logo-heading

ซึ่งเกมตลอด 90 นาทีถือว่าสู้กันได้อย่างสมศักดิ์ศรี ก่อนที่เจ้าถิ่นจะมาได้ นาธาน อาเก้ ซัดประตูชัยในช่วงครึ่งหลัง

โดยหลังจบเกมมีประเด็นอะไรบ้างที่น่าสนใจจาก เฮติฮัด สเตเดียม ขอบสนาม ของเราได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว

การจัดทัพ

เริ่มต้นที่การจัดทัพ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ฝั่งกันก่อนต้องบอกว่ามีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นในบางตำแหน่งด้วยกันทั้ง 2 ฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า วันนี้ให้โอกาส สเตฟาน ออร์เตก้า นายด่านมือ 2 ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วนแบ็คซ้ายยังคงมั่นใจ และเปิดทางให้ดาวรุ่งอย่าง ริโก้ ลูอิส ลงสนามอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแดนกลางจัด โรดรี้ ประสานร่วมกับ อิลคาย กุนโดกัน ส่วนแผงเกมรุกจัดอาวุธหนักทั้ง ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีลิช และ เออร์ลิ่ง ฮอาแลนด์

ข้ามฟากมากที่ฝั่งผู้มาเยือนกันบ้าง มิเกล อาร์เตต้า เปลี่ยนทีมหลายจุดเลยทีเดียวไล่มาตั้งแต่แผงเกมรับใช้งาน ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ และ ร็อบ โฮลดิ้ง ในการเป็ย 11 ตัวแรก

ขยับมาแผงมิดฟิลด์ ฟาบิโอ วิเอร่า ได้ออกสตาร์ทเล่นร่วมกับ กรานิต ชาก้า และ โธมัส ปาร์เตย์ ส่วนเกมรุก เลอันโดร ทรอสซาร์ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกให้กับทีม คอยผนึกกำลังกับ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ บูกาโย่ ซาก้า

หลังเกม "เรือใบ" แล่นฉิว ล้ม "ปืนใหญ่" ลิ่วเข้ารอบต่อไป

รูปเกมที่เกิดขึ้น

เกมในช่วง 45 นาทีแรกถือว่ามีอัตราความสูสีให้เห็นมากพอสมควร แม้ทางฝั่ง แมนฯ ซิตี้ จะเป็นฝ่ายครองบอล และหาโอกาสในการจบสกอร์ได้มากกว่าอยู่นิดหน่อยก็ตาม

ทว่าทัพ "ปืนใหญ่" ก็มาด้วยความรัดกุมแบบเต็มที่ พรางหาจังหวะจบสกอร์ให้ได้เห็นเช่นเดียวกัน ซึ่งต้องยอมรับง่าทั้งคู่มีสไตล์ฟุตบอลที่ใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ไม่แปลกเมื่ออาจารย์อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องโคจรมาดวลกับอดีตมือขวาที่ช่วย แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์มาแล้วอย่าง อาร์เตต้า

ซึ่งถ้าจะหาจุดเปลี่ยนในเกมนี้คงเป็นในช่วงครึ่งหลังเมื่อ โธมัส ปาร์เตย์ มีการอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ซึ่งทีมตัดสินใจส่ง แซมบี้ โลก็องก้า ลงสนามไปแทน และจุดนี้เองทำให้แดนกลางของทัพ "ปืนใหญ่" แลดูยวบไปมากพอสมควรเมื่อไม่มีมิดฟิลด์ตัวจัดเกมที่ดุดัน และแข็งแกร่งอย่าง ปาร์เตย์

บวกกับเมื่อ แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูจากจังหวะที่เติมเกมรุกขึ้นมาแบบบอลโค้งหน่อยๆ ของ นาธาน อาเก้ เข้าไปทำให้โมเมนตั้มในเกมมันเทไปทางฝั่งเจ้าบ้านเสียหมด ทำให้บทสรุปกลายเป็น "เรือใบสีฟ้า" ที่คว้าชัยชนะไปครอง พร้อมอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ต่อไป

เกมวัดศักยภาพ ปืนใหญ่

มองในมุมแฟนบอลของ อาร์เซน่อล ก็คงจะรู้สึกเสียดายที่ทีมตจ้องหยุดเส้นทางเพียงเท่านี้ ทว่าในอีกด้านอาจเป็นเรื่องดีในการลดโปรแกรมการแข่งขัน และไปโฟกัสกับการไล่ล่าโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกแบบเต็มตัว

การจัดทัพของ อาร์เตต้า มันก็คงบ่งบอกอะไรบางอย่างได้อย่างดี การเลือกใช้งานนักเตะสำรองในบางตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น ร็อบ โฮลดิ้ง, ฟาบิโอ วิเอร่า หรือตัวสำรองอย่าง ฟาบิโอ วิเอร่า ก็เพื่อวัดศักยภาพนักเตะ และคุณภาพเชิงลึกไปในตัว

อย่างที่เราทราบกันว่า อาร์เซน่อล เป็นทีมที่หา 11 ตัวจริงลงตัว และไม่ค่อยมีการหมุนเวียนเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยผลงานนักเตะชุดแรกทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนกลายเป็นจ่าฝูงของ พรีเมียร์ลีก อยู่ในตอนนี้ ทว่ากับขุมกำลังเชิงลึกยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามว่าจะทดแทนตัวจริงในกรณีที่เกิดอาการล้า หรือบาดเจ็บได้มากเพียงใด

อย่างในเคสของ โธมัส ปาร์เตย์ คงเป็นกรณีที่ชัดเจนที่สุด เมื่อไม่มีเขาในสนามแดนกลางก็ดูดร็อปลงไปพอสมควร คนที่ลงสนามมาแทนยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก ฉะนั้นเลยเป็นที่มาของเขาที่พวกเขาต้องการตัว มอยเซส ไกเซโด้ จาก ไบร์ทตัน

สุดท้ายเชื่อว่าการตกรอบครั้งนี้ของ อาร์เซน่อล แฟนบอลส่วนใหญ่รับได้กับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น ไม่มีใครอยากจะพ่ายแพ้ แต่ในเมื่อจำเป็นต้องโรเตชั่น ภาพที่เกิดขึ้นมันน่าเสียดาย แต่ก็ได้รับรู้ถึงศักยภาพที่จะสู้กันต่อในอีกครึ่งฤดูกาลว่าควรเสริมจุดไหน และซื้อใครเข้ามาเสริมเพิ่มความแข็งแกร่ง

หลังเกม "เรือใบ" แล่นฉิว ล้ม "ปืนใหญ่" ลิ่วเข้ารอบต่อไป

เอฟเอ คัพ กับ แมนฯ ซิตี้

พลพรรคทัพ "เรือใบสีฟ้า" กรุยทางเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ซึ่งจะโคจรไปดวลกับทีมไหนเดียวจะมีการจับสลากประกบคู่กัยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะเจอทีมจากพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

ซึ่งในบอลถ้วยรายการนี้ แมนฯ ซิตี้ คว้ามาครองได้ครั้งล่าสุดเมื่อฤดูกาล 2018-19 โดยในรอบชิงชนะเลิศพวกเขาจัดการเดินหน้าถล่ม วัตฟอร์ด แบบเละเทะ 6-0 คว้าแชมป์สมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่ใกล้เคียงกับการลงสนามในรอบชิงชนะเลิศอีกเลย

ส่วน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นับตั้งแต่ย้ายมาทำงานในอังกฤษ เพิ่งสอยแชมป์เอฟเอ คัพ ได้เพียงแค่สมัยเดียวเท่านั้น ซึ่งน้อยที่สุดในเหล่าบรรดารายการที่พา แมนฯ ซิตี้ ลงสนาม เพราะอย่าง พรีเมียร์ลีก สอยมาครองได้ 4 ครั้ง, ลีก คัพ 4 ครั้ง หรือ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ก็ 2 ครั้ง

ฉะนั้นน่าสนใจว่าในฤดูกาลนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะไปถึงฝั่งในรายการนี้หรือไม่ เพราะอย่างน้อยก็ยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้น 3 แชมป์ทั้ง เอฟเอ คัพ, พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline