logo-heading

หลังจากต้องบอบช้ำ และ เจ็บปวดมากเหลือเกิน จากการบุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล แบบขาดลอย 0-7 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งจากบทลงโทษของ เอริค เทน ฮาก ที่สั่งให้ลูกทีมนั่งฟังเสียงนักเตะ ลิเวอร์พูล ฉลองชัยชนะดูเหมือนจะได้ผล เพราะมันทำให้ 11 นักเตะตัวจริง ปีศาจแดง ชุดเดิม กลับมาเดินหน้าไล่ฆ่า เรอัล เบติส ด้วยการถล่ม 4-1 ในศึก ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก โดยนักเตะที่ถูกด่าจาก แดงเดือด เกมนี้้มีชื่อทั้งยิงประตู และ แอสซิสต์ นับเป็นเรื่องราวดีๆที่กอบกู้สภาพจิตใจแฟนบอลได้ดีมากจริงๆ

โดยเกมนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับ ปีศาจแดง บ้าง ไปติดตามกันได้เลยครับ

- การตอบโต้ของ บรูโน่ แฟร์นานเดส

ควันหลงจากเกม แดงเดือด ที่แพ้ต่อ ลิเวอร์พูล 7 ลูก หนึ่งในคนที่ถูกด่า และ โดนวิจารณ์มากที่สุด ก็คือ บรูโน่ แฟร์นานเดส ทั้งประเด็นเรื่องความไม่ทุ่มเทช่วงท้ายเกม หรือ ชอบบ่นชอบฟ้องผู้ตัดสินตลอดทั้งเกม จนมีข่าวเสียๆหายๆออกมา เรื่องความไว้วางใจในการทำหน้าที่กัปตันในสนาม

อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆในทีม และ เอริค เทน ฮาก ยังคงไว้ใจในตัว บรูโน่ อยู่เหมือนเดิม ซึ่งเขาก็ตอบแทนด้วยการทำ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ให้กับทีม เอาชนะ เบติส ได้ตามความคาดหวังของแฟนบอล ด้วยตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์แบบที่ตัวเองถนัดอีกครั้ง ไม่เหมือนตอน แดงเดือด ที่ถูกจับไปโยกเล่นฝั่งซ้าย

ซึ่งผลงานของ บรูโน่ บนเวที ยูโรปา ลีก ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม เพราะนับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น 2019-20 เขาได้ถือครองสถิติเป็นนักเตะที่ทำประตูในรายการนี้มากที่สุดที่ 14 ประตู ไม่เพียงเท่านั้นสถิติแอสซิสต์ ก็ยังเป็นนับเบอร์ วัน โดยเขาเป็นนักเตะที่จ่ายให้เพื่อนทำประตูมากที่สุด ถึง 10 ลูก ตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น 2019-20 เช่นกัน

- แรชฟอร์ด ยังคงร้อนแรงเกินห้ามใจ

ต่อให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะไม่สามารถทำประตูได้ในเกมแดงเดือด แต่มันก็ไม่ได้หยุดความร้อนแรงของนักเตะรายนี้แต่อย่างใด เพราะเขาเป็นยิงประตูเบิกร่องให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ เรอัล เบติส ตั้งแต่ 6 นาทีแรกของเกม

เพิ่มสถิติเป็นประตูที่ 26 ของตัวเองในซีซั่นนี้ รวมทุกรายการ พร้อมกับสถาปนาตัวเองเป็นดาวซัลโวลำดับที่ 3 ใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป โดยมีเพียงแค่ 2 คน ที่ยิงได้มากกว่าเขา นั่นคือ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ 33 ประตู กับ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ 30 ลูก 

แต่ถ้าให้ยิบย่อย แบ่งเป็นผลงานแค่ฟุตบอลถ้วยของ มาร์คัส แรชฟอร์ด บอกเลยว่า "สุดติ่งกระดิ่งแมว" เขามีสถิติยิงประตูได้มากถึง 12 ประตู จากการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแค่ 10 นัด เท่านั้น มารอดูกันว่าสุดท้ายแล้ว แรชฟอร์ด จะจบซีซั่น ด้วยการทำกี่ประตู เพราะ ปีศาจแดง ยังได้ลงแข่งขันครบทุกรายการ

- ผลงานที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คือของจริง

หากจะหาสิ่งใด ที่จะลืมเลือนจากเกมแดงเดือด ให้เร็วที่สุด ก็คือการกลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้ง นี่แหละครับ ซึ่งการได้กลับมาเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเหลือเกิน ในการเรียกความมั่นใจกลับมา

เพราะการเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ณ ชั่วโมงนี้ ยังคงไร้เทียมทานอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ 45 นาทีแรก จะแอบเหนื่อยเหมือนกัน เพราะจบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1 อย่างไรก็ตามจากการเอาเปิดบ้านไล่อัดตูด เรอัล เบติส ส่งผลให้พวกเขาไม่แพ้ใครเลยที่ โรงละครแห่งความฝัน มาแล้ว 21 นัดติดต่อกัน ซึ่งเป็นการชนะ 19 นัด คิดเป็นค่าเฉลี่ยมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์

ไม่เพียงเท่านั้น เพราะชัยชนะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ละเกม ขุนพล เร้ด เดวิลส์ สามารถยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไป มาแล้ว 15 นัดติดต่อกัน ดังนั้นแมตช์ที่ถล่ม เรอัล เบติส 4-1 ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะพวกเขาเดินหน้าฆ่าคู่แข่งอยู่ตลอด เมื่อได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง

- แทบการันตีสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ถ้าจบด้วยผลการแข่งขัน 3-1 เชื่อว่า เรอัล เบติส ยังพอมีมุมที่จะคัมแบ็กกลับมา เมื่อไปเล่นที่บ้านของตัวเองในสัปดาห์ แต่กระนั้นประตูตอกฝาโรง 4-1 สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มาเกิดขึ้นในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม จากฝีเท้าของ เวาท์ เวกฮอร์สต์ ทำให้โอกาสเข้ารอบสดใสเหลือเกิน ถึงแม้จะไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้ก็ตาม

ซึ่ง เวกฮอร์สต์ ก็เป็นอีกคน ที่โดนด่าเยอะมาก หลังจบเกม แดงเดือด โดยเฉพาะประเด็นการเอามือไปแตะป้าย This is Anfield แต่การยิงประตูในวันนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า เขาไม่มีอะไรแอบแฝง นอกจากการทุ่มเมทุดหยาดเหงื่อ เพื่อ ปีศาจแดง เท่านั้น และ นี่คือประตูแรกของเขาในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างเป็นทางการ

จากการเอาชนะ เรอัล เบติส 4-1 ทำให้ลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก แทบจะการันตีผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก เลยก็ว่าได้ ยกเว้นก็เกิดเรื่องล็อคถล่มที่สังเวียน เอสตาดิโอ เบนิโต้ บียามาริน ดังนั้นการลุ้นทริปเปิ้ลแชมป์เป็นอย่างน้อย สำหรับ ปีศาจแดง ยังคงเดินหน้าต่อไป

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline