logo-heading

ซึ่งจะมีการจับสลากประกบคู่กันในวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม นี้ เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย จะพาไปดูสิ่งที่ควรจับตาว่าใครจะต้องปะทะกับใคร

- แชมป์เก่ายังอยู่

เรอัล มาดริด เจ้าของแชมป์เมื่อซีซั่นก่อน ยังคงอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ หลังสามารถย้ำแค้นเอาชนะลิเวอร์พูล มาได้ ด้วยสกอร์รวม 6-2 ถึงแม้จะต้องเสีย กาเซมิโร่ ไปก็ไม่ใช่ปัญหา

มาดริด เคยสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ยูซีแอล สามสมัยซ้อนเป็นทีมแรกมาแล้ว ดังนั้นมันก็มีโอกาสที่จะป้องกันแชมป์ได้อีกครั้ง แต่มันไม่ง่ายอย่างแน่นอน เพราะมีหลายทีมจ้องจะเล่นพวกเขาอยู่

ต้องมารอดูว่าผลจับสลากรอบแปดทีมสุดท้าย ราชันชุดขาว จะเจอกับทีมใด ถ้าเจอ แมนฯ ซิตี้ หรือ บาเยิร์น บอกเลยว่า โคตรเดือด .. เราอาจได้เห็น คาริม เบนเซม่า ปะทะกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็เป็นได้ วัดไปเลยว่า รุ่นเก๋า ยังไว้ลาย หรือ รุ่นใหม่ มันร้อนแรง

- ทีมจาก อิตาลี ร้อนแรงเกินห้ามใจ

ต้องบอกว่า ในช่วง 4-5 ปีหลังสุด มาตรฐานทีมจาก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ตกลงไปพอสมควร เพราะตั้งแต่เริ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2018-19 มีเพียง อตาลันต้า กับ ยูเวนตุส เท่านั้น ที่ผ่านมาถึงรอบนี้ และ ต้องจอดป้ายในที่สุด

โดย 2 ซีซั่นก่อน ไม่มีสโมสรจาก อิตาลี ผ่านเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้แต่ทีมเดียว อย่างไรก็ตามฤดูกาลนี้ ผลงานจากเวที กัลโช่ เซเรีย อา ร้อนแรงเกินห้ามใจ มีทีมผ่านเข้ามาถึง 3 ทีม ในรอบ ควอเตอร์ไฟนัลส์ ประกอบไปด้วย เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน และ นาโปลี เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ซึ่งมันมีโอกาสที่อาจจะจับสลากมาฟาดฟันกันเอง

สโมสรที่น่าจับตามอง ต้องยกให้กับ นาโปลี เลยครับ เพราะฟอร์มของพวกเขาเข้าขั้น "มาสเตอร์พีซ" นำเป็นจ่าฝูง ด้วยการทิ้งห่างอันดับสอง ถึง 18 คะแนน ฉะนั้นพวกเขามีสมาธิกับรายการนี้ได้เต็มที่ ส่วนผลงาน ยูซีแอล ก็สะแด่วไม่แพ้กัน พวกเขาชนะมาแล้ว 7 นัด ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม พร้อมยิงคู่แข่งไส้แตกรวม 25 ประตู

ฉะนั้นมารอดูกันว่านอกจาก นาโปลี นั้น อีก 2 ทีมจากอิตาลี จะไปได้ไกลกันถึงขนาดไหน เพราะพวกเขาห่างจากความสำเร็จในถ้วย ยูซีแอล มาอย่างยาวนาน โดยช่วง 10 ปีหลัง ใกล้เคียงมากที่สุด คือปีที่ ยูเวนตุส ได้รองแชมป์ เมื่อซีซั่น 2016-17

- จับตา เชลซี ยุค เกรแฮม พ็อตเตอร์

เกรแฮม พ็อตเตอร์ กลายเป็นกุนซือ ที่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวก สิงห์บลูส์ ที่ดูจะปลงตกกับผลงานการคุมทีมของเฮดโค้ชรายนี้ หลังพาทีมร่วงมาอยู่กลางตาราง ชนะใครก็ยากเย็น เรียกว่าหมดลุ้นทุกแชมป์แล้วในลีกลูกหนังแดน "ผู้ดี"

อย่างไรก็ตาม พ็อตเตอร์ เริ่มจะติดเครื่องให้กับ เชลซี ได้แล้ว หลังพาทีมคว้าชัยชนะ 3 นัดรวดรวมทุกรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเปิดบ้านเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0 ตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

ด้วยผลงานที่ไม่เข้าตา จนทำให้หลายคนมองว่า เชลซี คงไปไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อเทียบกับทีมที่ผ่านเข้ารอบควอร์เตอร์ไฟนัลส์ แต่กระนั้นมันมีทฤษฎีสมคบคิด อยู่เรื่องหนึ่ง ที่มองว่า สิงห์บลูส์ อาจหักปากเซียน ทำเรื่องเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้

นั่นคือสมัยที่ เชลซี คว้าแชมป์ ยูซีแอล 2 สมัย เกิดจากฝีมือกุนซือที่เข้ามารับงานกลางซีซั่นทั้งหมด ครั้งแรกที่ทำได้คือ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ซึ่งมาแทน อันเดร วิลลาส-โบอาส  ส่วนครั้งที่ 2 คือ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามารับเผือกร้อนแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ สามารถคว้าแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่

เช่นกันกับ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เขาเข้ามารับงานแทน ทูเคิ่ล ตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ทซีซั่นมาได้ไม่นาน ซึ่งถึงแม้ผลงานจะยังไม่สามารถซื้อใจแฟนบอล เชลซี ได้ไม่มากนัก แต่ถ้าทฤษฎีสมคบคิดเกิดขึ้นจริงละก็ มันจะเป็นเรื่องราวปาฏิหาริย์มากจริงๆ

- ใครจะชนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ?

ในบรรดารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ มีเพียงแค่ 2 สโมสรเท่านั้น ที่ไม่เคยคว้าแชมป์ยุโรปรายการใหญ่มาก่อน นั่นคือ นาโปลี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเฉพาะ เรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่พยายามตามหาโทรฟี่นี้มาอยู่ตลอด แต่ก็ต้องอกหักอยู่ร่ำไป ใกล้เคียงที่สุด คือการเป็นรองแชมป์ แพ้ให้กับ เชลซี เมื่อ 3 ปีก่อน

เชื่อว่าไม่ค่อยมีทีมไหนอยากจับสลากไปเจอกับ แมนฯ ซิตี้ อย่างแน่นอน เพราะขุมกำลังแข็งแกร่งเหลือเกิน อีกทั้งยังเพิ่งโชว์ความบ้าคลั่ง ด้วยการเปิดบ้านไล่ถล่ม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 7-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมา โดย เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ซัดคนเดียวไปถึง 5 ประตู พร้อมกับนำเป็นดาวซัลโวของรายการที่ 10 ลูก

แต่มันก็มีโอกาสเหมือนกันที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะได้ไปรีแมตช์กับ เรอัล มาดริด อีกครั้ง หลังเคยแพ้แบบเจ็บใจ โดนยิงรัวๆช่วงท้ายเกม และ ต่อเวลาพิเศษ ในรอบรองชนะเลิศ เมื่อซีซั่นก่อน มาแล้ว ถ้าคู่นี้เจอกันล่ะก็ มันจะเป็นซูเปอร์บิ๊กแมตช์ที่ห้ามพลาด ถึงแม้มันอาจจะเจอกันเร็วไปหน่อยก็ตาม

- บาเยิร์น มิวนิค หนึ่งเดียวจากเยอรมัน

จากรอบ 8 ทีมสุดท้าย ตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต้องมีชื่อของ บาเยิร์น มิวนิค อย่างแน่นอน และ ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวจาก บุนเดสลีกา เยอรมัน ที่ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ ซึ่งซีซั่นก่อน พลิกล็อคตกรอบ ควอเตอร์ไฟนัลส์ ด้วยการพ่ายต่อ บียาร์เรอัล

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้ บาเยิร์น มิวนิค มาดุเหลือเกิน เพราะพวกเขาเป็นทีมเดียวในรายการนี้ ที่ชนะรวดมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ไม่เคยเสมอ ไม่แพ้ให้กับทีมใด ยิง 21 ประตู เสียแค่ 2 ลูก เท่านั้น โดยรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมา ก็โชว์ความโหดเหี้ยม เอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทั้งเหย้าและเยือน ด้วยสกอร์รวม 3-0

จากฟอร์มเช่นนี้ ขุนพล เสือใต้ พร้อมกับมาทวงบัลลังค์แชมป์อีกครั้ง ถึงแม้ปีนี้จะไม่มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นตัวชูโรงแล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ช่วยกันทำประตู ไม่ว่าจะเป็น ซาดิโอ มาเน่, เลรอย ซาเน่ หรือ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง เป็นต้น เดี๋ยวได้รู้กันว่าคู่แข่งรอบ 8 ทีมสุดท้ายของ บาเยิร์น จะเป็นใคร และ เชื่อว่าพวกเขาไม่กลัวหน้าไหนเช่นกัน

- ทีมม้ามืด

รอบ 8 ทีมสุดท้าย ถ้าจะหาทีมม้ามืด คงต้องยกให้กับ เบนฟิก้า ทีมดังจากลีกโปรตุเกส ซึ่งก็ผ่านเข้ามาสู่รอบนี้ได้บ่อยๆ และ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว แต่ก็มีอันต้องเก็บกระเป๋าออกจากทัวร์นาเมนต์นี้อยู่เสมอ พวกเขาไม่ได้สัมผัสถ้วยแชมป์ยุโรป ตั้งแต่ถูกคำสาปของ เบลา กัตต์มานน์ เมื่อยุค 1960s ว่าจะไม่ได้แชมป์ยุโรป เป็นเวลา 100 ปี 

แต่ผลงานของ เบนฟิก้า ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ ไม่ธรรมดา เพราะพวกเขาผ่านสู่รอบน็อคเอาท์ ในฐานะแชมป์กลุ่ม จากการเบียด ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตกไปเป็นอันดับ 2 ก่อนจะตบม้ามืดอีกทีมอย่าง คลับ บรูช ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปแบบมิดด้าม ด้วยผลสกอร์รวม 7-1 

บางที เบนฟิก้า อาจเป็นทีม ที่ทุกสโมสรอยากจับสลากมาเจอมากที่สุดในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เพราะวัดเรื่องความแข็งแกร่ง พวกเขาถือว่ามีดีกรีน้อยที่สุด แต่มาถึงรอบนี้ ไม่ต้องเกรงกลัวศักดิ์ศรีใครอีกแล้ว เหยี่ยวลิสบอน พร้อมสู้ถวายหัวอย่างแน่นอน โดยซีซั่นก่อนเจอกับ ลิเวอร์พูล และ แพ้ไป ไม่แน่ว่าซีซั่นนี้ อาจได้เจอกับทีมจากอังกฤษ อีกครั้ง ซึ่งยังมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เชลซี ที่ส่งเข้าประกวด

และนี่คือ ประเด็นน่าสนใจ และ สิ่งที่ต้องจับตาก่อนจะจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไม่ว่ายังไง จะต้องมีซูเปอร์บิ๊กแมตช์ให้ได้เห็นกันอย่างแน่นอน !

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline