logo-heading

เพราะต้องบุกไปเยือน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว และ เอาชนะให้ได้ด้วยสกอร์ 4 ลูก ขึ้นไป ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้

การพ่ายแพ้เกมยุโรป ครั้งนี้ ช่างเจ็บปวดรวดร้าว และ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับสาวก เดอะ ค็อป มันมีอีกหลายนัดที่ หงส์แดง แพ้แบบชอกช้ำ และ เอาท์คลาส ไม่ใช่แค่แพ้ มาดริด 2-5 เท่านั้น ดังนั้นจะพาไปดูกันว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มีเกมไหนบนเวที ยูซีแอล ที่ ลิเวอร์พูล ต้องปราชัยแบบช็อคโลก

1. ลิเวอร์พูล 1-4 นาโปลี : ยูซีแอล 2022

เป็นซีซั่นที่ ลิเวอร์พูล ย่ำแย่เกินคำบรรยาย เพราะการเปลี่ยนแปลงทำให้ทุกอย่างยังไม่เข้าที่ ต่อให้พวกเขาจะมีดีกรีเป็นรองแชมป์ยุโรป แต่บุกไปเยือนถิ่น นาโปลี เหมือนถูกสอนบอลให้เห็นเลยว่า "คนละเกรด" ในยุคที่ ลิเวอร์พูล เฟื่องฟู ไม่มีทีมไหนอยากเจอ ก็เคยบุกไปแพ้ นาโปลี มาแล้วถึง 2 ครั้ง ด้วยสกอร์ 0-1 และ 0-2

เกมนี้ เป็นหนึ่งในเกมที่แย่ที่สุดของ ลิเวอร์พูล ยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ เลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แพ้แค่สกอร์ 1-4 แต่มันแพ้ทุกอย่าง ทั้งวิธีการเล่น และ สภาพจิตใจของนักเตะทุกคน ทุกคนพร้อมจะทำผิดพลาด ไม่มีแววตา หรือ ความหิวกระหายชัยชนะอยู่เลย 45 นาทีหลัง เหมือนมีแค่ หลุยส์ ดิอาซ คนเดียวเท่านั้น ที่ยังมีแพชชั่น หวังยิงประตูไล่กลับมา แต่ก็ไม่สำเร็จ

ต้องชื่นชม นาโปลี ด้วย ที่ทำผลงานกันได้อย่างสุดยอด เล่นได้ดุดันเหลือเกิน ไม่แปลกใจว่าทำไมปัจจุบันถึงนำโด่งบนตาราง กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ ที่สำคัญ นาโปลี ยังคงเป็นของแสลงสำหรับ ลิเวอร์พูล ยุค คล็อปป์ อยู่เหมือนเดิม เพราะ 3 นัดที่บุกไปเยือน อัซซูร่า ขุนพล หงส์แดง พ่ายแพ้กลับมาทั้ง 3 นัด โดยยิงได้แค่ 1 ลูก เท่านั้น

2.  ลิเวอร์พูล 0-3 บาร์เซโลน่า : ยูซีแอล 2019

วันที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเยือน บาร์เซโลน่า ยุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ถือว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกิน ที่จะคว้าชัยชนะกลับมา เพราะต่อให้กุนซือจะไม่ค่อยเป็นที่ปลาบปลื้มของแฟนบอล แต่กระนั้นยังนำโดย ลิโอเนล เมสซี่่ จอมทัพเบอร์ 1 ของทีม รวมถึง หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าตัวเก๋า เป็น เดอะ แบก ของทีม

จริงๆแล้ววันนั้น รูปเกมเป็นไปอย่างสูสี ลิเวอร์พูล บุกไปสู้ฟัดกับ บาร์ซ่า ได้ดีเหลือเกิน เพียงแต่ความเฉียบคมต้องยกให้กับทีมเจ้าบ้านจริงๆ ซึ่งวันนั้น ลิโอเนล เมสซี่ แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาถึงถูกยกย่องว่าเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลก หลังทำ 2 ประตู ให้กับทีม โดยเฉพาะการปั่นฟรีคิกบันลือโลก บอลพุ่งเกือบเสียบสามเหลี่ยม ชนิดที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ กระโดดพุ่งสุดตัว ก็ไปไม่ถึง

มันไม่ควรจบที่สกอร์ 3-0 ด้วยซ้ำ บาร์เซโลน่า มีโอกาสฝัง ลิเวอร์พูล ให้ตายคาบ่อ ในนาทีสุดท้าย จากจังหวะที่ เมสซี่ ถวายพานไปให้กับ อุสมาน เดมเบเล่ ยิงแบบโล่งๆในกรอบเขตโทษ แต่ดันยิงแป้กไปเข้ามือ อลิสซอน และ ลูกนี้ก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้ หงส์แดง กลับมาโกงความตาย พลิกนรกเอาชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 ที่แอนฟิลด์ ในเลก 2

3. ลิเวอร์พูล 0-3 เรอัล มาดริด : ยูซีแอล 2014

ลิเวอร์พูล กลับมาลืมตาอ้าปาก ได้คัมแบ็กสู่เวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง เมื่อปี 2014 จากการทำทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส หลังหายหน้าไปนานถึง 5 ปี เป็นยุคที่เกือบจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครอง แต่ทว่าก็โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าป้ายซิวแชมป์ไป

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล เหมือนโดนรับน้องในการกลับไปเล่น ยูซีแอล ครั้งนั้น เมื่อต้องอยู่กลุ่มเดียวกับ เรอัล มาดริด แชมป์เก่า ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ อีกแล้ว โดยได้ตัว มาริโอ บาโลเตลลี่ กับ ริคกี้ แลมเบิร์ต เข้ามาแทน แต่กลับไม่สามารถสร้างผลงานให้น่าประทับใจได้เลย

ซึ่งในเกมที่ หงส์แดง เปิดถิ่นแอนฟิลด์ เจอกับ มาดริด ก็เหมือนเป็นแผลแรก ที่ ราชันชุดขาว ได้ฝากรอยเท้าเอาไว้ เพราะวันนั้น ลิเวอร์พูล แพ้คาถิ่นแบบเอาท์คลาส ด้วยสกอร์ 0-3 .. คาริม เบนเซม่า ยังเป็นหอกทิ่มแทง ยิง 2 ประตูให้กับ มาดริด ส่วนอีกลูกเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากสกอร์ที่เกิดขึ้น เป็นการตอกย้ำว่า หงส์แดง มีอะไรให้ต้องพัฒนาอีกเยอะ พวกเขาไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่เทียบกับแชมป์ยุโรปได้เลย โดยปีนั้น ลิเวอร์พูล ตกรอบแบ่งกลุ่ม เป็นรองให้กับ เอฟซี บาเซิ่ล อีกทีม

4. ลิเวอร์พูล 2-3 แอตเลติโก มาดริด : ยูซีแอล 2020

เป็นเกมที่สกอร์ไม่ได้ขาดอะไรมากมาย แต่เชื่อว่าสาวก เดอะ ค็อป ไม่มีวันลืม เพราะเป็นการพ่ายแพ้ ที่แบบเจ็บช้ำระกำทรวงเหลือเกิน วันนั้น หงส์แดง ได้กลับมาเล่นที่แอนฟิลด์ เจอกับ แอตเลติโก มาดริด หลังแพ้มาก่อน 0-1 ในศึก ยูซีแอล รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง

วันนั้น จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 ต้องไปต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที และ ลิเวอร์พูล ก็มีโอกาสเข้ารอบมากกว่า เมื่อ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ มายิงให้ทีมขึ้นนำ 2-0 แต่แล้ว อาเดรียน ก็มาสร้างงาน จ่ายบอลพลาดไปติด มาร์กอส ยอเรนเต้ ถูกยิงไล่มา 1-2 จบแบบนี้ หงส์แดง จะกระเด็นตกรอบทันที

และ เรื่องราวอาฟเตอร์ช็อคก็เกิดขึ้นตามมา เมื่อ ตราหมี มาตามตีเสมอ 2-2 จาก มาร์กอส ยอเรนเต้ คนเดิม แค่เสมอก็ว่าพังอยู่แล้ว ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 120 นาที บวก 1 อัลบาโร่ โมราต้า จะมายิงประตูตอกฝาโรง พลิกนรกกลับมาเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 แบบเหลือเชื่อ เป็นการแพ้ที่สาวก เดอะ ค็อป เกินจะรับไหว ร่วงตกรอบอย่างรวดเร็ว ในฐานะแชมป์เก่า

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline