข่งมารัวๆ 10 นัดรวดรวมทุกรายการ อย่างไรก็ตามชัยชนะนัดที่ 11 ดันหายวับไปกับตา เพราะถูก พาเลซ ตีเสมอ 1-1 ช่วงทดเจ็บนาที 90+1 ซึ่งผลงานเกมเยือนของ ปีศาจแดง ซีซั่นนี้ นับว่ายังเป็นปัญหา ไม่คงเส้นคงวาจริงๆ

โดยเกมเยือน 5 นัดหลังสุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พวกเขาชนะได้เพียงแค่ 2 เกม เท่านั้น คือเฉือน ฟูแล่ม 2-1 กับ ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 ส่วนอีก 3 นัด มีหลุดเสมอ 2 เกม คือ เจ๊าเชลซี 1-1 กับ พาเลซ 1-1 และ อีกนัดคือพ่ายต่อ แอสตัน วิลล่า 1-3

ดังนั้นการจะไล่ตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูง คือผลงานเกมเยือน ต้องดีกว่านี้ โดยเฉพาะเกมต่อไปที่ต้องบอกไปเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จะเป็นบทพิสูจน์เลยว่า ซีซั่นนี้ ปีศาจแดง จะยังมีสถานะเป็นทีมได้ลุ้นแชมป์ได้อีกหรือไม่ หรือ แค่ต้องเกาะกลุ่มจบท็อปโฟร์ให้ได้เท่านั้น

- ฟอร์มครึ่งหลัง ปีศาจแดง ช่างขัดใจแฟนบอล

ช่วงที่สกอร์ยังคงเสมอกันอยู่ 0-0 พาเลซ เกือบจะได้ประตูขึ้นนำจากลูกยิงของ อ็อดซอนน์ เอดูอาร์ ซึ่งใครเห็นก็ว่าเข้า เพราะบอลกำลังจะพุ่งเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่เป็น ดาบิด เด เคอา กระโดดบินปัดไปชนคานไว้ได้เฉยเลย ซึ่งนั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกัน

เพราะหลังจากนั้นไม่นาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก นับเป็นไทม์มิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆ โดยเป็นจังหวะที่ คริสเตียน อีริคเซ่น ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตบบอลเข้ามาตรงกลางให้ บรูโน่ แฟร์นานเดส ได้มีเวลาแต่ง 1 จังหวะ ก่อนซัดเต็มข้อ บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย

แต่ไม่รู้ว่า การนำ 1-0 ทำให้นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูไม่มีความกระหายที่จะทำประตูเพิ่มหรือเปล่า เพราะครึ่งหลังช็อตกันไปดื้อๆ เร่งยังไง ก็เร่งไม่ขึ้น อีกทั้งยังเสียบอลกันง่ายเกินไป 

รวมถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็เล่นขัดใจแฟนบอลมากเหลือเกิน โดยหลังจากซัดไป 8 ประตู จาก 7 นัดหลังก่อนหน้านี้ คงทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่บางทีก็มั่นใจมากเกินไป เพราะหลายๆจังหวะหวงบอลเหลือเกิน จังหวะควรจ่าย ไม่ยอมจ่าย พยายามจะแหวกคู่แข่งไปเอง เรียกง่ายๆว่าฝืนเล่นเกินไป ซึ่งเป็นลูบเดิม ที่ทำให้เขาโดนวิจารณ์ ในช่วง 2-3 ซีซั่นที่ผ่านมา

ส่วนผลงานการประเดิมของ เวาต์ เวกฮอร์สต์ กองหน้าคนใหม่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และ อยู่ในสนาม 68 นาที ก็ยังไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยังคงต้องจับจังหวะการเล่นกับเพื่อนๆให้ดีกว่านี้ แต่เรื่องการหาช่อง หรือ ความขยัน นับเป็นจุดเด่นของเขาอยู่แล้ว ให้เวลามากกว่านี้ คงจะได้เห็นพิษสงจากกองหน้าชาวดัตช์ ซึ่งประตูที่ ปีศาจแดง ขึ้นนำ เขาก็เป็นคนดึงตัวประกอบได้ถึง 2 คน สร้างช่องว่างให้ บรูโน่ ได้ยิงประตู

- พาเลซ ตีเสมอแบบงงๆ

จริงๆแล้ว พาเลซ เป็นขนมขบเคี้ยวของทีมจากท็อป 6 มาตลอด อย่างในซีซั่นนี้ มีทั้งแพ้ เชลซี, แพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แพ้ อาร์เซน่อล โดยมีแค่ ลิเวอร์พูล เท่านั้น ที่พวกเขาบุกไปเสมอมา 1-1 กระทั่งเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่ง พาเลซ แพ้ทางอย่างหนัก และ กำลังจะแพ้อีกเกมไปตามระเบียบ แต่มาได้ประตูตีเสมอแบบงงๆ จากลูกยิงฟรีคิกปลิดวิญญาณของ มิเชล โอลิเซ่ ที่ซัดได้สวยงามไร้ที่ติจริงๆ ซึ่งคราวนี้ เด เคอา ไม่อาจช่วยไว้ได้อีกแล้ว

แน่นอนว่า การได้ผลเสมอ 1-1 ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับ พาเลซ อยู่แล้ว เพราะเป็นการหยุดสถิติแพ้ 3 นัดรวดของตัวเองเรียบร้อย และ ถึงแม้พวกเขายังรั้งอันดับ 12 ของตาราง แต่ก็เก็บเพิ่มเป็น 23 คะแนน จากการลงสนาม 19 นัด ห่างจากโซนตกชั้นถึง 8 แต้ม เรียกว่ายังพอเบาใจได้หายห่วง

- ผลเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียหาย 2 เด้ง

การโดนปล้นไป 2 แต้ม ไม่ได้แค่เสียหายแค่ในการไล่ตามหลัง อาร์เซน่อล เท่านั้นนะครับ เพราะอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียหายไม่แพ้กัน ก็คือต้องสังเวย คาเซมิโร่ มิดฟิลด์ตัวเก่ง เพราะจะถูกแบนห้ามลงสนาม ในเกมบุกเยือน ไอ้ปืนใหญ่

เนื่องจาก คาเซมิโร่ โดนใบเหลือง จากจังหวะไปเสียบสกัด วิลฟรีด ซาฮา ช่วงประมาณ 10 นาทีสุดท้ายของเกม ทำให้ พ่อเกษม ต้องสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบ ถูกแบนห้ามลงสนามอัตโนมัติ ซึ่งการต้องไปเจอกับจ่าฝูง ในเวอร์ชั่นที่ไม่มี คาเซมิโร่ ถือว่าเป็นข่าวร้าย เพราะ คาเซมิโร่ กำลังเล่นได้ดีจริงๆ อยู่ทุกที่ของสนาม ช่วย ปีศาจแดง เก็บ 3 แต้ม มาหลายๆต่อหลายนัด

ดังนั้น มันเป็นความเสียหาย 2 เด้งจริงๆ ทั้งทำได้เพียงเสมอกับ พาเลซ และ ดันต้องมาหมดสิทธิ์ใช้งาน คาเซมิโร่ ในเกมชี้ชะตาว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังจะได้ลุ้นแชมป์ต่อไปหรือไม่ แบบนี้คงได้ถึงเวลาของ เทพเฟร็ด หรือไม่ก็ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่จะได้ลงมาทำหน้าที่แทน คาเซมิโร่ ในนัดหน้า 

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline