logo-heading

ซึ่งเกมนี้จุดเปลี่ยนแรกของเกม คือการสกัดบนเส้นของ มัทไธส์ เดอ ลิกต์ จากช็อตที่ วิตินญ่า ได้ยิงหน้าปากประตูว่างๆ ก่อนที่ บาเยิร์น จะมาได้ 2 ประตู จาก เอริก มักซิม ชูโป-โมติง และ แซร์จ นาบรี้ คว้าชัยชนะไปครอง ซึ่งหลังจบเกม มีประเด็นอะไรให้พูดถึงกันต่อ มาติดตามกันได้เลยครับ

- เอริก มักซิม ชูโป-โมติง ยิงประตูทีมเก่า

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าอดีตนักเตะ สโต๊ค ซิตี้ ยุคต้องตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง เอริก มักซิม ชูโป-โมติง จะมีวาสนาได้มาอยู่กับทีมแชมเปี้ยนกับ บาเยิร์น มิวนิค พร้อมเปลี่ยนสถานะจากตัวสำรอง กลายมาเป็นตัวหลักของทัพ เสือใต้ อย่างเต็มตัว

ในซีซั่นนี้ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง ฟอร์มฮอตมากเหลือเกิน กดไปแล้ว 17 ประตู รวมทุกรายการ ซึ่งเกมนี้เขาก็เป็นคนยิงประตูเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำ 1-0 เป็นกฎประตูยิงทีมเก่าอีกครั้ง โดย 5 จาก 6 ประตู หลังสุดที่ บาเยิร์น พบกับ เปแอสเช เป็นฝีเท้าของเด็กเก่า ปารีส อย่าง ชูโป-โมติง ถึง 3 ประตู กับ คิงส์ลี่ย์ โกมัน อีก 2 ประตู

ดังนั้นชั่วโมงนี้ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง เป็น เดอะ โก้ท ของ บาเยิร์น ไปแล้ว เขากำลังร้อนแรงเกินห้ามใจ ซัลโวมาแล้ว 4 นัดติดต่อกัน มารอดูกันว่าเขาจะช่วยพา เสือใต้ คว้าแชมป์มาครองได้อีกหรือไม่ เพราะ 2 ซีซั่นหลังสุด คว้าแชมป์ไปถึง 4 รายการด้วยกัน

- องค์ประกอบ บาเยิร์น บอกเลยว่า ลุ้นแชมป์

บาเยิร์น มิวนิค นับเป็นทีมชูโรงจากทางฝั่ง บุนเดสลีกา เยอรมัน ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกปีอยู่แล้ว และ ซีซั่นนี้ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาแสดงให้เห็นว่า มีโอกาสคว้าแชมป์มากเพียงใด เพราะทุกตำแหน่งแข็งแกร่งมากเหลือเกิน ไม่ใช่แค่ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง กับ นาบรี้ ที่ยิงประตูให้ทีมเท่านั้น

ยังมี จามาล มูเซียล่า แนวรุกอนาคตไกล โชว์ฟอร์มเก่งเกินวัย 20 ปี จริงๆ เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ปั่นป่วนแนวรับ ปารีส ได้ตลอดทั้งเกม ประหนึ่งว่า อายุไม่เกี่ยว ใส่เดี่ยวได้หมด โดยมีสถิติเลี้ยงหลบผ่านคู่แข่งได้ถึง 8 ครั้ง 

หรือจะเป็น 2 กองหลังอย่าง เดอ ลิกต์ กับ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ที่เกมนี้ นับเป็นกำแพงแห่ง บาเยิร์น ที่นักเตะ ปารีส ไม่สามารถผ่านไปได้เลย ทั้งการบล็อค, การสกัดบนเส้น การเข้าแท็คเกิ้ล หรือ การดวลลูกกลางอากาศ พวกเขาทั้ง 2 คน เก็บกินได้หมดไม่มีพลาด

นอกจากนี้ โธมัส มุลเลอร์ เจ้าของรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ก็โดดเด่นใช่ย่อย ไหนจะมีแอสซิสต์จาก เจา กานเซโล่ ที่เป็นคนไหลบอลให้กับ นาบรี้ ยิงประตูปิดกล่อง หรือเลออน โกเร็ตซ์ก้า ก็มีส่วนสำคัญทำให้ เสือใต้ ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ได้ทั้งนั้น

- อาถรรพ์ ปารีส บนเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก

ต่อให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะพยายามมากเพียงใด ในการไขว่คว้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็ไม่สำเร็จเสียที และ ซีซั่นนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่พวกเขาต้องพบกับความล้มเหลว ถึงแม้จะมี ลิโอเนล เมสซี่ กับ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ เป็นตัวชูโรงก็ตาม

ถึงกระนั้น ขุมกำลัง เปแอสเช เป็นรอง เสือใต้ แบบสุดกู่ เนื่องจากมีตัวบาดเจ็บเยอะมาก โดยเฉพาะการขาด เนย์มาร์ แนวรุกคนสำคัญ ที่ต้องปิดฉาก จากอาการบาดเจ็บข้อเท้า พักยาวถึง 4 เดือน ตัวเปลี่ยนมีแต่เด็กๆ ไม่สามารถทดแทนพวกตัวจริงได้เลย

ที่สำคัญ กองกลาง กับ กองหลัง ของ ปารีส คุณภาพไม่เทียบกับกองหน้า โดยกองกลางทำเสียบ่อยๆ และ เป็นที่มาของการเสีย 2 ประตู ส่วนกองหลังก็เหมือนรั่วๆ ไม่สามารถรับมือกับความสุดยอดของนักเตะ บาเยิร์น ได้เลย ต้องบอกว่า "คนละชั้น" 

จึงไม่แปลกเลยที่ ตลอด 2 นัดที่ผ่านมา ทั้ง เอ็มบัปเป้ และ เมสซี่ จะไม่มีพิษสงทำอะไรมากนัก สุดท้าย เปแอสเช ก็ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง เป็นอาถรรพ์ปีที่ 11 ติดต่อกัน ที่พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

- เมสซี่ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย 2 ปีซ้อน ครั้งแรก

นับตั้งแต่ ลิโอเนล เมสซี่ คว้าทริปเปิ้ลแชมป์กับ บาร์เซโลน่า เมื่อซีซั่น 2014-15 ก็ไม่เคยได้สัมผัสถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกเลย โดยไปได้ไกลมากที่สุด หลังจากปีนั้น คือการผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ ปารีส กับโปรเจ็คท์ที่ นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ ประธานสโมสร ต้องการพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้

แต่อย่างที่บอกครับ องค์ประกอบของ ปารีส ยังไม่สามารถสู้กับทีมอื่นได้ ถึงแม้จะมี 3 ประสานระดับเวิลด์คลาส แต่กองหลัง เวิลด์แก๊ส เหลือเกิน เพราะมักจะสร้างความผิดพลาด พร้อมที่จะเสียประตูอยู่ตลอด

ดังนั้นการมาของ เมสซี่ จึงไม่สามารถช่วยให้ ปารีส ประสบความสำเร็จ บนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดย 2 ซีซั่นหลังสุดต้องจอดป้ายอยู่เพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เท่านั้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ คิง เลโอ ไม่สามารถผ่านเข้าไปถึง ควอร์เตอร์ไฟนัลส์ แบบ 2 ปีซ้อน

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline