background-defaultbackground-default
logo-pwa

เพิ่ม Khobsanam

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

ซึ่งจากตอนแรกดูเหมือนจะเป็นเกมที่ไม่ยากเย็นสำหรับพวกเขา ทว่าก็มาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องมาทำให้สถานการณ์มันพลิกผันคือการมาเหลือ 10 คนในช่วง 20 นาทีสุดท้าย

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปเก็บตกประเด็นเด็ดๆ หลังเกมว่ามีเหตุการณ์อะไรบ้างที่น่าสนใจ ไปติดตามกันได้เลย

การจัดทัพ

เริ่มต้นกันที่ประเด็นการจัดทัพของทั้ง 2 ฝั่งกันก่อน เจ้าถิ่น "ปีศาจแดง" ของ เอริค เทน ฮาก ที่มีโปรแกรมลงสนามอัดแน่นเสียเหลือเกินในช่วงนี้ยังคงยึดแกนหลักจากเกมที่ผ่านๆ มา ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก

แนวรับยึดจุดเดิมทั้ง อารอน วาน-บิสซาก้า, ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ ลุค ชอว์ ส่วนแผงกองกลางที่ขาด คริสเตียน อิริคเซ่น จากอารการบาดเจ็บไป ทดแทนด้วย เฟร็ด ส่วนเกมรุกหน้าเดิมทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นานเดส, อันโตนี และหน้าเป้าอย่าง เวาท์ เวกฮอร์สต์

ซึ่งจากคาดการณ์ทีแรกตำแหน่งหัวหอกอาจปรับมาใช้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ทว่าหลังจากประกาศรายชื่อกองหน้าชาวฝรั่งเศสกลับหายหน้าไปจากทีมอีกครั้ง แน่นอนว่าคงเป็นอาการบาดเจ็บที่ลักพาตัวเขาไป 

ข้ามมาที่ฝั่งผู้มาเยือนของ ปาทริค วิเอร่า ถือว่าเกมรุกลดประสิทธิภาพลงทันทีเมื่อไม่มี วิลฟรีด ซาฮา ทำให้แผงเกมรุกต้องหวังพึ่งพา  ไมเคิ่ล โอลิเซ่, เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ และ อ็อดซอนน์ เอดูอาร์

รูปเกมที่เกิดขึ้น

ออกสตาร์ทได้ไม่นานก็ต้องบอกว่าทุกอย่างเหมือนจะเข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด  อย่างง่ายดาย พวกเขาชิงขึ้นนำไปก่อนจากจุดโทษของ บรูโน่ แฟร์นานเดส ซึ่งหลังจากนั้นก็สามารถครองบอล ครองเกมทุกอย่างไว้ได้ทั้งหมด

ทว่าปัญหาคือไม่สามารถบวกประตูที่สองได้ แน่นอนว่าเมื่อนำอยู่แค่ประตูเดียวทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ บทเรียนจากเกมแรกที่บุกไปเยือนถิ่น เซลเฮิสต์ พาร์ค ยังคงตามหลอกหลอนอยู่

ซึ่งครึ่งหลังที่ลงมาเล่นก็กลายเป็น พาเลซ ที่ยกระดับเกมของตัวเองได้ดีขึ้นพอสมควร มีโอกาสจบสกอร์ และสร้างสรรค์โอกาสให้ได้เห็น ว่าแล้ว เทน ฮาก จัดการแก้เกมใส่ การ์นาโช่ ลงมาแทน เวกฮอร์สต์ ก่อนที่เด็กหนุ่มคนนี้จะมีส่วนร่วมกับประตูทิ้งห่างของ แรชฟอร์ด แบบเต็มๆ

เมื่อเกมดำเนินมาถึงตรงนี้ดูเหมือนทุกอย่างน่าจะเป็นงานที่ง่ายมากขึ้นของ ยูไนเต็ด ทว่าทันใดนั้นเหตุการณ์ชุลมุนบริเวณข้างสนามก็นำมาซึ่งจุดเปลี่ยนเมื่อ กาเซมิโร่ มาโดนใบแดงโทษฐานไปบีบคอ วิลล์ ฮิวส์ ทำให้ทีมต้องเล่น 10 คน ในช่วงกว่า 20 นาทีสุดท้าย และคราวนี้ก็กลายเป็น พาเลซ ที่โขยกบุกเข้าใส่แบบจัดหนักจัดเต็ม ก่อนมาได้ประตูตีไข่แตกจาก เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปพอสมควร

หนึ่งในจุดที่เหมือนจะเป็นข้อผิดพลาดของ เทน ฮาก คือเมื่อทีมไม่มีมิดฟิลด์ตัวตัดเกมอย่าง กาเซมิโร่ ในสนาม นายใหญ่รายนี้ไม่ยอมส่งกองกลางที่คอยตัดเกม หรือชะลอคู่แข่งลงมาแบบทันทีทันใด ทั้งที่มีนักเตะใหม่อย่าง มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ให้เลือกใช้ ส่งผลให้แดนกลางเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครมาคอยสกรีนก่อนบอลมาถึงแดนหลัง

หลังจากนั้นเมื่อโดนประตูกระตุกหนวดผีทำให้ต้องเปลี่ยนกระบวนท่าในทันที พรางตัวนักเตะในระบบเกมรับแบบเต็มกราฟทั้ง ซาบิตเซอร์, แม็คไกวร์ หรือ ลินเดเลิฟ ก่อนที่จะเอาตัวรอดได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า พาเลซ ไม่มีความเฉียบขาดกันเองด้วย

หลังเกม "แมนยูฯ" เกือบแย่ แต่ยังคว้าชัยเหนือ "พาเลซ"

ใบแดงของ กาเซมิโร่

จังหวะชุลมุนต่อเนื่องมาจากที่ อันโตนี โดนวิ่งเข้ามากระแทกจนหลุดออกนอกสนามนั้น สร้างผลกระทบครั้งใหญ่ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้อย่างแท้จริง

สองคู่กรณีอย่าง อันโตนี กับ เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ โดนใบเหลืองเตือนสติกันไป ทว่ากับในเคสของ กาเซมิโร่ ที่จากภาพ VAR เหมือนจะเอามือไปบีบบริเวณคอของ วิลล์ ฮิวส์ และเมื่อ อันเดร มาริเนอร์ ผู้ตัดสินในสนามวิ่งไปดูภาพจากกล้องด้วยตัวเอง ก็จัดการชูใบแดงไล่ออกจากสนามในทันที

ซึ่งถามว่าให้ได้ไหม ? ถ้าดูจากภาพที่ VAR ค่อยๆ สโลว์มันอาจดูรุนแรง ทว่าถ้าปล่อยภาพไหลไปเรื่อยๆ มันไม่ได้เป็นการบีบแบบเอาเป็นเอาตาย และหวังทำร้ายคู่แข่งถึงขนาดนั้น ทว่าสุดท้ายก็ต้องสนกลับมาที่ตัวของ กาเซมิโร่ เองที่แสดงท่าทีแบบนั้นออกไป ด้วยการออกมือออกไม้ชัดเจน

ทว่าจากจังหวะดังกล่าวมันยังมีอีกหลายช็อตที่ควรนำมาถูกพูดถึงกันอย่าง เฟร็ด ที่โดน จอร์แดน อายิว ทำในลักษณะคล้ายกับที่กองกลางแซมบ้ากระทำ ทว่าก็ถูกเพิกเฉยไป

เท่ากับว่า กาเซมิโร่ จะถูกแบนทั้งหมด 3 เกม อันประกอบไปด้วย เกมพบกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2 เกม และ ดวล เลสเตอร์ อีก 1 นัด ก่อนจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเกมนัดชิงชนะเลิศศึก ลีก คัพ ที่จะพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

ปัญหาแดนกลาง

แน่นอนว่าการขาดหาย กาเซมิโร่ ย่อมส่งผลโดยตรงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วง 3 เกมหลังจากนี้ เท่ากับว่าคู่มิดฟิลด์ที่ เทน ฮาก ใช้มาตลอดในช่วงหลังจะถูกลักพาตัวออกจากสนามไปทั้งคู่

กาเซมิโร่ โดนแบน - คริสเตียน อิริคเซ่น บาดเจ็บพักยาว 3 เดือน

ซึ่งจะทำให้กองกลางแท้ๆ ของ ยูไนเต็ด ในช่วงต่อจากนี้จะเหลือตัวเลือกให้ใช้งานเพียง 2 คนเท่านั้น คือ เฟร็ด กับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ เนื่องด้วย สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ก็ได้รับบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่ปิดเทอมยาวไปแล้ว

หลังเกม "แมนยูฯ" เกือบแย่ แต่ยังคว้าชัยเหนือ "พาเลซ"

ส่วนอีกออปชั่นหนึ่งที่ เทน ฮาก อาจเลือกใช้งานคือการใส่ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ มาเป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกมแบบที่เคยใช้บริการมาแล้วก่อนหน้านี้ หรือดัน ลิซานโดร มาร์ติเนซ มาเล่นก็ย่อมได้ ทว่าในทางเลือกนี้อาจเสียในเรื่องของเกมรุกไป เนื่องจากบทบาทของ "พี่เกษม" สามารถพาตัวเองไปอยู่ในกรอบเขตโทษ และสร้างสรรค์โอกาสได้บ่อยครั้ง

แน่นอนนี่จะเป็นปัญหาที่ เทน ฮาก จะต้องเผชิญในช่วง 3 เกมต่อไป ซึ่งนอกจากต้องประคองในช่วงไม่มี กาเซมิโร่ 

ยังภาวนาว่าอย่าให้มีใครบาดเจ็บเพิ่มอีกเลยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของซีซั่นทั้งการลุ้นแชมป์ และลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์ 

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline