logo-heading

ซึ่งนอกจากการย้ายทีมแล้ว การใช้เงินลงทุนของเหล่าสโมสรต่างๆ ก็น่าสนใจไม่น้อย บางสโมสรลงทุนในช่วงกลางซีซั่นรวมแล้วมากกว่า 300 ล้านยูโร เลยทีเดียว

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปยลโฉม 5 สโมสรที่ใช้เงินซื้อนักเตะมากที่สุดในตลาดนี้ ซึ่งจะมีทีมไหนบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

5.) นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (49 ล้านยูโร)

ออกสตาร์ทกันที่อันดับ 5 อย่าง นิวคาสเซิ่ล ที่ฤดูกาลนี้ผลงานยกระดับตัวเองจนสามารถก้าวขึ้นมาลุ้นโควต้าไปลุยบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อย่างเต็มตัว ทำให้ทีมมีการเสริมทัพแบบจัดหนักพอสมควร เพื่อบรรลุเป้าหมายให้ได้

ซึ่งตลาดในรอบนี้ทัพ "สาลิกาดง" นักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีมทั้งหมด 3 ราย จำนวนอาจจะไม่เยอะ แต่ถือว่าเงินลงทุนไม่ใช่น้อย รายแรกคือ กาแรง คูล จาก เซ็นทรัล โคสต์ มาริเนอร์ส ในลีกออสเตรเลีย ซึ่งค่าตัวไม่ได้แพงมากนัก รายต่อมาคือ แฮร์ริสัน แอชบี ฟูลแบ็คที่ดึงตัวมาจาก เวสต์แฮม ค่าเสียหายที่ 3.4 ล้านยูโร

ส่วนดีลที่สร้างเสียงฮือฮาคือการคว้าตัว แอนโธนี กอร์ดอน มาร่วมทัพจาก เอฟเวอร์ตัน พร้อมค่าตัว 45.6 ล้านยูโร ถือว่าเป็นนักเตะค่าตัวแพงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ซึ่งมีการเปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อย 

ถือว่าการเดินหมากครั้งนี้ของ เอ็ดดี้ ฮาว และทีมอาจจะยังไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์เข้ามา ทว่าถ้าเป้าหมายการได้ไปลุยบอลยุโรปสำเร็จ เชื่อเหลือเกินซัมเมอร์หน้าจัดหนักจัดเต็มกว่านี้อย่างแน่นอน

ยลโฉม! 5 สโมสรที่ใช้เงินเยอะสุด ตลาดนักเตะ ม.ค. 2023

4.) บอร์นมัธ (56.2 ล้านยูโร)

เข้ามาติดโผในลิสต์นี้แบบงงๆ พอสมควรสำหรับ บอร์นมัธ ทีมโซนท้ายตารางของศึกพรีเมียร์ลีก ที่การเสริมทัพถือว่าน่าสนใจไม่น้อยในการช่วยทีมทำภารกิจอยู่รอดต่อไปในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ตลาดครั้งนี้ทัพ "เดอะ เชอร์รีส์" คว้านักเตะใหม่มาร่วมทีมทั้งหมด 6 ราย ซึ่งเป็นการยืมตัว 1 ราย และแบบฟรีๆ 1 ราย ในคืนวันสุดท้ายพวกเขาปิดดีลคว้าตัว ฮาเหม็ด ตราโอเร่ กองกลางจาก ซาสซูโอโล่ พร้อมออปชั่นซื้อขาดในช่วงซัมเมอร์ได้สำเร็จ เพื่อเติมเต็มทีมให้แข็งแกร่ง 

ส่วนในรายอื่นๆ ประกอบไปด้วย อิลย่า ซาบาร์นี่ เซ็นเตอร์ฮาร์ฟจาก ดินาโม เคียฟ ด้วยค่าตัว 22.7 ล้านยูโร สูงที่สุดของทีมในตลาดครั้งนี้ของสโมสร ด็องโก อัวตาร่า จาก ลอริยองต์ 22.5 ล้านยูโร, อองตวน เซเมนโย่  จาก บริสตอล 10 ล้านยูโร, มาติอัส วินญ่า ยืมตัวมาจาก โรม่า และ ดาร์เรน แรนดอล์ฟ ดึงตัวมาจาก เวสต์แฮม

เรียกได้ว่าเสริมทีมแบบจัดหนักพอสมควรไล่เรียงครบทั้งเกมรับเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ, ฟูลแบ็ค และ กองหน้า ซึ่งต้องมารอดูกันว่า บอร์นมัธ จะสามารถเอาตัวรอดในลีกสูงสุดของอังกฤษได้หรือไม่

3.) อาร์เซน่อล (60 ล้านยูโร)

จ่าฝูงของศึกพรีเมียร์ลีกเรียกได้ว่าเสริมทัพได้ตรงจุดเหลือเกินกับภารกิจลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้มาครองให้ได้ เปิดตัวรายแรกที่ซิวตัวคือแนวรับอย่าง ยาคุบ คิวิออร์ ปราการหลังจาก สเปเซีย ที่ค่าตัว 25 ล้านยูโร ก่อนที่จะเดินหน้าคว้าตัวแนวรุกเพื่อมายกระดับ และทดแทน กาเบรียล เชซุส ที่บาดเจ็บไปอย่าง เลอันโดร ทรอสซาร์ จาก ไบร์ทตัน ค่าเสียหายไม่ได้แพงมากนักเพียง 24 ล้านยูโรเท่านั้น

ก่อนที่ในค่ำคืนสุดท้ายทัพ "ปืนใหญ่" จะจัดการปิดดีลคว้าตัวกองกลางมากประสบการณ์อย่าง จอร์จินโญ่ มาร่วมทีม จาก เชลซี ด้วยราคา 11.3 ล้านยูโร เพื่อเติมเต็มแดนกลางให้มีความสมดุล และหมุนเวียนเปลี่ยนนักเตะให้ มิเกล อาร์เตต้า ได้เลือกใช้มากกว่าเดิม

ซึ่งนักเตะทั้ง 3 ราย อย่างที่กล่าวไปว่าเป็นการแต่งเติมที่ลงล็อคมากเหลือเกิน ขันเกมรับให้มีความเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น พร้อมแดนกลางที่ตอนนี้ไว้ได้ได้เพียง 2 คน คือ โธมัส ปาร์เตย์ กับ กรานิต ชาก้า การได้ จอร์จินโญ่ เข้ามาอาจเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ในการลุ้นความสำเร็จ

ส่วนในรายของ ทรอสซาร์ เป็นการเสริมคมเกมรุกที่น่ากลัวพอสมควร เมื่อมาบวกกับ กาเบรียล มาร์ตินเนลลี่, บูกาโย่ ซาก้า หรือ มาร์ติน โอเดการ์ด ถือว่าน่ากลัวเลยทีเดียว

ยลโฉม! 5 สโมสรที่ใช้เงินเยอะสุด ตลาดนักเตะ ม.ค. 2023

2.) เซาแธมป์ตัน (63.2 ล้านยูโร)

ด้วยสถานะของพวกเขาในปัจจุบันการรั้งบ๊วยของพรีเมียร์ลีกย่อมทำให้ทีมต้องทุ่มเงินซื้อนักเตะเพื่อการเปลี่ยนแปลงกทีมให้มากที่สุด หากหวังอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดต่อไป

ตลาดเดือนมกราคมนี้ทัพ "นักบุญ" ใช้เงินช็อปนักเตะไปมากถึง 63 ล้านยูโร แลกกับการได้ 5 นักเตะใหม่มาเสริมทีม ไล่ตั้งแต่แข้งแพงสุดในรอบนี้อย่าง คามัลดีน ซูเลมาน่า แนวรุกจาก แรนส์ ที่ควักกระเป๋าจ่ายค่าตัวไปถึง 25 ล้านยูโร

ส่วนในรายอื่นๆ ประกอบไปด้วย พอล โอนูอาคู กองหน้าจาก เกงค์ มูลค่า 18 ล้านยูโร, คาร์ลอส อัลวาเรซ มิดฟิลด์จาก ราซิ่ง คลับ ค่าตัว 13.6 ล้านยูโร, เจมส์ บรี แบ็คขวาที่ไปถึงมาจาก ลูตัน ทาวน์ มูลค่า 850,000 ยูโร และปิดท้ายที่ดีลน่าสนใจอย่าง มิสลาฟ ออร์ซิช กองหน้าทีมชาติโครเอเชีย ที่ดึงตัวมาจาก ดินาโม ซาเกร็บ

ซึ่งนับจากนี้ก็เป็นปัญหาของกุนซืออย่าง นาธาน โจนส์ แล้วว่าจะบริหารจัดการทีมในรูปแบบไหน ดึงนักเตะมาแล้วยังไงเสียบอร์ดบริหารย่อมต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะโจทย์ใหญ่คือรอดตกชั้นให้ได้

1.) เชลซี (329 ล้านยูโร)

แทบไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัวว่าอันดับ 1 จะเป็นของใคร เพราะในเมื่อ เชลซี ออกตัวแล้วว่าจะกระโดดเข้าสู่ตลาดรอบนี้แบบเต็มตัว ว่าแล้ว ท็อดด์ โบห์ลี่ ก็จัดการเปย์หนักๆ เพื่อยกระดับทีมให้ได้

โดยเฉพาะดีลล่าสุดที่คาราคาซังมานานอย่าง เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ สุดท้ายก็จัดการคว้าตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จ พร้อมค่าตัว 121 ล้านยูโร จาก เบนฟิก้า พร้อมสถาปนาเป็นนักเตะที่แพงที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เลยทีเดียว

ส่วนในรายอื่นๆ ทัพ "สิงห์บลูส์" เน้นไปที่นักเตะอายุอนาคตไกลไม่ว่าจะเป็น มิไคโล มูดริก ที่คว้าตัวมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร ส่วนในรายอื่นๆ ประกอบไปด้วย เบอนัวต์ บาดิยาชิล กองหลังจาก โมนาโก มูลค่า 38 ล้านยูโร, โนนี่ มาดูเอเก้ แนวรุกจาก พีเอสวี 35 ล้านยูโร, มาโล กุสโต้ ฟูลแบ็ค ลียง ค่าตัว 30 ล้านยูโร

อังเดรย์ ซานโต๊ส ดาวรุ่งจากบราซิล ค่าตัว 12.5 ล้านยูโร, ดาวิด ดาโทร โฟฟาน่า กองหน้าอนาคตไกลจาก โมลด์ มูลค่า 12 ล้านยูโร พร้อมปิดท้ายด้วยดีลยืมตัวสนั่นเมืองอย่าง เจา เฟลิกซ์

ซึ่งการเสริมทัพครั้งนี้เรียกได้ว่าดุดันกว่าชาวบ้านเสียเหลือเกิน ทว่าหลังจากนี้คือผลงานที่จะเป็นตัวชี้ว่า เกรแฮม พ็อตเตอร์ จะพาทีมไปจบที่ตรงไหน อันดับเท่าไหร่ และพัฒนาทีมจากผลงานที่ผ่านมาไปได้ไกลกว่าเดิมขนาดไหน

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline