นี่เป็นผลการแข่งขันที่ไม่รู้อีกกี่สิบกี่ร้อยปีจะเกิดขึ้นได้อีกสักครั้ง เผลอๆ ที่อาจเป็นครั้งที่เดียวที่ถูกขีดเขียนในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังประจำศึก แดงเดือด ก็เป็นได้
แน่นอนความพ่ายแพ้แบบย่อยยับของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันไม่ใช่เพียงแค่การพ่ายแพ้แค่ในเกม แต่มันความพ่ายแพ้ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะแรงกระหาย และความเป็นมืออาชีพ ที่แสดงออกมาให้เห็นเด่นชัด
ภาษาผู้เล่นของ ยูไนเต็ด หลังโดนโขยกประตูที่ 3 และ 4 มันชัดเจนแล้วว่าพวกเขาประกาศยอมแพ้ แทนที่จะเดินหน้าต้านให้สุดกำลัง อย่างน้อยๆ ก็ไว้ตัวเอง หรือแฟนบอล ทว่าพวกเขากลับแสดงความผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉะนั้นไม่แปลกที่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นภายในห้วงเวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น
ซึ่งภาพรวมที่ออกมา ผลการแข่งขันที่ยุ่ยยิ่งกว่าประกาศเปียกมันย่อมส่งผลต่อผลกระทบที่จะตามมาอย่างแน่นอน ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะทำเสนอผลพ่วงจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ว่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในอนาคตในรูปแบบใดกันบ้าง
ความมั่นใจในทีม
ประเดิมประเด็นแรกกับสิ่งที่ตามหลอกหลอนตั้งแต่เกมในสนามยังไม่จบคือเรื่องของสภาพจิตใจของตัวนักเตะเอง เชื่อว่าต่อให้ประสบการณ์จะโชกโชนมามากขนาดไหน การที่แพ้ต่อคู่ และยิ่งเป็นอริกันตลอดกาลเหมือนทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นไปกว่าเดิม
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นภาษากาย และปฎิกิริยาของนักเตะในทีมดูไม่ดีเอาเสียเลย โดยเฉพาะกัปตันทีมอย่าง บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่แสดงอาการฉุนเฉียวออกมาอย่างชัดเจน รวมไปถึงช็อตที่พอดักบอลจากคู่แข่งไม่ได้ กลับหยุดเล่นเสียดื้อๆ แน่นอนมันย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมของทีมไปด้วย
คราวนี้ต้องเป็นเรื่องของเหล่าทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช และ เอริค เทน ฮาก ว่าจะแก้ไข และฟื้นฟูสภาพจิตใจของนักเตะในรูปแบบใด เรื่องของการอยู่ในโอวาท และปฎิบัติตามเชื่อว่านักเตะในชุดนี้พร้อมรับฟัง และแก้ไขตามสิ่งที่นายใหญ่ต้องการ
ย้อนกลับไปในช่วง 2 เกมแรกที่ออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้การพ่ายคาบ้านต่อ ไบร์ทตัน 1-2 และบุกแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 4-0 คือห้วงเวลาที่ย่ำแย่มากที่สุดครั้งหนึ่งของทีม เหตุการณ์ที่แฟนบอล และตัวของทุกคนในทีมไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น มันไม่ใช่เพียงเรื่องของผลงาน แต่มันรวมไปถึงความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น
เปรียบไปอารมณ์คล้ายกับในเวลานี้ อาการพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาด แรงกระหายที่จู่ๆ ก็ถูกลักพาตัวออกไป ก่อนที่จะมีการเรียกคุยพร้อมปรับทัศนคติต่างๆ รวมกัน สร้างสิ่งที่เรียกว่าทีมให้กลับมาให้ได้ จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนพร้อมโกยชัยชนะมาอย่างต่อเนื่อง
โอเคแหละครับว่ากับกรณีล่าสุดมันอาจดูรุนแรงกว่าทั้งเรื่องของผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น และความไร้ใจของนักเตะ
แน่นอน "ยาแรง" ในครั้งนี้เหมือนตัวให้นักเตะฉุกคิด และพิจารณาจุดเกิดเหตุว่ามันมาจากตรงไหน และต้องลืมทุกอย่างไปจากใจโดยเร็วที่สุด พร้อมมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในอนาคตอันใกล้
นี่คือสิ่งที่พูดง่ายที่สุด แต่ทำยากที่สุด ทว่าทุกอย่างมันอยู่ในวงเล็บที่ว่าทุกควรทำ และต้องทำให้ได้ ภารกิจข้างหน้ามันยิ่งใหญ่กว่าแค่จะมานั่งผิดหวังกับอดีตที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขมันได้
"ยอมรับ ปรับปรุง แก้ไข และเดินหน้า" คือคำเปรียบง่ายๆ ต่อแคมป์ "ปีศาจแดง" ในตอนนี้
ปัญหาตรงนี้มันคงเหมือนทุกทีมที่ต้องเผชิญ แต่อยู่ที่ว่าเหล่านักเตะจะตอบสนองต่อความรู้สึกเหล่านั้นได้ดีขนาดไหม ซึ่งบททดสอบแรกกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ปัญหาที่ถูกมองข้าม
สิ่งที่ต้องยอมรับคือที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด เดินมาได้ไกลพอสมควรจากจุดออกสตาร์ท หรือถ้าวัดจากผลงานเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เอริค เทน ฮาก ปรับแต่งจนกลายเป็นทีมที่สามารถคาดหวังผลการแข่งขัน และยกระดับจาก "ปีศาจแดง" ตัวเก่าที่ไม่เอาไหนได้แบบหลังเท้า กลายเป็นหน้ามือในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ
ทว่าจากชัยชนะที่ได้รับอย่างต่อเนื่องก็เหมือนดาบสองคมที่ทิ่มแทงตัวเองอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งความพ่ายแพ้ล่าสุดมันเห็นอะไรหลายๆ อย่างที่จู่ๆ นักเตะก็แสดงออกมาในรูปแบบที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะสภาวะของจิตใจ
ก่อนหน้านี้เราจะเห็นนักเตะ ยูไนเต็ด สู้แบบถวายหัวตามหลังก่อนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พร้อมกลับมาได้ไม่ว่าจะ 1 หรือ 3 คะแนน ทุกคนพร้อมเดินหน้าล่าประตูเพื่อชัยชนะ แต่มันผิดแปลกไปจากเกมล่าสุดการเล่นในสนามขาดประสิทธิภาพแบบรุนแรง
เกมรับจากที่เคยแข็งแกร่งคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟทั้ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ ราฟาเอล วาราน สิ่งเหล่านั้นกลับหายเข้ากลีบเมฆ จังหวะปะทะที่เคยทำได้ดีกลับไม่มีให้เห็น แถมผิดพลาดกันแบบง่ายๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาการ "ถอดใจ" ไปแล้ว
ส่วนเกมรุกกลายเป็นปัญหาที่ต้องกลับมารื้อฟื้นแก้ไขกันยกใหญ่ เปรียบไปคล้ายปัญหาใต้พรหมที่ไม่เคยถูกรื้อขึ้นมาพูดคุยกัน เสียบอลง่าย จังหวะเซ็ตบอลก็เสียกลางทาง อีกทั้งเมื่อเจอเกมที่บดใส่หนักๆ ทำให้ออกอาการไปไม่เป็นเลยทีเดียว
แน่นอนทุกอย่างมันย่อมมีเหตุผลในตัวของมันว่าทำไม และอะไรที่ส่งผลให้เกิดความย่อยยับขนาดนี้ ปัญหาต่างๆ มันยังคงมีตามมาให้ เทน ฮาก ได้แก้ไขอยู่เรื่อยๆ
ทีมเวิร์ค, สภาพจิตใจ และแรงกระหาย มันถูกปกคุลมมาด้วยชัยชนะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนถูกคู่แข่งเปิดบาดแผลมองเห็นจุดอ่อนที่ทีมชุดนี้ควรต้องปรับอีกมากโข
โฟกัสหลังจากนี้
สิ่งที่มันผ่านไปไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขมันได้ สิ่งที่ควรต้องทำคือกลับมาสู่เส้นทางที่จะเดินต่อไปหลังจากนี้ จะมีภารกิจอีกมากให้พวกเขาได้ทำ ทั้งพื้นที่ท็อปโฟร์ และลุ้นความสำเร็จที่กำลังอยู่ในเส้นทาง
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็คล้ายความล้มเหลวที่ผ่านมาเข้ามา แสงสว่างที่ปลายทางข้างหน้าต่างหากที่ควรจะมองไปหา และมันมีค่ามากกว่าจะมาเดินคอตก และคอยคิดแต่ความพ่ายที่ แอนฟิลด์
ยูไนเต็ด ยังคงอยู่ในกระบวนการลุ้นแชมป์ทั้ง เอฟเอ คัพ ที่ชัยชนะอีก 3 นัดจะเอื้อมมือไปหยิบโทรฟี่แชมป์ หรือ ยูโรปา ลีก ซึ่งจะเริ่มออกสตาร์ทกับ เรอัล เบติส ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ รวมไปถึงพรีเมียร์ลีกที่มีโปรแกรมอีก 10 กว่าเกมให้ลงสนามไล่ล่าพื้นที่ท็อปโฟร์กลับมา
คำแก้ตัวที่ดีที่สุดคือการลงไปในสนาม และโชว์ผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กลับมาได้อีกครั้งคือประเด็นที่แฟนบอลต้องการมากที่สุด
เกมที่เหลืออยู่ล้วนสำคัญทั้งหมด เรียกโมเมนตั้มของทีมกลับมาให้ได้เร็วที่สุด โฟกัสให้ถูกจุด บางทีความพ่ายแพ้ในครั้งนี้มันอาจถูกกลืนหายไปพร้อมความสำเร็จที่เข้ามาแทนที่
เดินหน้าอย่างเดียว ทิ้งอาการเสียใจ และตอบแทนความผิดหวังด้วยชัยชนะ และความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
- Paolinho -