logo-heading

ย้อนกลับไปทัพ "หงส์แดง" ภายใต้การบริหารงานของ เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ตกเป็นข่าวพัวพันตามหน้าสื่อมาตลอดว่าอาจพิจารณาการขายทีมออกไป ซึ่งสร้างความแตกตื่นได้มากพอสมควร หลังมีการประโคมข่าวว่าได้รับความสนใจจากหลายกลุ่มทุน โดยเฉพาะจากฝั่งอาหรับที่จะหอบเงินมาฮุบกิจการของ ลิเวอร์พูล

แน่นอนว่าเรื่องของความ ขี้เหนียว ขี้งก จอห์น เฮนรี่ ไม่ได้เป็นสองรองใคร เงินทุกสตางค์ที่จะออกมาจากกระเป๋าต้องใช้มันอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งประเด็นนี้แฟนบอล ลิเวอร์พูล น่าจะเข้าใจเป็นอย่างดี

ซึ่งการประกาศจุดยืนไม่ขายทีมอาจไม่ถูกใจแฟนบอลในบางกลุ่มอยู่บ้างที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ทว่าในอีกมุมมันก็พอเห็นแสงสว่างตรงที่ เฮนรี่ ได้เผยว่ากำลังมองหานักลงทุนมาช่วยยกระดับทีม 

ว่าแล้วสิ่งที่ ขอบสนาม จะนำเสนอในวันนี้คืออนาคตหลังจากนี้ของพลพรรคทัพ "หงส์แดง" จะเดินหน้าไปทางไหน กับการที่ยังคงมีจอห์น เฮนรี่ นักธุรกิจชาวอเมริกันแห่ง เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป เป็นหัวเรือใหญ่ของสโมสรอยู่

การซื้อนักเตะ

ทุกตลาดซื้อ-ขาย นักเตะของ ลิเวอร์พูล ในช่วงหลังถือว่าเงียบเหงาพอสมควร แม้จะตกเป็นข่าวกับนักเตะชื่อดังหลายคน ทว่าด้วยเม็ดเงินลงทุนที่ไม่ได้สูงมากนัก และทุกครั้งที่ทีมบริการจะควักกระเป๋าจ่ายต้องสามารถหวังพึ่งพา และยกระดับทีมจากฝีเท้าของผู้เล่นคนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

เรามักจะเห็นว่าบางครั้งทีมจำเป็นต้องขายออกไปก่อน จึงค่อยซื้อเข้ามา หรือจะลงทุนกับใครสักคนต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ซึ่งจุดนี้แตกต่างไปจากสโมสรอื่นๆ ที่เดินหน้าลุยซื้อนักเตะเสริมทีมอย่างดุเดือด ยกตัวอย่าง ท็อดด์ โบห์ลี เจ้าของสโมสรเชลซี ที่ระเบิดคลังตลาดรอบเดียวมากกว่า 300 ล้านปอนด์

ซึ่งแนวทางของ เฮนรี่ คือจะไม่ยอมโดนโก่งราคาจากผู้ขายอย่างแน่นอน ถ้าไม่พอใจในตัวเลขที่เสนอไป ก็พร้อมหันไปคว้านักเตะคนอื่นๆ ในกรณีที่กุนซือได้วางแพลน B หรือ C ไว้ล่วงหน้า

ยกกรณีของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทีมลงทุนไปราว 40 ล้านปอนด์ ก่อนได้รับผลตอบแทนมาอย่างมหาศาล หรือในเคสของ คอสตาส ซิมิกาส ที่เป็นตัวเลือกรองมาจาก จามาล ลูอิส ที่ทีมไม่สามารถจ่ายค่าตัวในระดับที่ นอริช ต้องการได้ จึงถอนสมอเปลี่ยนเป้าหมายแทน

แน่นอนว่าหลังจากนี้แนวทางในรูปแบบนี้มันยังคงดำเนินต่อไป เพราะมันค่อนข้างยั่งยืนกว่า แม้เจ้าของจะมีเงินมากมาย แต่มันคือธุรกิจฟุตบอลที่เขามาลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาความสำเร็จก็จับต้องได้ ทีมคว้าแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีก หรือ แชมเปี้ยนส์ลีก มาครอง

ทว่าถ้ามองในอีกมุมบางทีมันอาจจะมีช่วงที่ต้องตามหลังคู่แข่งที่ทุ่มงบแบบไม่อั้นอยู่บ้าง สุดท้ายมันคือแนวทางของทีม และไม่อาจเปลี่ยนใจคนทำทีมที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการตัดสินใจทุกอย่างได้อยู่แล้ว

เมื่อ "FSG" ไม่ขาย "ลิเวอร์พูล" ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ?

โอกาสขายสโมสร ?

หนึ่งในประโยคที่น่าสนใจของ จอห์น เฮนรี่ จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดที่ระบุว่าตัวเขาจะไม่อยู่อังกฤษไปตลอด ซึ่งนั้นมันก็หมายความว่าเจ้าตัวก็มีโอกาสขายสโมสร ลิเวอร์พูล ในอนาคต ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าจะเป็นอันใกล้ หรือไกลหลังจากนี้

แต่อีกมุมที่ เฮนรี่ กำลังจะลงมือทำคือการหาผู้ร่วมทุน ส่วนหนึ่งเพื่อจะได้ทราบถึงมูลค่าที่แท้จริงของสโมสรว่าอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ เพื่อเป็นตัวเลขประกอบการตัดสินใจอนาคต ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาจริงๆ 

ซึ่งหนึ่งในข้อมูลเชื่อมโยงที่มีการพูดถึงกันคือ จอห์น เฮนรี่ อาจเบนเป้าไปขยายสาขาบริหารงานของตัวเองกับการทำทีมบาสเกตบอล NBA หลังมีการประกาศว่าอาจมีการขยายทีมเพิ่มเป็น 32 ทีม ในอีกราวๆ 2 ปีข้างหน้า แน่นอนว่าด้วยความมีเลือดของนักธุรกิจ นายทุนชาวอเมริกันแบบเขาย่อมสนใจ และหันไปทุ่มเงินกับกีฬาชนิดดังกล่าว

ปัจจุบัน เฮนรี่ ก็บริการงานของทีมเบสเบลอย่าง บอสตัน เรด ซ็อกซ์ ก่อนทำได้ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มาแล้ว ซึ่งกระบวนการทำทีมก็ใช้ยุทธวิธีเดียวกับที่ใช้กับ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้

ฉะนั้นถามว่าโอกาสขายทีมของ เฮนรี่ มีไหม ? คงตอบได้เลยว่า "มี" ตามบทสัมภาษณ์ของเขา แต่คงต้องลุ้นกันหน่อยว่ามัยจะเกิดขึ้นในอีก 3, 5, 8 ปี หรือมากกว่านั้น

เมื่อ "FSG" ไม่ขาย "ลิเวอร์พูล" ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ?

การบริหารทีม

อย่างที่กล่าวไปวิธีการของ ลิเวอร์พูล คงจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายเกี่ยวกับการซื้อนักเตะเข้าทีม ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องปล่อยใครบางคนเพื่อระดมทุนคว้าแข้งใหม่ป้ายแดง

ซึ่งประเด็นนี้มันย่อมกระทบชิ่งไปถึงการทำงานของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ด้วยว่าจะสามารถบริหารจัดการกับบุคลากรนักเตะอย่างไร การเลือกซื้อใครสักคนต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนตามงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่สามารถคว้าใครได้ตามอำเภอใจ 

แน่นอนมันย่อมส่งผลต่อการดึงเหล่าแข้งซูเปอร์ที่เคยตกเป็นข่าวไม่ว่าจะเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม หรือ ดีแคลน ไรซ์ 

กับเรื่องดังกล่าวมันย่อมขัดใจแฟนบอลที่อยากเห็นทีมยกระดับด้วยนักเตะมากความสามารถ แต่อย่างน้อยในแง่มุมดังกล่าวยังพอมีเรื่องดีๆ ให้ได้มองอยู่บ้างคือความสำเร็จที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์

อย่างไรก็ตามเรื่องในอดีตกับปัจจุบันมันย่อมแตกต่างกันออกไป หลายสโมสรพร้อมทุ่มเงินเพื่อความสำเร็จ และยกระดับทีมไม่ว่าจะเป็น เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ นิวคาสเซิ่ล

คราวนี้อยู่ที่ เฮนรี่ และเหล่าทีมบริหาร รวมถึง คล็อปป์ แล้วว่าจะรับมือกับสถานการณ์ข้างหน้าอย่างไรบ้าง

และบางที ผลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อคืนที่โดน เรอัล มาดริด บุกมาตบ 5 เม็ด มันน่าจะทำให้ FSG ฉุกคิดบางสิ่งบางอย่างได้ 

- Paolinho -
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline