logo-heading

ชื่อของ คริสเตียน อัตซู อาจจะไม่ได้เป็นที่คุ้นหูของแฟนบอลเท่าไหร่นัก เพราะตลอดเส้นทางการค้าแข้งของเขานับว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่พเนจรมากพอสมควร โยกย้ายไปหลายทีม โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ ทั้งกับ เชลซี, เอฟเวอร์ตัน, บอร์นมัธ หรือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 

เส้นทางการค้าแข้งของ อัตซู เริ่มต้นกับสโมสรในบ้านเกิดที่ชื่อว่า เฟเยนูร์ด เฟตเตห์ ก่อนที่จะมาเข้าศึกษาต่อที่ West African Football Academy จึงเป็นที่มาจองการได้ค้าแข้งกับสโมสรที่มีชื่อว่า Cheetah ซึ่งเป็นสโมสรที่ตั้งอยู่ใน Kasoa เมืองตอนกลางของ กาน่า

จากนั้นด้วยฝีเท้าที่โดดเด่น โอกาสโยกย้ายสู่ดินแดนยุโรปจึงเกิดขึ้นตั้งแต่เขาเพิ่งมีอายุเพียง 17 ปี เท่านั้น และเกิดขึ้นกับทีมใหญ่ของโปรตุเกสอย่าง ปอร์โต้ ซึ่งตอนนั้นคุมทีมโดย อังเดร วิลาส-โบอาส แต่ด้วยอายุที่ยังไม่เยอะ ทำให้ทีมจำเป็นต้องปล่อยออกไปหาประสบการณ์กับ ริโอ อาฟ ซึ่งกับสโมสรแห่งนี้สามารถเปิดพื้นที่ให้เขาได้โชว์ศักยภาพออกมา และลงสนามอย่างต่อเนื่อง

แด่ "คริสเตียน อัตซู" หนึ่งในนักเตะระดับพรสวรรค์

สถิติภายใต้สีเสื้อของ ริโอ อาฟ เจ้าตัวลงสนามไปมากถึง 30 เกม ซัดไป 6 ประตู ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร กับบทบาทตัวริมเส้น จากนั้นในซีซั่น 2012-13 ปอร์โต้ ตัดสินใจดึงตัวกลับมาใช้งานเอง และ อัตซู เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดคว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ นับเป็นความสำเร็จแรกในเส้นทางสายนักฟุตบอลของเจ้าตัว

กระทั่งซัมเมอร์ 2013 อัตซู ได้รับความสนใจจาก เชลซี หนึ่งในทีมที่มองหาดาวรุ่งจากทั่วทุกมุมโลก และเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทีมให้ความสนใจก่อนควักเงินราว 3 ล้านยูโร ดึงตัวมาร่วมทีม ทว่าความน่าเสียดายคือเจ้าตัวไม่ได้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ของ "สิงห์บลูส์" เลยตลอดสัญญาที่มีกับทีม และถูกปล่อยยืมไปมากถึง 5 ครั้ง ด้วยกัน

ไล่เรียงมาตั้งแต่ วิเทสส์, เอฟเวอร์ตัน, บอร์นมัธ, มาลาก้า และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งกับทุกสโมสรที่กล่าวมาเขาเป็นส่วนหนึ่ง ของทีมแทบทั้งหมด ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับทัพ "สาลิกาดง" ในซีซั่น 2016-17 และเป็นส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมเลื่อนชั้นกลับสู่ศึกพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

และผลตอบแทนที่ อัตซู ได้รับคือการที่ นิวคาสเซิ่ล ทุ่มเงินจำนวน 7 ล้านยูโร ดึงตัวมาร่วมทีมแบบถาวร ภายหลังมองเห็นแล้วว่าแข้งวัย 25 ปี ณ ขณะนั้นสามารถเติมเต็ม และช่วยยกศักยภาพของทีมได้อย่างชัดเจน

ตำแหน่งถนัดของ อัตซู คือการเล่นตัวริมเส้น จุดเด่นคือเรื่องของความเร็ว และความคล่องแคล่ว สามารถไปกับบอลได้เป็นอย่างดี แม้ร่างกายไม่ได้สูงใหญ่ แต่ทดแทนด้วยความพลิ้วไหว มีสกิลลูกหนังที่โชว์ออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง อีกอย่างที่เหมือนออปชั่นเสริมคือการเล่นลูกนิ่ง และเคยทำประตูแบบสุดคลาสสิคมาแล้วในสีเสื้อของ "เดอะ แม็กพาย"

แด่ "คริสเตียน อัตซู" หนึ่งในนักเตะระดับพรสวรรค์

ชีวิตในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค หลังได้รับสัญญาถาวรถือว่าไปได้สวยเลยทีเดียว เจ้าตัวได้โอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอจากนายใหญ่อย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ก่อนจะมามีการเปลี่ยนแปลงในช่วงท้ายๆ มาอยู่ในมือของ สตีฟ บรูซ 

หลังลงเล่นให้ทีมมา 4 ซีซั่นเต็มๆ ชื่อของ อัตซู ก็หายหน้าไปเลยในฤดูกาล 2020-21 ก่อนที่จะกลับมาเห็นเขาไล่หวดลูกหนังอีกครั้งด้วยการย้ายไปร่วมทัพ อัล ราเอ็ด ทีมในลีกซาอุดีอาระเบีย ซึ่งก็อยู่ได้ช่วงสั้นๆ ลงสนามไปเพียง 8 เกม เท่านั้น แต่ก็มีมาฝาก 1 แอสซิสต์

จากนั้นก็เกิดการโยกย้ายอีกครั้ง และเป็น ฮาเตย์สปอร์ ทีมในตุรกีดึงตัวไปร่วมทัพแบบฟรีเอเยนต์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2022 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งสถิติกับทีมใหม่เจ้าตัวลงสนามไปทั้งหมด 4 เกม ทำไปได้ 1 ประตู ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรกี ทำให้ตึกพังทลายจนทับร่างเขา ก่อนมีการพบร่างเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ซึ่งในวงการฟุตบอลมีการไว้อาลัยต่อการจากไปของ อัตซู รวมไปถึงนักฟุตบอลหลายคนพร้อมใจส่งข้อความไปถึงอดีตนักฟุตบอลรายนี้ไม่ว่าจะเป็น โรเมลู ลูกากู ที่เคยร่วมงานด้วยที่ เอฟเวอร์ตัน หรือ โมฮาเหม็ด คูดุส ดาวยิงจาก อาแจ็กซ์ ก็โชว์ข้อความ R.I.P ATSU หลังทำประตูได้

หนึ่งในความสูญเสียที่ไม่มีวันกลับ... สู่ภพภูมิที่ดี 

แด่ "คริสเตียน อัตซู"

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline