logo-heading

แม้จะมีข่าวออกมาว่าให้ความสนใจกองกลางหลายคน ทว่าท้ายที่สุด เอริค เทน ฮาก เลือกจิ้มนิ้วไปที่กองกลางอย่าง มาร์เซล ซาบิตเซอร์ จาก บาเยิร์น มิวนิค ที่กลายเป็นตัวสำรองบ่อยครั้งในช่วงหลัง

ซึ่งดีลกับแข้งวัย 28 ปี มาแรงในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ตลาดจะปิดตัวลง ทุกอย่างเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว เช่นเดียวกันนักเตะเมื่อได้รับเสมอก็ขึ้นเครื่องลงที่ แมนชสเตอร์ ตรวจร่างกาย และสโมสรก็ประกาศคว้าตัวมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการด้วยสัญญายืมตัว

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราในวันนี้จะพาไปรู้จักกับกองกลางรายนี้ให้มากขึ้น ว่าไทม์ไลน์ชีวิตลูกหนังเป็นอย่างไร และสไตล์จะเข้ากับระบบของทัพ "ปีศาจแดง" มากขนาดไหน

หามมาแนะ : "มาร์เซล ซาบิตเซอร์" กองกลางรายใหม่ของทัพ "ปีศาจแดง"

จุดเริ่มต้น

ซาบิตเซอร์ ลืมตาดูโลกที่เมืองเวลส์อัปเปอร์ ออสเตรีย ซึ่งเจ้าตัวเกิดขึ้นในครอบครัวนักกีฬาอย่างแท้จริง คุณพ่อของเขาเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน ค้าแข้งกับหลายสโมสรในบ้านเกิด ส่วนตัวของ มาร์เซล ออกสตาร์ทกับเวทีเกมลูกหนังกับสโมสร แอดมิร่า วอคเกอร์ ซึ่งเจ้าตัวเข้าไปฝึกศาสตร์ฟุตบอลตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ เท่านั้น

จากนั้นก็โยกย้ายไปอยู่กับหลายๆ อคาเดมี่ไม่ว่าจะเป็น กราเซอร์ เอเค, เวียนเนอร์ นูสตั๊ดท์, ออสเตรีย เวียนนา ก่อนกลับมาได้รับโอกาสครั้งสำคัญกับ แอดมิร่า วอคเกอร์ ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้เจ้าตัวเริ่มได้รับโอกาสที่มากขึ้น พร้อมลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ลุยลีกสูงสุดของประเทศครั้งแรกในปี 2011 

สถิติกับ แอดมิร่า วอคเกอร์ กับบทบาทกองกลางไม่ได้ขี้เหร่เลยสักนิด ลงสนามไปทั้งหมด 52 นัดในทุกรายการ ทำไปได้ 10 ประตู กับ 8 แอสซิสต์ ซึ่งหลังจากค้าแข้งกับอีกได้ราวๆ 3 ปี ก็ถึงช่วงเวลาสำคัญในการเติบโตในเส้นทางสายนักฟุตบอลต่อไป

โยกย้ายสู่ทีมใหญ่

หลังโชว์ผลงานกับทีมเก่าได้อย่างโดดเด่นก็ถึงเวลาโยกย้ายสู่สโมสรที่ใหญ่กว่า ช่วงเดือนมกราคม 2013 ซาบิตเซอร์ ถูกทีมชั้นนำในบ้านเกิดอย่าง ราปิด เวียนนา ดึงตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัวแสนถูกเพียง 350,000 ยูโร เท่านั้น

ทว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าพอสมควร 2 ฤดูกาลกับทีม ซาบิตเซอร์ กลายเป็นตัวหลักที่ได้รับโอกาสอยู่พอสมควร ซีซั่นแรกย้ายไปก็สามารถยึดตัวจริงให้กับทีมได้ทันที พาสโมสรจบอันดับ 3 ในลีกคว้าตั๋วไปลุยศึกยูโรปาลีก ส่วนฤดูกาลถัดมา เจ้าตัวลงสนามไปมากถึง 40 เกม ก่อนพา ราปิด เวียนนา  ขยับขึ้นไปจบอันดับ 2 ตาราง

แน่นอนว่าผลงานราวๆ 1 ปีครึ่งกับ ราปิด เวียนนา ยกระดับ และความสามารถของเขาให้โดดเด่นขึ้น กลายเป็นนักเตะที่ได้รับความสนใจจากหลายทีมในลีกชั้นนำของยุโรป ก่อนที่บทสรุปจะเป็น แอลเบ ไลป์ซิก ที่จ่ายเงิน 2 ล้านยูโรปิดดีลมาร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ 2014 ทว่าในตอนนั้นทีมยังคงสถานะเป็นเพียงทีมในลีกรองของ เยอรมัน อยู่เท่านั้น

การเข้ามาของ ซาบิตเซอร์ ซีซั่นแรกทีมปล่อยไปให้สโมสรพันธมิตรอย่าง เรดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก ใช้งาน ซึ่งที่นี่เขาสามารถคว้าความสำเร็จแรกในอาชีพการค้าแข้งได้สำเร็จทั้งแชมป์ลีก และบอลถ้วย ก่อนที่อีก 1 ปีให้หลัง จะดึงตัวกลับมาใช้งานเอง และเป็นกำลังหลักพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ 

การลงเล่นใน บุนเดสลีกา ของ ซาบิตเซอร์ ต้องบอกว่าสวยงามพอสมควร ได้โอกาสสม่ำเสมอ และยกระดับฝีเท้าของตัวเองได้ขึ้นเรื่อยๆ อาจไม่มีความสำเร็จแบบเป็นรูปธรรม ที่ทิศทางทั้งของสโมสร และตัวถือว่ายอดเยี่ยม ส่วนที่การันตีเรื่องฝีเท้าคงเป็นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของออสเตรียเมื่อปี 2017

อีกทั้งยังเคยติดทีมยอดเยี่ยมศึกบุนเดสลีกาเมื่อฤดูกาล 2019-20 ทั้งจากการประกาศของ บุนเดสลีกา และ คิกเกอร์ สื่อชื่อดังในเมืองเบียร์ มากไปกว่านั้นยังถูกเลือกเป็น 1 ใน 23 นักเตะติดโผ UEFA Champions League Squad of the Season อีกด้วย

จนกระทั่งซัมเมอร์ 2021 บาเยิร์น มิวนิค ที่ส่องฟอร์มมานานพอสมควร ก็จัดการควักกระเป๋าจ่ายเงินจำนวน 15 ล้านยูโร เพื่อเป็นการดึงตัว ซาบิตเซอร์ มาเสริมแต่งแดนกลางให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ซี่งกับทัพ "เสือใต้" เพียงซีซั่นแรกเจ้าตัวก็จัดการสอยแชมป์ บุนเดสลีกา มาครองได้สำเร็จ พ่วงด้วยบอลถ้วยอย่าง ซูเปอร์ คัพ อีก 1 รายการ

ก่อนที่ล่าสุดจะย้ายมาหาความท้าทายใหม่ๆ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นลีก 3 ที่ที่เจ้าตัวย้ายมาค้าแข้ง หลังพิสูจน์ตัวเองมาแล้วกับลีก ออสเตรีย กับ เยอรมัน ตลอดกว่า 10 ปี ที่ผ่านมา

หามมาแนะ : "มาร์เซล ซาบิตเซอร์" กองกลางรายใหม่ของทัพ "ปีศาจแดง"

ในนามทีมชาติ

ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นทำให้ ซาบิตเซอร์ ติดทีมชาติออสเตรียตั้งแต่มาตั้งแต่อายุ 15 ปี ไล่มาตั้งแต่ทีมขุดเยาวชน ยู-16 ปี ไล่เรียงมาเรื่อยๆ ทั้ง ยู-17, ยู-18, ยู-19 และ ยู-21 ก่อนมาติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2012 ในวัย 18 ปี 2 เดือน

ปัจจุบันเจ้าตัวลงสนามช่วยทีมไปแล้วทั้งหมด 68 นัด ซัดไป 12 ประตู ผ่านสังเวียนศึกยูโรมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อปี 2016 กับ 2020 ที่ผ่านมาเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทว่าไปพลาดพ่าย อิตาลี ในช่วงต่อเวลา 2-1 

ส่วนสถิติที่น่าสนใจคือจากประตูที่เขาทำให้ ออสเตรีย ได้ มีเพียง 2 นัดเท่านั้นที่ทีมลงเอยด้วยความพ่ายคือเกมดวล เซอร์เบีย เมื่อตอนคัดเลือกยูโร ปี 2016 และอีกครั้งคือแพ้ เวลส์ ในรอบเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก เมื่อเดือนมีนาคม 2022

ตำแหน่ง & สไตล์การเล่น

ด้วยตำแหน่งของ ซาบิตเซอร์ คือมิดฟิลด์ตัวกลาง อาจจะไม่ได้หนักไปทางตัวรับเสียทีเดียว แต่คือนักเตะพลังไดนาโมคนหนึ่งที่มีความขยันค่อนข้างสูง วิ่งบดขยี้แดนกลาง หรือจะเรียกง่ายๆ คือสามารถเพรสซิ่งใส่คู่แข่งได้เป็นอย่างดี และตอบโจทย์กับฟุตบอลในสไตล์ของ เทน ฮาก มากพอสมควร

อีกทั้งเจ้าตัวยังคงขยับขึ้นไปเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ได้อีกด้วย ซึ่งจากที่ผ่านมาสถิติการทำประตูของเขาถือว่าดูดีพอสมควรในบทบาทกองกลาง ซีซั่น 2019-20 ขวบปีที่พีคที่สุดเคยทำไปได้ถึง 16 ประตู พ่วงกับอีก 11 แอสซิสต์ ให้ แอลเบ ไลป์ซิก

หรือกับ เรดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก  ที่ถูกยืมไปใช้งานเมื่อฤดูกาล 2014-15 ก็จัดการสอยตาข่ายไปมากถึง 27 ตุง เป็นรองดาวซัลโวของทีม ซึ่งตำแหน่งที่ได้รับคือตัวรุกทั้งยืนเป็นหน้าต่ำ หน้าเป้า หรือถ่างออกไปยืนริมเส้น

ทว่าด้วยสไตล์ฟุตบอลของเขาอาจไม่ใช่นักเตะจำพวกสร้างสรรค์เกมเป็นเลิศ ทว่ามันก็ทดแทนด้วยระเบียบวินัยในการช่วยแดนกลางของทีมให้มีความแข็งแกร่ง เพรสซิ่งหนักหน่วง และทำตัวให้มีประโยชน์แม้ไม่ได้ครอบครองบอลก็ตาม

และอีกจุดเด่นคือความเป็นผู้นำในสนาม ด้วยบทบาทที่เคยสวมปลอกกัปตันทีมของ ไลป์ซิก อีกทั้งเริ่มขยับขึ้นมาเป็นผู้นำในแคมป์ทีมชาติทำให้ ทำให้จุดเด่นในการคอยกระตุ้น หรือปลุกใจเพื่อนๆ ย่อมมีอยู่ในตัวของ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ เช่นกัน

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline