logo-heading

เกมนี้ บาร์ซ่า ขึ้นนำไปก่อน จากจุดโทษของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ตั้งแต่ครึ่้งแรก แต่ทว่า 45 นาทีหลัง การแก้เกมของ เอริค เทน ฮาก คือจุดเปลี่ยน ทั้งการส่ง อันโตนี่ หรือ เปลี่ยน ดิโอโก้ ดาโลต์ ลงมาแทน อาร่อน วาน-บอสซาก้า ล้วนมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เอาเป็นว่าหลังจบเกมนี้ มีประเด็นอะไรให้ต้องพูดถึงกันบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

- การแก้แค้นอันแสนหอมหวาน

บาร์เซโลน่า มีสถิติที่ดีมากเหลือเกิน ในการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บนเวทียุโรป โดย 5 นัดหลังสุด เจ้าบุญทุ่ม ไม่เคยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ โดยครั้งล่าสุดที่บุกมาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2019 ก็สามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1-0

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว เพราะ ปีศาจแดง เวอร์ชั่นใหม่ ไฟแรงเว่อร์มากกว่าเดิม ไม่ยอมให้เป็นหมูได้เคี้ยวง่ายๆ ยิ่งชั่วโมงนี้ เอริค เทน ฮาก กำลังทำทีมได้อย่างแข็งแกร่งไปทั่วแผ่นดิน

และ ในที่สุดการแก้แค้นอันแสนหอมหวานของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็บังเกิด เมื่อพวกเขาล้างอาถรรพ์ พลิกกลับมาเอาชนะ บาร์ซ่า 2-1 ได้สักที ที่สำคัญเป็นการเขี่ย เจ้าบุญทุ่ม ตกรอบ พร้อมกรุยทางสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก ซึ่งต้องให้เครดิตกับ เทน ฮาก ในการแก้เกมได้ถูกจุดเหลือเกิน เรียกว่าครึ่งหลังคุมเกมได้อย่างอยู่หมัด โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวของเขา ซึ่งซีซั่นนี้ เทน ฮาก เปลี่ยนตัวสำรองลงมายิงประตูแล้ว 19 ลูก !!

นอกจากนี้ เทน ฮาก และ นักเตะ ปีศาจแดง ยังประกาศศักดาให้โลกรู้ไปเลยว่า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คือนรกของทีมเยือน เพราะ 18 นัดหลังสุด ไม่เคยแพ้ให้กับผู้มาเยือน โดยชนะได้ถึง 16 นัด และ หลุดเสมอไปแค่ 2 นัด เท่านั้น พร้อมยิงได้ถึง 41 ประตู เสียไปแค่ 9 ลูก เท่านั้น ขนาดจ่าฝูง ลา ลีกา สเปน ที่ไม่แพ้ใครมา 18 นัด ก็ยังต้องพ่ายแพ้กลับไปเช่นกัน

- แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้าล่า 4 แชมป์

บรรยากาศภายในทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขล้นมากเหลือเกิน และ มันก็แผ่รัศมีออกมาให้ทั้งแฟนบอล รวมถึง เหล่าตำนาน ปีศาจแดง กลับมาดูทีมรักลงสนาม ด้วยความคึกคักเหมือนย้อนกลับไปยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังไงอย่างงั้น

จากการเอาชนะ บาร์เซโลน่า ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก ส่งผลให้ ปีศาจแดง ยังคงอยู่ในเส้นทางเดินหน้าล่า 4 แชมป์อยู่เหมือนเดิม โดยนอกจากรายนี้แล้ว ยังมี พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ ที่จะชี้ชะตาชิงโทรฟี่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คืนวันอาทิตย์นี้

ซึ่งการเข้ามาของ เอริค เทน ฮาก เปลี่ยนแปลงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาคืนชีพอีกครั้ง เขาได้รับการชื่นชมอย่างมากในการปลุก DNA ปีศาจแดง ขึ้นมา มารอดูกันว่าสุดสัปดาห์นี้ เทน ฮาก จะสามารถนับ 1 กับถ้วยแรกของตัวเองกับสโมสรแห่งนี้ได้หรือไม่ หลังจากร้างแชมป์มาตั้งแต่ปี 2017

- สองขวัญใจ ปีศาจแดง พาทีมผ่านเข้ารอบ

ใครคนไหนที่เคยด่า เฟร็ด โปรดเอาของเซ่นไหว้ เพื่อมาขอขมาบัดเดี๋ยวนี้ .. จากคนที่เคยเป็นตัวโจ๊กของทีม ลงสนามเมื่อใดก็มักมีส่วนทำให้ทีมเสียประตูอยู่เสมอ แต่กระนั้นเกมชนะ บาร์เซโลน่า เขาได้แปลงร่าง สวมวิญญาณเปลี่ยนไปเป็น เฟร็ดดินโญ่ เรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ

เฟร็ด โดดเด่นมากทั้งการเล่นรับ ในการช่วยแท็คเกิ้ล และ ช่วยตัดบอล ส่วนเกมรุกเขาก็เป็นคนยิงประตูตีเสมอ 1-1 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ปลุกความหวังให้สาวก เร้ด เดวิลส์ กลับมาโชติช่วงอีกครั้ง ไม่แปลกใจที่ เทน ฮาก ยังให้โอกาสอยู่บ่อยๆ เพราะการลงเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 6 นัดหลังสุด เฟร็ด มีสถิติยิง 3 ประตู กับทำอีก 2 แอสซิสต์

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ เฟร็ด คนเดียวนะครับ เพราะคนที่เป็นฮีโร่ ยิงประตูชัยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ บาร์ซ่า 2-1 นั่นก็คือ เดอะหมุน อันโตนี่ นั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาถูกวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นอย่างมาก โดยเฉพาะการหวงบอล หรือ จังหวะควรจ่าย ก็ไปเลือกยิงเสียเอง ซึ่งมันก็มีอีกแล้วในเกมนี้ 

แต่ทว่าทุกอย่างถูกลืมจนหมดสิ้น เพราะ อันโตนี่ ลงมาเป็นสำรอง และ ยิงด้วยซ้ายเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบคม เป็นประตูแรกของเขานับตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งลูกนี้น่าจะเรียกความมั่นใจกลับมาพอสมควร และ คงทำให้ เอริค เทน ฮาก ปวดหัวในการเลือก 11 ผู้เล่นตัวจริงมากขึ้น

สุดท้ายนี้ ไม่ใช่แค่ 2 คนที่กล่าวมา พา ปีศาจแดง ผ่านเข้ารอบหรอกครับ เพราะช่วงท้ายเกมก็ต้องให้เครดิตกับนักเตะทุกคน ที่ช่วยกันจนทีมคว้าชัยชนะ โดยมีช็อตที่ ดาบิด เด เคอา กระโดดบินปัดลูกโขกของ ฌูลส์ กุนเด้ หรือ การสกัดจาก ราฟาเอล วาราน ก่อนบอลจะผ่านข้ามเส้นไป

- บาร์ซ่า หมดสิทธิ์ทริปเปิ้ลแชมป์

การบุกมาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบที่ต้องขาด เปดรี้ และ กาบี้ สองมิดฟิลด์คนสำคัญ ช่างเป็นอะไรที่เสียหายเหลือเกิน โดยเฉพาะครึ่งหลัง ที่ขาดพลังหนุ่มมาช่วยไล่เพรสซิ่ง หรือ วิ่งสู้ฟัดกับแผงกองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ต้องพ่ายไปในที่สุด

ซึ่งการพ่ายแพ้ครั้งนี้ นับว่าเสียหายสำหรับ บาร์ซ่า เพราะนอกจากจะถูกหยุดสถิติไม่แพ้ใคร 18 นัด ยังคงชนะได้แค่เกมเดียว จาก 15 เกมหลังสุดในเวทียุโรป เมื่อพบกับทีมระดับท็อปจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรป ไหนจะยังถูกเบรคการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในซีซั่นนี้ลงไปแล้วเรียบร้อย โดยจะเหลือเพียง ลา ลีกา สเปน กับ โกปา เดล เรย์ สองรายการเท่านั้น 

แต่ก็เป็นสองรายการที่ บาร์ซ่า มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์มานอนกอดเช่นกัน อย่าง ลา ลีกา สเปน ก็นำเป็นจ่าฝูงของลีก ด้วยการทิ้งห่าง เรอัล มาดริด อันดับ 2 อยู่ 8 คะแนน หลังผ่านไปแล้ว 22 นัด ขณะที่ โกปา เดล เรย์ ก็ผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศ โดยจะต้องพบกับ ราชันชุดขาว คู่ปรับตลอดกาล เช่นเดิม

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline