logo-heading

นั่นคือ อาร์เซน่อล จ่าฝูง กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมีช่องว่างห่างกันอยู่ 8 คะแนน แต่ทว่า เรือใบสีฟ้า แข่งน้อยกว่า 1 นัด

แต่ช่วงนี้ ที่เกมลีก ได้พักหายใจ หลีกทางให้กับเกม "ฟีฟ่า เดย์" ประมาณ 1 สัปดาห์ ดังนั้นมาชมโปรแกรมกันคร่าวๆว่า ระหว่าง อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ ใครเจอศึกหนักมากกว่ากัน ไปดู !!

อาร์เซน่อล 

- เจอโปรแกรมโหดมากกว่า

การจะเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องไม่เกรงกลัวหน้าไหนทั้งนั้น ยิ่งผลงานของ อาร์เซน่อล กระฉูดแบบนี้ ย่อมสามารถเก็บชัยชนะได้ทุกทีม แต่กระนั้นโปรแกรม 10 นัดสุดท้ายที่เหลือของ ไอ้ปืนใหญ่ นับว่าโหดพอสมควร โดยเฉพาะยังเหลือเจอกับทีมท็อป 6 อีกถึง 3 สโมสร

ลิเวอร์พูล คือปราการด่านแรก ที่ อาร์เซน่อล ต้องเจอ กับโปรแกรมที่ต้องฟาดแข้งกับทีมท็อปซิกซ์ ซึ่งการบุกไปเยือนถิ่นแอนฟิลด์ นับว่าเป็นของแสลงสำหรับขุนพล เดอะ กันเนอร์ส มากจริงๆ เพราะพวกเขาไม่สามารถบุกไปเอาชนะที่บ้านของ หงส์แดง ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาตั้งแต่ปี 2012 โดยครั้งล่าสุดที่พบกัน บุกไปแพ้แบบยับเยิน 4-0

จากนั้นโปรแกรมท็อปซิกซ์ ทีมต่อไปที่ อาร์เซน่อล จะต้องเผชิญหน้า คือการบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ 26 เมษายน นี้ ซึ่งมันจะเป็นวันชี้ชะตาการคว้าแชมป์แบบโดยตรง ไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันนั้น ช่องว่างจะห่างกันอยู่กี่คะแนน

ซึ่ง เรือใบสีฟ้า ก็นับเป็นของแสลงสำหรับ อาร์เซน่อล เช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับ ลิเวอร์พูล เลยสักนิด ถึงแม้ มิเกล อาร์เตต้า จะรู้ถึงระบบ และ แผนการเล่น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นอย่างดี แต่ 7 นัดหลังสุดที่พบกันทุกรายการ ไอ้ปืนใหญ่ ไม่เคยเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้เลย เรียกว่าแพ้ทุกนัด !! ล่าสุดแพ้คาบ้านด้วยสกอร์ 3-1.. ถ้าเกิดว่าคะแนนสูสีกันล่ะก็ บอกเลยว่านัดนี้ สู้กันสุดหัวใจ ยอมตายกันไปข้าง

ส่วนอีกนัดคือเกมเจอกับ เชลซี แต่ชั่วโมงนี้ อาร์เซน่อล มีสถิติข่มพอสมควร ไม่เหมือนกับตอนเจอ แมนฯ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล โดย 3 นัดหลังสุด "ไอ้ปืนใหญ่" สามารถเอาได้ทั้งหมด ล่าสุดคือบุกไปเอาชนะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-0

ยิ่ง เชลซี ในเกมลีก ไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว ต้องรอดูว่า สิงห์บลูส์ จะผ่านเข้ารอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปได้ไกลขนาดไหน เพราะถ้ายังอยู่ในเส้นทาง บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้โฟกัสกับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากอีกแล้ว แต่มันก็ประมาทไม่ได้ เพราะขึ้นชื่อว่า "ลอนดอน ดาร์บี้" ไม่มีใครมายกธงขาวยอมกันง่ายๆ

อย่างไรก็ตาม โปรแกรมอีก 1 นัด ก็ยากเย็นไม่แพ้กัน ในการเจอกับทีมท็อปซิกซ์ คือการบุกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต่อจากหลังจบเกมนัดเปิดบ้านพบกับ เชลซี ซึ่ง นิวคาสเซิ่ล กำลังลุ้นจบท็อปโฟร์ เพื่อคว้าตั๋วไปลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นเกมนี้ตึงมือแน่นอน ที่สำคัญ "สาลิกาดง" เพิ่งแพ้ในบ้านตัวเอง แค่ 1 นัด เท่านั้น ในเกมลีกซีซั่นนี้

- ส่วนใหญ่ อาร์เซน่อล ต้องฟัดกับทีมหนีตาย

จากโปรแกรม 10 นัดที่เหลือของ อาร์เซน่อล เจอทีมชั้นนำของลีก ก็ปาเข้าไปแล้ว 4 นัด โดยอีก 6 นัด ส่วนใหญ่ ต้องมาฟาดแข้งกับทีมหนีตกชั้น ประกอบไปด้วย ลีดส์ ยูไนเต็ด, เวสแฮม ยูไนเต็ด, เซาธ์แฮมป์ตัน, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

ซึ่ง 5 นัดที่ต้องเจอกับทีมหนีตาย ไม่มีอะไรเป็นของง่ายสำหรับ อาร์เซน่อล เช่นกัน ทีมเหล่านี้จะสู้จนหลังพิงฝา เนื่องจากทุกแต้มมีคุณค่าต่อการรอดตกชั้นทั้งนั้น แต่ให้พูดตามตรง ไอ้ปืนใหญ่ มีโอกาสชนะได้หมด เพราะวัดจากผลงานตลอดทั้งซีซั่น มันยอดเยี่ยมกระเทียมดองเหลือเกิน

และ นี่คือโปรแกรม 10 นัดสุดท้ายของ อาร์เซน่อล นับว่าโหดมากทีเดียว เหลือทั้งเจอกับทีมชั้นนำของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทั้งทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตายอย่างหนัก มารอดูกันว่าพวกเขาจะกลับมาทางแชมป์ ที่ร้างรามาตั้งแต่ปี 2004 ได้หรือไม่

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือผู้เชี่ยวชาญการไล่แซง จากการตกเป็นอันดับ 2 และ แซงหน้าเข้าป้ายคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเขาทำให้เห็นมานักต่อนักแล้ว ไม่เชื่อให้ลองไปถาม ลิเวอร์พูล !! ต่อให้นำ 10 แต้ม เรือใบสีฟ้า ก็เคยแซง จนคว้าแชมป์ช่วงท้ายซีซั่นมาแล้ว

- เจอโปรแกรมโหดไม่แพ้กัน

ถึงแม้ แมนฯ ซิตี้ จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแซงคว้าแชมป์ อย่างไรก็ตาม 11 นัดที่เหลือของลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่ได้เจอแต่งานง่าย พวกเขายังมีเสี้ยนหนามรอทิ่มแทงอยู่เต็มไปหมดโดยเฉพาะทีมท็อปซิกซ์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่พวกเขายังเหลือเจออีก 3 ทีม ซึ่งจำเป็นต้องเก็บ 3 คะแนนให้ได้มากที่สุด เพื่อกดดัน อาร์เซน่อล ให้มากที่สุด

เริ่มจากโปรแกรมแรกหลังพักเบรคทีมชาติ แมนฯ ซิตี้ จะเปิดบ้านเจอกับ ลิเวอร์พูล ทันที ซึ่งคู่นี้ถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมา ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะมาอยู่ตลอด อารมณ์ประมานว่า "บ้านใคร บ้านมัน" 

ถึงแม้ เป๊ป จะมีสถิติคุมทีมแพ้ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ มากที่สุด แต่กระนั้นเขาไม่เคยคุมทีมแพ้ หงส์แดง ในเกมลีก หากได้เล่นที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ยิ่งชั่วโมงนี้ผลงานเกมเยือนของ ลิเวอร์พูล ไม่ดีนัก ดังนั้นถ้าดูจากฟอร์ม และ สถิติที่ผ่านมา มีโอกาสที่ เรือใบสีฟ้า จะเก็บชัยชนะได้มากกว่า 

ส่วนเกมที่ 2 ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว นั่นคือเปิดบ้านเจอกับ อาร์เซน่อล ซึ่งมันเป็นโอกาสสำคัญที่พวกเขาจะลดช่องว่างให้เหลือน้อยลงมา จากสถิติที่ได้พูดไป เรียกว่า เรือใบสีฟ้า ข่มมิดด้าม อาจารย์อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงทำผลงานได้ดีกว่า มิเกล อาร์เตต้า อดีตมือขวา อยู่ร่ำไป 

แต่มันจะเป็นเกมระดับ 5 ดาว เดือดเป็นไฟ บอลจะเดินหน้าแลกกันอย่างสนุก สปีดบอลจะเร็วดั่งนรก จะไม่มีการแพ็คโซนรอตั้งรับอย่างแน่นอน ดังนั้นให้ตั้งตารอวันที่ 26 เมษายน นี้ ให้ดี มันคงจะชัดเจนมากขึ้นว่า ซีซั่นนี้ใครจะแชมป์

ขณะที่ทีมชั้นนำที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องเจอ เหมือนเซตโปรแกรมเหมือน อาร์เซน่อล มาแล้ว ก็คือเปิดบ้านเจอกับ เชลซี เช่นกัน ซึ่งเป็นแมตช์รองสุดท้ายของซีซั่น และ เป็นนัดสุดท้ายในบ้านของ เรือใบสีฟ้า ไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันนั้น สิงห์บลูส์ จะยังมีอะไรให้ลุ้นหรือเปล่า 

แต่ถึงกระนั้น 5 นัดหลังสุดที่พบกัน เรือใบสีฟ้า เอาชนะได้ทุกนัด ไม่ว่าเหย้า หรือ เยือน ที่สำคัญยิงประตูมากถึง 9 ลูก และ ไม่โดนยิงเลยสักเม็ดเดียว สถิติแบบนี้ก็ข่มกันมิดด้ามอีกทีมจริงๆ 

- ฟัดกับทีมหนีตาย

ไม่ใช่แค่ทีมหัวตารางที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องเจอ พวกเขายังเหลือโปรแกรมฟาดแข้งกับทีมหนีตายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เซาธ์แฮมป์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน เรียกว่าห้ามประมาทโดยเด็ดขาด เพราะทีมเหล่านี้พร้อมสู้ยิบตา 1 แต้มก็มีค่าเช่นกัน

แต่ดูจากโปรแกรมทั้งหมด ต้องบอกว่า เรือใบสีฟ้า งานเบากว่าเล็กน้อย เพราะทีมใหญ่ที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องเจอนั้น พวกเขาจะได้เล่นในบ้านทั้งหมด ซึ่งจุดนี้นับว่าได้เปรียบพอสมควร ซึ่งเกมสำคัญลำดับแรกคือต้องเอาชนะ ลิเวอร์พูล ให้ได้สถานเดียว เพราะถ้าโดน อาร์เซน่อล ทิ้งไปเป็นเลข 2 หลัก จะบั่นทอนกำลังใจมากเหมือนกัน

ในเวลาอันใกล้นี้ เราคงเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ จะมีแชมป์ใหม่อย่าง อาร์เซน่อล ก้าวขึ้นมา หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะสามารถป้องกันแชมป์ได้อีกครั้ง

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline