logo-heading

และตามข่าวทั้งหมด เราสามารถพูดได้เลยว่ามันไม่ใช่แค่เพราะผลงานทีมที่กระท่อนกระแท่นเท่านั้น แต่อีกสาเหตุสำคัญในการเปลี่ยนโค้ชครั้งนี้ เป็นเพราะ เสือใต้ มองคุณค่าของชายชื่อ โธมัส ทูเคิ่ล ไว้สูงมาก พวกเขาจึงไม่ต้องการเสี่ยงไปรอแย่งลายเซ็นโค้ชรายนี้ตอนซัมเมอร์กับ มาดริด, เปแอสเช, สเปอร์ส หรืออาจจะมากกว่านั้น

และแน่นอนว่า ทูเคิ่ล มีดีกรีดีเด่น โดยเฉพาะการเคยพา เชลซี ที่ฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ พลิกจากหลังตีนเป็นหน้ามือ จนไปคว้า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาเฉยเมย แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น

ดังนั้นว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเรา จะขอพามาเจาะลึกถึงสรรพคุณของชายคนนี้ให้มากขึ้นไปอีก ว่ากุนซือใหม่แต่เก๋าอย่าง ทูเคิ่ล เขาจะมอบประโยชน์อะไรให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ได้บ้างครับ

แท็คติกหรือระบบที่แน่นอน

มีการวิเคราะห์ว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ของ นาเกลส์มันน์ กุนซือคนเก่าในฤดูกาลนี้ มีผลงานไม่สม่ำเสมอ 10 นัดใน บุนเดสลีกา ปี 2023 เก็บชัยได้แค่ครึ่งนึงหรือ 5 เกมเท่านั้น จนหล่นมาอยู่อันดับ 2 ของตารางตาม ดอร์ทมุนด์ หนึ่งแต้ม

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยุคของ นาเกลส์มันน์ บาเยิร์นไม่มีแท็คติกหลักที่ใช้เป็นไม่ได้เด็ดประจำขนาดนั้น นาเกลส์มันน์ มีหลักการก็จริง แต่เขาขาดความต่อเนื่อง และไม่สามารถหาระบบที่ลงตัวที่สุดได้ 

ในช่วงที่ทีมยังมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เขามักให้ทีมจู่โจมที่ตรงกลาง แต่เมื่อฝั่งตรงข้ามจับทางได้ เขาก็สับเปลี่ยนระบบ และเมื่อ เลวาน ย้ายออกไป เขาก็ยิ่งปรับเปลี่ยน โดยให้ทีมเล่นด้านกว้างมากขึ้น ซึ่งบางครั้งก็มักจะมีปัญหาในเรื่องการสร้างสรรค์โอกาสเพื่อผลงานที่ต้องการ

ต่างกับกุนซือคนใหม่อย่าง ทูเคิ่ล ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหรือต้องแก้ไขเฉพาะหน้า ทูเคิ่ล จะเป็นคนที่ยึดติดกับระบบหลักของเขาเสมอ กุนซือชาวเยอรมันมีพัฒนาการด้านการวางแท็คติกตลอดหลายปีที่ผ่านมา

จากเน้น เกเก้น เพรสซิ่ง กับ ดอร์ทมุนด์ ค่อยๆ ปรับมาจากการคุม เปแอสเช และกับ เชลซี จนได้เป็นระบบหลัง 3 หรือ 3-4-3 ที่เขาใช้เป็นประจำ

แน่นอนฝั่งดูอาจจะเป็นเรื่องทั้งดี และอาจจะไม่ดีเสมอไป แต่ ทูเคิ่ล เป็นคนที่มีปรัชญาหลักของตัวเอง และเขาฝากชีวิตการทำทีมตามแนวคิดนั้นของเขามาตลอด ซึ่งผลงานที่ผ่านมาก็ชี้ชัดแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าแย่เยอะเลยครับ

สไตล์ลงตัวกับผู้เล่น บาเยิร์น ด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนน่าจะพอจินตาการได้เลย เมื่อเราดูผู้เล่นชุดนี้ของ บาเยิร์น มิวนิค กับสไตล์การคุมทีมของ ทูเคิ่ล แล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่ลงตัว

ทูเคิ่ล จะมีอาวุธให้ใช้ครบมือ เซ็นเตอร์ 3 คนสามารถหยิบจับได้ทั้ง มัตไตส์ เดอ ลิกต์ ที่เขาเคยอยากได้ตอนสมัยคุม เชลซี, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ยอซิป สตานิชิช หรือจะ เบนจาแม็ง ปาวาร์

วิงแบ็ค จุดนี้คือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในแผน ทูเคิ่ล และ บาเยิร์น แทบจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในทีมที่มีวิงแบ็คเกมบุกที่น่าตื่นตาที่สุดของโลกก็ว่าได้ ทั้ง อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์, เจา คันเซโล่, นุสแซร์ มาซราอุย หรือ ดาลี่ย์ บลินด์

กลางรับแพ็คคู่ก็คุณภาพระดับท็อป โยชัว คิมมิช คู่ เลออน กอเรตส์ก้า ่ส่วนแนวรุกมีให้หยิบจับสลับได้เป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะ จามาล มูเซียล่า, โธมัส มุลเลอร์, คิงส์ลี่ย์ โคมัน, ซาดิโอ มาเน่, เลรอย ซาเน่, แซร์จ นาบรี้ ลามไปถึง เอริค มักซิม ชูโป-โมติง

ก็ต้องบอกว่าอย่างที่ ทูเคิ่ล ได้กล่าวไว้ในงานเปิดตัวแหละครับ ว่า บาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นหนึ่งในทีมที่มีขุมกำลังเป็นระดับท็อปของยุโรป

 

มาเวลาพอเจาะพอเหมาะ & มีคู่มือสู้ เป๊ป

แน่นอนบางคนอาจบอกเสียดาย นาเกลส์มันน์ เพราะ บาเยิร์น มิวนิค กำลังมีลุ้นแชมป์ถึง 3 รายการ แต่เมื่อดูจากหน้างานจริง ต้องบอกตามตรงว่าพวกเขาอาจจะคว้าน้ำเหลวทั้งหมดก็ได้ บุนเดสลีกา ก็ฟอร์มไม่นิ่ง จนตกมาที่สอง, เดฟเอฟเบ โพคาล ก็เพิ่งรอบ 8 ทีม 

ส่วน แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาต้องมาเจอทีมเต็งหนึ่งของรายการอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นทีมที่มีหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดแห่งยุคอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วย

นั่นจึงทำให้นี่ดูเป็นเวลาพอเหมาะพอเจาะที่สุดแล้วที่จะแต่งตั้ง ทูเคิ่ล ชายผู้ที่สร้างความลำบากให้กับ กวาร์ดิโอล่า มากที่สุดคนหนึ่งในอาชีพโค้ช หลังจากเคยเจอกันมาแล้ว 5 ครั้ง เป็น ทูเคิ่ล ที่ชนะได้ถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะการชนะใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศสมัยเขาคุม เชลซี

และยังเป็นเวลาพอเหมาะพอเจาะสำหรับ บุนเดสลีกา ด้วย เพราะนัดแรกในการคุม บาเยิร์น มิวนิค ของ ทูเคิ่ล คือการคุมเจอทีมเก่าของเขาอย่าง ดอร์ทมุนด์ และมันจะเป็นศึกสำคัญแห่งการลุ้นแชมป์ แถมต่อด้วยเจอ ไฟร์บวร์ก ในเดเอฟเบ โพคาล และอีก 2 นัดก็จะเจอกับ แมน.ซิตี้ ใน UCL รอบ 8 ทีมนั่นเอง

และเวลาพักเบรคทีมชาติเป็นสัปดาห์ ก็ดูจะเป็นอะไรที่โอเคที่สุดแล้วสำหรับการตั้งโค้ชช่วงระหว่างฤดูกาล


แต่แน่นอนก็คงยังมีหลายคนที่บ่นและไม่เข้าใจ ว่าทำไมบอร์ดบริหาร บาเยิร์น มิวนิค ถึงใจร้อนรีบปลด นาเกลส์มันน์ ทั้งที่ผลงานแม้ไม่นิ่ง แต่ก็ยังมีดี และไม่ถึงเข้าใกล้คำว่าแย่ด้วยซ้ำ

แต่ถ้าเรานึกอะไรให้มันง่ายขึ้น อย่างเช่นหากคุณจะเชื่อใจใครสักคน ให้คุม บาเยิร์น มิวนิค ชุดนี้ลุ้นแชมป์ถึง 3 รายการ ระหว่าง นาเกลส์มันน์ กับ ทูเคิ่ล แค่นี้จะพอเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ของ เสือใต้ มากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ แต่อย่างไรก็ตามผลงานในสนามสำคัญสุดเสมอ 

ท้ายที่สุดคงต้องมารอดูผลการแข่งขัน ว่าการตัดสินใจเลือก ทูเคิ่ล แบบสุดโต่งครั้งนี้ของ บาเยิร์น มิวนิค จะเป็นช้อยส์ที่ถูกต้องจริงๆ หรือไม่ ?

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline